ยาวนาน เราจะไม่กล่าวถึงสโมสรอย่างลิเวอร์พูลก็คงจะไม่ได้ไม่ได้ เพราะนี้คือคืออีกหนึ่งสโมสรที่ดีที่สุดในอังกฤษ พวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ความเกรียงไกรไปทั่วเกาะอังกฤษและขยายอิทธิพลครอบคลุมพื้นยุโรป โดยสถิติคว้าแชมป์สูงสุดในประเทศ 19 ครั้งและแชมป์ยุโรปอีก 6 สมัย คือเครื่องการันตี
.
.
.
วันนี้ Goalstorm จะขอยกประวัติความเป็นมาของสโมสร และที่มาของตราสัญลักษณ์ประจำสโมสรลิเวอร์พูลอย่างนก liver bird ว่าทำไมเจ้านกตัวนี้ถึงมาประจำอยู่บนอกเสื้อสโมสร
.
.
.
สโมสร ลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1892 โดย จอห์น โฮลดิง ที่ต้องการสร้างทีมฟุตบอลจึงชวน จอร์น แมคเคนน่าเพื่อนรักให้มาทำหน้าที่ ประธานสโมสร และตั้งชื่อสโมสรว่า Liverpool Football Club เป็นการก่อตั้งสโมสรใหม่ที่แยกตัวออกจากสโมสร เอฟเวอร์ตัน
โดยจอร์น โฮลดิง นั้นนับเป็นเป็นผู้ก่อตั้งสโมสรถึงสองทีม นั้นคือสโมสรเอฟเวอร์ตัน และ ลิเวอร์พูล
.
.
.
ผ่านมาในปี 1894 สโมสรลิเวอร์พูล ได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด ที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายของเมืองลิเวอร์พูล
.
.
.
ซึ่งนกลิเวอร์เบิร์ด นั้นเป็น 1 ใน สัตว์ในตำนานแห่งเทพนิยาย ตราสัญลักษณ์แรกของสโมสร ลิเวอร์พูล จะมีนกลิเวอร์เบิร์ดอยู่ตรงกลาง และด้านข้างสองฝั่งจะเป็น 2 เทพเจ้า คือ เทพโพไซดอนและไทรตัน
.
.
.
ในปี 1901 ลิเวอร์พูล ได้ครองแชมป์สูงสุดครั้งแรกด้วย
ผลงานแข่ง 34 นัด ชนะ 19 เสมอ 7 แพ้ 8 โดยมีนักเตะ โรบินสัน, เพอร์กิ้นส์,
ดันล็อป, โรเบิร์ตส์, โกลดี้, เรสเบ็ค, ฟ็อคซ์, แซทเทิลเวต, เรย์บาวด์, วอลค์เกอร์, อเล็กซ์ เรสเบ็ค เป็นกำลังสำคัญ
.
.
.
ปี 1906 พวกเขาได้พาถ้วยชนะเลิศกลับมาที่แอนฟิลด์อีกครั้ง หลังจากไม่ได้แชมป์มาเกือบ 6ปี
และในที่สุดลิเวอร์พูลได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นครั้งแรกได้ในปี1914 แต่ต้องอกหักพ่ายต่อสโมสรเบิร์นลี่
.
.
.
ค.ศ.1950 ตราสัญลักษณ์ ของพวกเขาถูกเปลี่ยนอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ นกลิเวอร์เบิร์ด มาปรากฎอยู่บนเสื้อสโมสร และในปีนั้นสโมสรก็เข้าสู่รอบชิงแชมป์บอลถ้วยเอฟเอคัพได้เป็นครั้งที่ 2 แต่ในศึกครั้งนี้ ณสนามเวมบลีย์ พวกเขาก็ต้องหอบความเสียใจกลับมาอีกครั้ง โดยสโมสรลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ให้กับอาร์เซนอล พลาดแชมป์ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที้สุดไปอีกครั้ง
.
.
.
ปี1954 สโมสรลิเวอร์ทำสถิติพ่ายแพ้ยับเยินส่งผลให้พวกเขาต้องตกชั้นจากลีกสูงสุด โดยในปีนั้นพวกเขาจบอยู่ที่อันดับที่ 11 จาก 13 ทีมในลีก
.
.
.
ทำให้ปี 1955 ตราสัญลักษณ์ได้ถูกเปลี่ยนอีกครั้ง
และในปี ค.ศ.1962 สโมสรก็เลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่ เฟิสดิวิชั่นอีกครั้งหลังจากตกไปลีกรอง 7 ฤดูกาล
ก่อนที่ปี1964 จะสามารถทวงความยิ่งใหญ่ของเกาะอังกฤษได้และเป็นการชนะเลิศลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 17 ปี
.
