(กระทู้อยากฝากไปบอก) ผมถึงคุณผช ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร ตั๋วเล่มที่ 07896 วันที่ 14 มีนาคม 2564 เวลา 14:00-16:30

กระทู้สนทนา
ขอสาบานต่อพระพุทธสิหิงค์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง รู้สึกอึดอัดใจ วันนี้ลองโทรไปถามที่พิพิธภัณฑ์เผื่อมีข้อมูล ดันปิดวันจันทร์-อังคาร  ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงอยากขอพื้นที่เล็กๆ บอกเล่าเผื่อจะได้พบเขาอีกครั้งครับ และเป็นอุทาหรณ์ว่าถ้ามีโอกาส อย่าปล่อยให้หลุดไปง่ายๆนะครับ ลองเขาไปทักทายก็ไม่เสียหายครับ
 
 
ก่อนอื่นเรียนว่า ตัวผมเป็น ผช บุคคลที่อยากบอกก็คือ ผช ครับ คิดว่าปี 2021 แล้วคงไม่มีการเหยียดเพศกันนะครับ
 
 
และก็ถึงแม้ยุคนี้จะมีสื่อโซเชียลมากมาย แต่ผมก็ยังคิดถึงพันทิปเป็นช่องทางแรกในใจ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ไม่เคยคิดว่าจะมาตั้งหรือบอกเล่าอะไร เพราะชอบอ่านอย่างเดียว วันนี้มีเรื่องอึดอัดใจ กระวนกระวายใจบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เล่นพันทิป หรือเขาจะไม่ใช่คนไทยก็ตาม (หน้าเหมือนคนญี่ปุ่น/จีนมาก) แถมปิดแมส บวกเขินมากไม่กล้ามองหน้า แต่ผมไม่สนใจ วันนี้ขอได้บอกเล่าออกไป ก็สบายใจแล้วครับ 
 
 
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนี้เครียดเรื่องงานมาก แม้จะเหนื่อยมากแต่วันนี้ในใจบอกว่าต้องไปไหว้ขอพรพระพุทธสิหิงค์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครให้ได้ ตัวขี้เกียจสุดๆ วันอาทิตย์ไม่อยากตื่น แต่ใจบอกยังไงก็ต้องไปให้ได้ ก็เลยไป เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์มากๆอยู่แล้ว เลยชวนเพื่อนสนิทมา อุตสาห์นั่งรถมาจากพระประแดง 555
 
 
ตะลอนกิน เที่ยวคาเฟ่ ในพระนครจนได้เวลาไปพิพิธภัณฑ์สักที ปาไปบ่ายโมงกว่า ก็ตามสเตป ชมหมู่อาคาร จนถึงหมู่พระวิมาน6 เพื่อนสนิทก็บอกผมว่า เหมือนมีคนตาม ผมก็ถามว่าตามใคร? เพื่อนผมบอกว่าตามมเมิงงอ่ะ 555 ผมยังขำ ใครจะมาตามผม ผมเลยบอกไปว่า ก็อาจจะเดินตามๆกันไม่เห็นแปลก พิพิธภัณฑ์มันก็เดินแบบนี้ วนไปวนมาได้ (พยายามคิดแบบนั้น แต่ผมเป็นคนเซนต์แรง รู้สึกได้ว่ามีคนตามเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร)
 
 
ทีนี้ เดินมาก เมื่อย หิวน้ำ อยากนั่งกินของทานเล่น ตอนออกมาจากหมู่พระวิมาน6 ก่อนจะเดินเปลี่ยนไปที่อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์5 มีคาเฟ่เล็กๆชื่อ ท้ายวัง ผมกับเพื่อนก็สั่งน้ำ ซื้อไอติมกินกัน เพื่อนผมก็ยังสปอยไม่หยุดว่า เขาตามผมจริงๆ เพื่อนผมพูดคำนึงว่า คนที่มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์คนเดียว คิดดูว่าเขาเหงาขนาดไหน ผมสะอึกเลยอ่ะ เพราะแต่ก่อนมาคนเดียวประจำ ทุกที่ เพราะไม่ชอบให้คนมายืนรอด้วยมั้งครับ แต่ในใจเหงามากๆ แล้วเพื่อนผมก็บอกว่า เนี้ยดูนะ เดี๋ยวเขาตามมาคาเฟ่ ... ผมก็บอกว่าไม่แปลก ก็มีพักเบรกบ้าง มาเที่ยวไม่ได้มาทำงาน ... พูดไม่ทันขาดคำ เขามาจริง 555 (เพื่อนสนิทผมคนนี้ผ่านความรักมาโชกโชน 555 ไม่แปลกใจทำไมแม่น)
 
