เกริ่นก่อนว่า ผมเป็นผู้ชายเเท้ เป็นวัยรุ่นคนนึง ที่ทราบถึงวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ การนำเข้าส่งออกที่รั้งท้ายอาเซียน ยากกับการต่อกร กับ ประเทศ เวียดนาม หรือ สิงคโปร์ เเละยังมีโควิด ต่อเนื่องอีก ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยโดยตรง
ทำให้เราพยายามระดมสมอง สร้างเมกะโปรเจค ระยะ ใกล้ กลาง เเละ ระยะยาว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาที่ประเทศไทย เเต่ดูเเล้วก็ค่อนข้างยากเเละใช้เวลา ยิ่งประเทศเพื่อนบ้านก็พัฒนาไปมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนเเล้ว เราจึงสร้างโปรเจคขนาดใหญ่ที่ดูค่อนข้างไกลตัว เเละ ยากต่อการพยากรณ์ว่าจะคุ้นต่อการลงทุนหรือไม่ ผมจึงคิดว่า เราเอา"เอกลักษณ์ของประเทศไทยออกมาขาย" ให้กับชาวโลก เอกลักษณ์ของคนไทย ที่เป็นประเทศเสรี ไม่ปิดกั้นทางเพศ เหมือนในประเทศ อื่นๆ ผมกล้าพูดว่า เเม้เเต่ใต้หวัน มีกฎหมายให้จดทะเบียนเเต่งงาน เพศที่ 3 ได้ เเต่ในสังคมเขาจริงๆเเล้วยังไม่ได้เปิดรับเท่าประเทศไทยด้วยซ้ำ + กับประเทศเราเป็นที่รู้จักอยู่เเล้วว่า วงการเเพทย์ นั้นติดอันดับ 6 ของโลก ผมจึงอยากให้รัฐ สร้างเมกะโปรเจค อุตสาหกรรม การเเปลงเพศ สำหรับเพศทางเลือก ขึ้นที่จังหวัดเล็กๆ ในไทย ที่ค่อนข้างยากจน เเละทำเลดี กลายเป็นเมืองใหม่ เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ รองรับผู้คนหลั่งไหลจากทั่วโลก เเน่นอนว่าการยอมรับต่อเพศที่ 3 ในอนาคต จะมีเเต่มากขึ้นเเละมากขึ้น เราควรเอาจุดเด่นตรงนี้มาต่อยอดในไทย โปรโมทไปเลยว่าเป็นโรงพยาบาล สำหรับ LGBT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (คุณจะเเปลงเพศ เสริมนู่น เสริ่มนี่ ต้องมาที่ไทย เป็นตัวเลือกเเรก) ได้ทั้งอุตสหกรรมการท่องเที่ยว มาเเล้วก็ต้องใช้จ่ายในประเทศไทย เป็นอาทิตย์ๆ รวมถึง อุตสาหกรรมในทางการเเพทย์ ทำให้เรา เป็น HUB สำหรับชาว LGBT โดยเเท้จริง คิดดูว่า เพศทางเลือกจากทุกประเทศทั่วโลก มาที่ไทย เม็ดเงินที่เข้าประเทศเราจะมากขนาดไหน
ผมนั่งดูโปรเจคต่างๆของภาครัฐ อยู่ดีๆก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมา ทุกท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราควรฉกฉวยโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมา เเละผมคิดว่าโครงการนี้จะทำให้เรากลับมาบูมในเรื่องการท่องเที่ยวอีกครั้ง
ผมมีความคิด อยากให้ประเทศไทย สร้างเมกะโปรเจค เป็น HUB ของ LGBT ยกระดับอุตสหกรรมทางเพศ
ทำให้เราพยายามระดมสมอง สร้างเมกะโปรเจค ระยะ ใกล้ กลาง เเละ ระยะยาว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาที่ประเทศไทย เเต่ดูเเล้วก็ค่อนข้างยากเเละใช้เวลา ยิ่งประเทศเพื่อนบ้านก็พัฒนาไปมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนเเล้ว เราจึงสร้างโปรเจคขนาดใหญ่ที่ดูค่อนข้างไกลตัว เเละ ยากต่อการพยากรณ์ว่าจะคุ้นต่อการลงทุนหรือไม่ ผมจึงคิดว่า เราเอา"เอกลักษณ์ของประเทศไทยออกมาขาย" ให้กับชาวโลก เอกลักษณ์ของคนไทย ที่เป็นประเทศเสรี ไม่ปิดกั้นทางเพศ เหมือนในประเทศ อื่นๆ ผมกล้าพูดว่า เเม้เเต่ใต้หวัน มีกฎหมายให้จดทะเบียนเเต่งงาน เพศที่ 3 ได้ เเต่ในสังคมเขาจริงๆเเล้วยังไม่ได้เปิดรับเท่าประเทศไทยด้วยซ้ำ + กับประเทศเราเป็นที่รู้จักอยู่เเล้วว่า วงการเเพทย์ นั้นติดอันดับ 6 ของโลก ผมจึงอยากให้รัฐ สร้างเมกะโปรเจค อุตสาหกรรม การเเปลงเพศ สำหรับเพศทางเลือก ขึ้นที่จังหวัดเล็กๆ ในไทย ที่ค่อนข้างยากจน เเละทำเลดี กลายเป็นเมืองใหม่ เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ รองรับผู้คนหลั่งไหลจากทั่วโลก เเน่นอนว่าการยอมรับต่อเพศที่ 3 ในอนาคต จะมีเเต่มากขึ้นเเละมากขึ้น เราควรเอาจุดเด่นตรงนี้มาต่อยอดในไทย โปรโมทไปเลยว่าเป็นโรงพยาบาล สำหรับ LGBT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (คุณจะเเปลงเพศ เสริมนู่น เสริ่มนี่ ต้องมาที่ไทย เป็นตัวเลือกเเรก) ได้ทั้งอุตสหกรรมการท่องเที่ยว มาเเล้วก็ต้องใช้จ่ายในประเทศไทย เป็นอาทิตย์ๆ รวมถึง อุตสาหกรรมในทางการเเพทย์ ทำให้เรา เป็น HUB สำหรับชาว LGBT โดยเเท้จริง คิดดูว่า เพศทางเลือกจากทุกประเทศทั่วโลก มาที่ไทย เม็ดเงินที่เข้าประเทศเราจะมากขนาดไหน
ผมนั่งดูโปรเจคต่างๆของภาครัฐ อยู่ดีๆก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมา ทุกท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราควรฉกฉวยโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมา เเละผมคิดว่าโครงการนี้จะทำให้เรากลับมาบูมในเรื่องการท่องเที่ยวอีกครั้ง