.
.
ปี 1968 นกลิเวอร์เบิร์ดได้ออกจากกรอบรูปไข่ ยืนบนตัวย่อชื่อสโมสรโดย ตราสโมสรอันใหม่ ถูกเปิดตัวครั้งแรกในในแมทต์เปิดบ้านรับการมาเยือนของสโมสรจากกรุงลอนดอลเชลซี และผลการแข่งขันจบที่ชัยชนะของลิเวอร์พูล 4-1
.
.
.
ในปี 1985 เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมคร้งใหญ่ ระหว่างเกมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพ ระหว่างลิเวอร์พูล พบกับ ยูเวนตุส แชมป์จากประเทศอิตาลีโดยการแข่งขันถูกจัดขึ้น ที่สนามเฮย์เซล สเตเดี้ยม ประเทศเบลเยี่ยม ก่อนการแข่งขันคณะผู้บริหารสโมสรไม่เห็นด้วยที่จะใช้สนามนี้จัดการแข่งขัน เพราะสนามแห่งนี้ทรุดโทรมมาก แต่เรื่องที่ได้ยื่นไปไม่ได้รับการตอบกลับ ทำให้ทั้งสองทีมต้องกลับมา แข่งขันที่สถานเฮย์เซล
ก่อนการแข่งขัน
.
.
มีการปะทะระหว่างกองเชียร์ของทั้งสองฝ่าย ก่อนจะขยายตัวและรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดแฟนบอลของทั้งสองทีมก็ทำลายรั้วกั้นเพื่อเผชิญหน้ากัน ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อกำแพงของสนามเกิดทรุดตัวถล่มลงมาทับร่างของแฟนบอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ถึง 39 คน บาดเจ็บราว 600 ราย (ผู้เสียชีวิตส่วนมากเป็นแฟนบอลยูเวตุส)
แต่การแข่งขันก็ยังดำเนินต่อไป ก่อนที่การม้าลาย ยูเวนตุส จะชนะเอา ลิเวอร์พูลไป 1-0 เหตุการณ์ครั้งนั้นถูกเรียกขานว่า โศกนาฏกรรมเฮย์เซล
.
.
.
ในปี 1987 มีการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์อีกครั้ง และเป็นการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์ครั้งใหญ่ของสโมสรลิเวอร์พูล
การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นการนำเอา นกลิเวอร์เบิร์ด มาไว้ตรงกลางกรอบรูปโล่ และตัดตัวย่อของทีมออก โดยใส่เป็นคำเต็มว่า Liverpool Football Club
.
.
.
ในปี 1989 สโมสรลิเวอร์พูลได้เกิดการสูญเสียขึ้นอีกครั้ง และเหตุการนี้ ถือว่าเป็นสูญเสียครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูลเลยก็ว่าได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 ในการแข่งขันฟุตบอล
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ น็อตติ่งแฮมฟอเรส
การแข่งขันถูกจัดขึ้นที่ สนามฮิลส์โบโร่ รังเหย้าของทีมเชฟฟิลด์ เว้นเดย์
โดยหลังจากเกมเริ่มขึ้นได้เพียงไม่กี่นาที ผู้ตัดสินก็ได้สั่งให้ยุติการแข่งขันทันที เนื่องจากมีแฟนบอลเข้าไปในสนามมากเกินกว่าที่สนามจะรับได้ จนแฟนบอลแถวหน้าถูกอัดกับรั้วและถูกเหยียบจากคลื่นมนุษย์ที่ทะลักเข้าสู่สนามและหลังจากเหตุการณ์สงบลง ก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 96 ราย เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถูกขนานนามว่า โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร
.
.
.
ปี 1992 สโมสรลิเวอร์พูลได้ทำตราสัญลักษณ์ขึ้นมาใหม่เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี ของสโมสร ทำให้ตราสัญลักษณ์ถูกเปลี่ยนให้ดูดีขึ้นและยังมีคำว่า 100 Year ที่หมายถึงการเดินทางอันยาวนานของสโมสร
แต่ถัดมาในปีต่อมา ตราสัญลักษณ์ก็กลับมาใช้ รูปแบบเดิมเพียงแต่ตัดคำ 100 ปี ออก ต่อมาในปี 1999 สโมสรลิเวอร์พูล ได้ปรับตราสัญลักษณ์ ให้ดูทันสมัยขึ้นอีกครั้งและตราสัญลักษณ์นี้ได้ ถูกนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน
.