 
ผมก็นั่งกินของ คุยเล่นกับเพื่อนปกติ แต่สายตาก็แอบมองเขา แต่มองไม่ถนัดมีแมสบัง เห็นแต่ครึ่งบน ทำไมไม่เหมือนคนไทย เหมือนคนญี่ปุ่น คนจีนมากกว่า ทันใดนั้นเขาก็มานั่งโต๊ะข้างๆ เยื้องผม ทั้งๆที่ในร้านมีที่นั่งว่างอีกเพียบเลย โอ้โห! ทีนี้เพื่อนผมชงไม่หยุด ชงเข้มมาก แต่ด้วยความมึนของผมเองเลย ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เพื่อนสื่อ 555 แต่ตอนนั้นรู้สึกทั้งอาย ทั้งเขินมาก ที่เพื่อนเราพูดแอบเสียงดัง สื่อให้ทางฝ่ายนั่นว่า ผมก็สนใจนะ ... ผมนี่ได้แต่นั่งหันข้างๆแทบจะหันหลังให้เขา เพื่อนถามไรก็ตอบเบาๆ ตอนนั้นอยากไปให้พ้นๆจากตรงนั้นมาก มันเป็นสถานการณ์ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตครับ รับมือไม่ถูก 555 
 
 
จนกินเสร็จ ผมกับเพื่อนก็ออกจากคาเฟ่ก่อน เพราะเวลาใกล้หมด ยังเหลืออีกสามอาคาร ก็เดินๆต่อ ก็พบเขาอีกแบบผมออกจากอาคาร เขาเข้าต่อ (ทั้งๆที่วันอาทิตย์แต่คนน้อยมาก แทบร้าง ทั้งอาคารมีเพียงผม เพื่อนผม และเขา อยู่สวนกันไปๆมาๆ555) จนมาพบกันที่คิดว่าอาจเป็นการพบเขาครั้งสุดท้ายที่โรงราชรถ ผมก็ยืนดูอยู่พระราชยานอยู่ เขาก็เดินเข้ามา ใจอยากมองหน้าระยะใกล้ๆมากแล้วอย่างน้อยก็พงกหัวทักทาย แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ก้มหน้าก้มตา แล้วเขาก็ผ่านผมไปด้านใน ส่วนตัวผมก็เดินไปดูพระราชยานด้านหน้าสำหรับพระสังฆราช (มันต้องอ้อม) จากนั้นก็ออก แล้วผมก็ไม่เห็นเขาอีกเลย จำได้เพียงวันนั้นเขาใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงขาสั้นขาวหรือเนื้ออ่อนไม่แน่ใจ สูงสัก 175-180 หน้าแนวญี่ปุ่น/จีน
 
 
ที่มาเล่า ไม่ได้อยากดัง อยากเพียงแค่พยายามทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มที่ เผื่อจะมีโอกาสได้พบเขาอีกครั้ง แล้วพูดกล่าวทักทาย เพียงแค่นี้ครับ ตอนนี้รู้สึกเสียดาย ขนาดเพื่อนชงให้หนักมาก ยังไม่กล้า เหมือนต่างคนต่างเขิน (เพื่อนผมบอก 555) อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้มีโอกาสระบายความรู้สึกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แค่นี้ก็รู้สึกสบายใจมากๆ แม้ว่าจะไม่ได้พบเขาอีกก็ตามครับ 
 
 
สุดท้ายอยากฝากให้ทุกคนถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปนะครับ โอกาสนี้อาจจะเป็นเพียงครั้งเดียว ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เขาคนนั้นอาจจะเป็นคู่ชีวิตที่ตามหามาตลอดก็ได้นะครับ อย่าปิดโอกาสตัวเองนะครับ ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ยากเกินจะอธิบาย แต่ผมมั่นใจว่าทุกคนสามารถรับรู้ด้วยความรู้สึกของตัวเอง ว่ามันใช่หรือไม่ใช่นะครับ 
 
 
ส่วนตัวไม่เคยเชื่อเรื่องความรักแรกพบเพียงสบตา หรือพรหมลิขิตบรรดาลชักพา (ด้วยความที่เป็นเพศทางเลือก เลยไม่ค่อยเชื่อในเรื่องความรักว่ามีจริงในหมู่ ช-ช) วันนี้แอบเปลี่ยนความคิดไปว่า ถ้าเราอยู่ในสถานที่หรือมีความสนใจเหมือนกัน โอกาสเจอคนที่ใช่ มีสิทธิแน่นอน ดังนั้นอยากเจอคนแบบไหนให้พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่และความสนใจนั้นๆนะครับ แล้วก็อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดไปง่ายๆแบบผมนะครับ 
 
 
ปล. ขอฝากไว้ว่าใครมีเพื่อน/คนรู้จัก มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร วันที่ 14 มีนาคม 2564 เวลา 14:00-16:30 ก็หลังไมค์มาบอกผมนะ ผมอยากทักทายเขาสักครั้งครับ (ถ้ามีโอกาส) ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่