...
ความจริงก็ซื้อหลายชนิด ไม่ใช่แต่มือถือหรอกครับ คอมฯ ก็ต้องมีสองเครื่อง (อันนี้อนุญาติให้แตกต่างรุ่นกันได้ เพราะซื้อห่างกันพอสมควร) Tablet ก็ต้องมี 2 ตัว ห้องนอนตัว ห้องทำงานตัว หุ่นดูดฝุ่นก็ต้องสองตัว เลื่อย สว่านไฟฟ้าก็ต้องสองชุด ไดร์เป่าร้อน บลาๆๆ เครื่องมือช่างนั้นแหละ มีสองชุดหมด
.
แต่มือถือนี่สิ อาการหนักกว่า ผมใช้งานประจำจริงๆ 3 เครื่อง (คือพกติดตัวตลอด) ผมเลยซื้อมันมารวมเป็น 6 เครื่อง... แต่ผมไม่ได้ซื้อทีเดียวนะครับ ผมก็ซื้อเหมือนคนปกติทั่วๆ ไปตรงที่ เล็ง... ถูกใจ... ซื้อ... แต่ที่ตามมาคือ ถ้ามีเครื่องรุ่นเดียวกันนั้น มาขายลดราคา หรือ เวลาผ่านไปแล้วราคามือสองลดลง... ผมก็จะตามไปซื้อรุ่นนั้นมาจนได้... เป็นแบบนี้มา 6 ครั้ง รวมเกิน 12 เครื่องแล้วครับ (บางรุ่นมีซื้อ 3 เครื่อง)
.
เครื่องกองเต็มบ้าน เพิ่งมีคู่แรก (True Octa ที่พังไปแล้วทั้งคู่ นอกนั้น ยังกองอยู่ร่วม 10 เครื่อง ใช้จริงแค่ 3-4 เครื่องเอง) เพราะผมไม่ชอบขายมือถือที่ใช้ออกเป็นมือสอง มันเสียราคาไปเยอะ (คล้ายๆ รู้สึกสงสารมันว่า ใช้มันจนคุ้มแล้วขายทิ้งเหรอ)...
.
มันรู้สึก... จิต... อ่อนๆ แต่ดีตรง ผมไม่ได้ซื้อเรือธง (เพราะมันแพงเกินงานที่จะใช้) ผมรู้สึกตลอดเวลาว่า ต้องหาเครื่องสำรองไว้ เผื่ออะไหล่ไม่มี ตกรุ่นหาไม่ได้ (ก็อย่างที่บอก ผมไม่นิยมขายมือสอง ใช้จนพังคามือ หรือไม่ใช้ก็เอามาฟังเพลง เป็น PA เตือนเรื่องงาน เรื่องอะไรก็ว่าไป ที่ไม่เกี่ยวกับงานที่ใช้ 3 เครื่องประจำตัว จึงพยายามใช้แบบพังก็ซ่อม)
.
ฉะนั้น ผมจึงซื้อเครื่องที่สองตลอด เมื่อคำนวนแล้วว่าราคามันถูกกว่า เมื่อแยกส่วนมาเป็นอะไหล่ ถ้าราคารวมถูกกว่า แบต+จอ+บอร์ด ผมซื้อทันที... นี่ผมผิดปกติหรือเปล่าหว่า... คราวนี้ขอถามสาระบ้างว่า...
.
***
ถ้าเราจะเก็บเครื่องให้มีอายุยาวนานที่สุด เราควรชาร์ตเต็ม 100 แล้วเก็บ มาเช็คแบตสักอาทิตย์ละครั้ง... หรือ
ชาร์ต 99% แล้วใช้นิดหน่อยทุกวัน ก่อนเก็บก็ชาร์ตให้แบตอยู่สัก 95-99% แบบนี้บ่อยๆ
***
สาระมีแค่นี้แหละครับ คือ ผมจะเก็บเครื่องไว้เป็นอะไหล่ ทำยังไงจึงจะเก็บให้มันมีอายุยืนนานที่สุดครับ
.
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
.