.
.
โดยตลอด 100 กว่าปีของสโมสรลิเวอร์พูล สโมสรได้ผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมายและหนึ่งในเหตุการณ์ที่ตราตรึงใจของแฟนบอลและสโมสรก็คือ ค่ำคืนมหัศจรรย์ที่อิสตันบลู (The miracle of Istanbul)
โดยเหตุการณ์นั้นเป็น เกมนัดชิงชนะเลิศรายการยุฟ่าแชมเปี้ยนลีกปี2005 ระหว่างลิเวอร์พูล กับ เอซีมิลาน หลังจากเกมที่ตามถึง สามประตูในครึ่งเวลาแรก ก่อนที่พวกเขาได้สร้างปาฏิหารย์ตามตีเสมอ
เป็น 3-3 ทำให้ศึกในครั้งนี้ต้องไปวัดกันที่ จุดโทษ สกอร์ในการยิงลูกโทษเสมอกันที่ 2-2 จนมาถึงลูกสุดท้ายของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูลซัดตุงตาข่ายขึ้นนำเป็น 3-2 จนมาถึงฝั่งเอซีมิลาน โดยเอซีมิลานส่ง อังเดร เชฟเชงโก้ อดีตนักเตะเจ้าของรางวัลบอลลงดอร์ ลงมาทำหน้าที่สังหารประตู แต่ เจอร์ซี่ ดูเด็คก็สามารถเซฟเอาไว้ได้ ทำให้สโมสรลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ในปีนั้นไปครอง
.
นี้เป็นเพียงตำนานส่วนหนึ่งของ สโมสร ลิเวอร์พูล เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นโศกนาฏกรรม หรือปาฏิหารย์ ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาหลอมรวมความยิ่งใหญ่ไว้ภายใต้ชื่อ Liverpool Football Club
.
#Goalstorm #โกลสตรอม #ลิเวอร์พูล #ฟุตบอลโลก2022 #เซียนเกลี้ยง
ที่มา goalstorm
รวบรวมภาพตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน กว่าจะมาเป็นตราสัญลักษณ์สโมสร ลิเวอร์พูล
ยาวนาน เราจะไม่กล่าวถึงสโมสรอย่างลิเวอร์พูลก็คงจะไม่ได้ไม่ได้ เพราะนี้คือคืออีกหนึ่งสโมสรที่ดีที่สุดในอังกฤษ พวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ความเกรียงไกรไปทั่วเกาะอังกฤษและขยายอิทธิพลครอบคลุมพื้นยุโรป โดยสถิติคว้าแชมป์สูงสุดในประเทศ 19 ครั้งและแชมป์ยุโรปอีก 6 สมัย คือเครื่องการันตี
.
.
.
วันนี้ Goalstorm จะขอยกประวัติความเป็นมาของสโมสร และที่มาของตราสัญลักษณ์ประจำสโมสรลิเวอร์พูลอย่างนก liver bird ว่าทำไมเจ้านกตัวนี้ถึงมาประจำอยู่บนอกเสื้อสโมสร
.
.
.
สโมสร ลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1892 โดย จอห์น โฮลดิง ที่ต้องการสร้างทีมฟุตบอลจึงชวน จอร์น แมคเคนน่าเพื่อนรักให้มาทำหน้าที่ ประธานสโมสร และตั้งชื่อสโมสรว่า Liverpool Football Club เป็นการก่อตั้งสโมสรใหม่ที่แยกตัวออกจากสโมสร เอฟเวอร์ตัน
โดยจอร์น โฮลดิง นั้นนับเป็นเป็นผู้ก่อตั้งสโมสรถึงสองทีม นั้นคือสโมสรเอฟเวอร์ตัน และ ลิเวอร์พูล
.
.
.
ผ่านมาในปี 1894 สโมสรลิเวอร์พูล ได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด ที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายของเมืองลิเวอร์พูล
.
.
.
ซึ่งนกลิเวอร์เบิร์ด นั้นเป็น 1 ใน สัตว์ในตำนานแห่งเทพนิยาย ตราสัญลักษณ์แรกของสโมสร ลิเวอร์พูล จะมีนกลิเวอร์เบิร์ดอยู่ตรงกลาง และด้านข้างสองฝั่งจะเป็น 2 เทพเจ้า คือ เทพโพไซดอนและไทรตัน
.
.
.
ในปี 1901 ลิเวอร์พูล ได้ครองแชมป์สูงสุดครั้งแรกด้วย
ผลงานแข่ง 34 นัด ชนะ 19 เสมอ 7 แพ้ 8 โดยมีนักเตะ โรบินสัน, เพอร์กิ้นส์,
ดันล็อป, โรเบิร์ตส์, โกลดี้, เรสเบ็ค, ฟ็อคซ์, แซทเทิลเวต, เรย์บาวด์, วอลค์เกอร์, อเล็กซ์ เรสเบ็ค เป็นกำลังสำคัญ
.
.
.
ปี 1906 พวกเขาได้พาถ้วยชนะเลิศกลับมาที่แอนฟิลด์อีกครั้ง หลังจากไม่ได้แชมป์มาเกือบ 6ปี
และในที่สุดลิเวอร์พูลได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นครั้งแรกได้ในปี1914 แต่ต้องอกหักพ่ายต่อสโมสรเบิร์นลี่
.
.
.
ค.ศ.1950 ตราสัญลักษณ์ ของพวกเขาถูกเปลี่ยนอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ นกลิเวอร์เบิร์ด มาปรากฎอยู่บนเสื้อสโมสร และในปีนั้นสโมสรก็เข้าสู่รอบชิงแชมป์บอลถ้วยเอฟเอคัพได้เป็นครั้งที่ 2 แต่ในศึกครั้งนี้ ณสนามเวมบลีย์ พวกเขาก็ต้องหอบความเสียใจกลับมาอีกครั้ง โดยสโมสรลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ให้กับอาร์เซนอล พลาดแชมป์ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที้สุดไปอีกครั้ง
.
.
.
ปี1954 สโมสรลิเวอร์ทำสถิติพ่ายแพ้ยับเยินส่งผลให้พวกเขาต้องตกชั้นจากลีกสูงสุด โดยในปีนั้นพวกเขาจบอยู่ที่อันดับที่ 11 จาก 13 ทีมในลีก
.
.
.
ทำให้ปี 1955 ตราสัญลักษณ์ได้ถูกเปลี่ยนอีกครั้ง
และในปี ค.ศ.1962 สโมสรก็เลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่ เฟิสดิวิชั่นอีกครั้งหลังจากตกไปลีกรอง 7 ฤดูกาล
ก่อนที่ปี1964 จะสามารถทวงความยิ่งใหญ่ของเกาะอังกฤษได้และเป็นการชนะเลิศลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 17 ปี
.
.
.
ปี 1968 นกลิเวอร์เบิร์ดได้ออกจากกรอบรูปไข่ ยืนบนตัวย่อชื่อสโมสรโดย ตราสโมสรอันใหม่ ถูกเปิดตัวครั้งแรกในในแมทต์เปิดบ้านรับการมาเยือนของสโมสรจากกรุงลอนดอลเชลซี และผลการแข่งขันจบที่ชัยชนะของลิเวอร์พูล 4-1
.
.
.
ในปี 1985 เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมคร้งใหญ่ ระหว่างเกมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพ ระหว่างลิเวอร์พูล พบกับ ยูเวนตุส แชมป์จากประเทศอิตาลีโดยการแข่งขันถูกจัดขึ้น ที่สนามเฮย์เซล สเตเดี้ยม ประเทศเบลเยี่ยม ก่อนการแข่งขันคณะผู้บริหารสโมสรไม่เห็นด้วยที่จะใช้สนามนี้จัดการแข่งขัน เพราะสนามแห่งนี้ทรุดโทรมมาก แต่เรื่องที่ได้ยื่นไปไม่ได้รับการตอบกลับ ทำให้ทั้งสองทีมต้องกลับมา แข่งขันที่สถานเฮย์เซล
ก่อนการแข่งขัน
.
.
มีการปะทะระหว่างกองเชียร์ของทั้งสองฝ่าย ก่อนจะขยายตัวและรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดแฟนบอลของทั้งสองทีมก็ทำลายรั้วกั้นเพื่อเผชิญหน้ากัน ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อกำแพงของสนามเกิดทรุดตัวถล่มลงมาทับร่างของแฟนบอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ถึง 39 คน บาดเจ็บราว 600 ราย (ผู้เสียชีวิตส่วนมากเป็นแฟนบอลยูเวตุส)
แต่การแข่งขันก็ยังดำเนินต่อไป ก่อนที่การม้าลาย ยูเวนตุส จะชนะเอา ลิเวอร์พูลไป 1-0 เหตุการณ์ครั้งนั้นถูกเรียกขานว่า โศกนาฏกรรมเฮย์เซล
.