หรือผมจะเป็น... จิต... อ่อนๆ ผมชอบซื้ออะไรสองชิ้นหรือมากกว่า ชวนคุยเมื่อซื้อมือถือซ้ำกันหลายๆ คู่ จะดูแลมันยังไง
ความจริงก็ซื้อหลายชนิด ไม่ใช่แต่มือถือหรอกครับ คอมฯ ก็ต้องมีสองเครื่อง (อันนี้อนุญาติให้แตกต่างรุ่นกันได้ เพราะซื้อห่างกันพอสมควร) Tablet ก็ต้องมี 2 ตัว ห้องนอนตัว ห้องทำงานตัว หุ่นดูดฝุ่นก็ต้องสองตัว เลื่อย สว่านไฟฟ้าก็ต้องสองชุด ไดร์เป่าร้อน บลาๆๆ เครื่องมือช่างนั้นแหละ มีสองชุดหมด
.
แต่มือถือนี่สิ อาการหนักกว่า ผมใช้งานประจำจริงๆ 3 เครื่อง (คือพกติดตัวตลอด) ผมเลยซื้อมันมารวมเป็น 6 เครื่อง... แต่ผมไม่ได้ซื้อทีเดียวนะครับ ผมก็ซื้อเหมือนคนปกติทั่วๆ ไปตรงที่ เล็ง... ถูกใจ... ซื้อ... แต่ที่ตามมาคือ ถ้ามีเครื่องรุ่นเดียวกันนั้น มาขายลดราคา หรือ เวลาผ่านไปแล้วราคามือสองลดลง... ผมก็จะตามไปซื้อรุ่นนั้นมาจนได้... เป็นแบบนี้มา 6 ครั้ง รวมเกิน 12 เครื่องแล้วครับ (บางรุ่นมีซื้อ 3 เครื่อง)
.
เครื่องกองเต็มบ้าน เพิ่งมีคู่แรก (True Octa ที่พังไปแล้วทั้งคู่ นอกนั้น ยังกองอยู่ร่วม 10 เครื่อง ใช้จริงแค่ 3-4 เครื่องเอง) เพราะผมไม่ชอบขายมือถือที่ใช้ออกเป็นมือสอง มันเสียราคาไปเยอะ (คล้ายๆ รู้สึกสงสารมันว่า ใช้มันจนคุ้มแล้วขายทิ้งเหรอ)...
.
มันรู้สึก... จิต... อ่อนๆ แต่ดีตรง ผมไม่ได้ซื้อเรือธง (เพราะมันแพงเกินงานที่จะใช้) ผมรู้สึกตลอดเวลาว่า ต้องหาเครื่องสำรองไว้ เผื่ออะไหล่ไม่มี ตกรุ่นหาไม่ได้ (ก็อย่างที่บอก ผมไม่นิยมขายมือสอง ใช้จนพังคามือ หรือไม่ใช้ก็เอามาฟังเพลง เป็น PA เตือนเรื่องงาน เรื่องอะไรก็ว่าไป ที่ไม่เกี่ยวกับงานที่ใช้ 3 เครื่องประจำตัว จึงพยายามใช้แบบพังก็ซ่อม)
.
ฉะนั้น ผมจึงซื้อเครื่องที่สองตลอด เมื่อคำนวนแล้วว่าราคามันถูกกว่า เมื่อแยกส่วนมาเป็นอะไหล่ ถ้าราคารวมถูกกว่า แบต+จอ+บอร์ด ผมซื้อทันที... นี่ผมผิดปกติหรือเปล่าหว่า... คราวนี้ขอถามสาระบ้างว่า...
.
***
ถ้าเราจะเก็บเครื่องให้มีอายุยาวนานที่สุด เราควรชาร์ตเต็ม 100 แล้วเก็บ มาเช็คแบตสักอาทิตย์ละครั้ง... หรือ
ชาร์ต 99% แล้วใช้นิดหน่อยทุกวัน ก่อนเก็บก็ชาร์ตให้แบตอยู่สัก 95-99% แบบนี้บ่อยๆ
***
สาระมีแค่นี้แหละครับ คือ ผมจะเก็บเครื่องไว้เป็นอะไหล่ ทำยังไงจึงจะเก็บให้มันมีอายุยืนนานที่สุดครับ
.
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
.