.
.
ในปี 1987 มีการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์อีกครั้ง และเป็นการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์ครั้งใหญ่ของสโมสรลิเวอร์พูล
การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นการนำเอา นกลิเวอร์เบิร์ด มาไว้ตรงกลางกรอบรูปโล่ และตัดตัวย่อของทีมออก โดยใส่เป็นคำเต็มว่า Liverpool Football Club
.
.
.
ในปี 1989 สโมสรลิเวอร์พูลได้เกิดการสูญเสียขึ้นอีกครั้ง และเหตุการนี้ ถือว่าเป็นสูญเสียครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูลเลยก็ว่าได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 ในการแข่งขันฟุตบอล
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ น็อตติ่งแฮมฟอเรส
การแข่งขันถูกจัดขึ้นที่ สนามฮิลส์โบโร่ รังเหย้าของทีมเชฟฟิลด์ เว้นเดย์
โดยหลังจากเกมเริ่มขึ้นได้เพียงไม่กี่นาที ผู้ตัดสินก็ได้สั่งให้ยุติการแข่งขันทันที เนื่องจากมีแฟนบอลเข้าไปในสนามมากเกินกว่าที่สนามจะรับได้ จนแฟนบอลแถวหน้าถูกอัดกับรั้วและถูกเหยียบจากคลื่นมนุษย์ที่ทะลักเข้าสู่สนามและหลังจากเหตุการณ์สงบลง ก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 96 ราย เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถูกขนานนามว่า โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร
.
.
.
ปี 1992 สโมสรลิเวอร์พูลได้ทำตราสัญลักษณ์ขึ้นมาใหม่เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี ของสโมสร ทำให้ตราสัญลักษณ์ถูกเปลี่ยนให้ดูดีขึ้นและยังมีคำว่า 100 Year ที่หมายถึงการเดินทางอันยาวนานของสโมสร
แต่ถัดมาในปีต่อมา ตราสัญลักษณ์ก็กลับมาใช้ รูปแบบเดิมเพียงแต่ตัดคำ 100 ปี ออก ต่อมาในปี 1999 สโมสรลิเวอร์พูล ได้ปรับตราสัญลักษณ์ ให้ดูทันสมัยขึ้นอีกครั้งและตราสัญลักษณ์นี้ได้ ถูกนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน
.
.
.
โดยตลอด 100 กว่าปีของสโมสรลิเวอร์พูล สโมสรได้ผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมายและหนึ่งในเหตุการณ์ที่ตราตรึงใจของแฟนบอลและสโมสรก็คือ ค่ำคืนมหัศจรรย์ที่อิสตันบลู (The miracle of Istanbul)
โดยเหตุการณ์นั้นเป็น เกมนัดชิงชนะเลิศรายการยุฟ่าแชมเปี้ยนลีกปี2005 ระหว่างลิเวอร์พูล กับ เอซีมิลาน หลังจากเกมที่ตามถึง สามประตูในครึ่งเวลาแรก ก่อนที่พวกเขาได้สร้างปาฏิหารย์ตามตีเสมอ
เป็น 3-3 ทำให้ศึกในครั้งนี้ต้องไปวัดกันที่ จุดโทษ สกอร์ในการยิงลูกโทษเสมอกันที่ 2-2 จนมาถึงลูกสุดท้ายของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูลซัดตุงตาข่ายขึ้นนำเป็น 3-2 จนมาถึงฝั่งเอซีมิลาน โดยเอซีมิลานส่ง อังเดร เชฟเชงโก้ อดีตนักเตะเจ้าของรางวัลบอลลงดอร์ ลงมาทำหน้าที่สังหารประตู แต่ เจอร์ซี่ ดูเด็คก็สามารถเซฟเอาไว้ได้ ทำให้สโมสรลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ในปีนั้นไปครอง
.
นี้เป็นเพียงตำนานส่วนหนึ่งของ สโมสร ลิเวอร์พูล เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นโศกนาฏกรรม หรือปาฏิหารย์ ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาหลอมรวมความยิ่งใหญ่ไว้ภายใต้ชื่อ Liverpool Football Club
.
#Goalstorm #โกลสตรอม #ลิเวอร์พูล #ฟุตบอลโลก2022 #เซียนเกลี้ยง
ที่มา goalstorm