JJNY : ยาเสพติดขายส่งเม็ดละ16บ.│ฉันทนายุคลุงตกงานของจริง1.5ล.คน│'นิกร'เตรียมโหวตวาระ3│วีระแนะจับตาป.ป.ช.หลังเลื่อนส่ง

จับเครือข่ายยาเสพติด พบขายส่งเม็ดละ 16 บาท
https://www.one31.net/news/detail/28956

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ จับกุมตัว นายนคร พรหมแสง อายุ 42 ปี ขณะขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่ ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่ตรวจค้นในกระเป๋าสะพายพบยาบ้าจำนวน 600 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ค้าที่ นายนคร รับยาบ้ามา โดยขอซื้อยาบ้าด้วยเงินจำนวน 27,000 บาท ยาบ้าจำนวน 1,600 เม็ด หรือเม็ดละ 16 บาท เท่านั้น โดยทางผู้ที่รับสายให้ไปรับยาที่ ต.สินปุน อ.เขาพนม จ.กระบี่
 
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. คืนวันที่ 11 มี.ค. และพบ นายชนิสร ทองจิตต์ อายุ 21 ปี ขี่ จยย.นำยาบ้ามาส่งให้ เจ้าหน้าที่แสดงตนเข้าจับกุมได้ยาบ้าจำนวน 1,600 เม็ด และนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 4 ต.สินปุน ซึ่งเป็นบ้านย่าของ นายชนิสร พบมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในห้องนอนอีกจำนวน 2,600 เม็ด รวมยาบ้าของนายชนิสร จำนวน 4,200 เม็ด จึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองกระบี่
 
นายชนิสร รับว่า เพิ่งมารับยาบ้าโดยตนทำหน้าที่ส่งยาบ้าให้กับ นายใหญ่ เมื่อมีการโทรแจ้งตนก็จะนำยาบ้าไปส่งให้กับผู้ค้าที่มารับเท่านั้น โดยทำมาแล้วประมาณ 5 รอบ แต่ละรอบมียาบ้ามาส่งให้ประมาณ 10,000 เม็ด ซึ่งสาเหตุที่ตนต้องมาค้ายาเพราะไม่มีงานทำ ก่อนหน้านี้ทำงานโรงแรมที่อ่าวนาง แต่โรงแรมปิดกิจการเพราะโควิดไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าพัก จึงกลับมาบ้านอยู่กับย่า และมีเพื่อนมาชวนเสพยา ก่อนที่จะกลายเป็นคนส่งยาบ้าในที่สุด ส่วนค่าแรงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับนายใหญ่จะให้
 
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายใหญ่รายดังกล่าวเป็นใครแล้ว พบเป็นเครือข่ายใหญ่ที่ค้ายาบ้าใน จ.กระบี่ และนครศรีธรรมราช มี นายปาล์ม เป็นผู้สั่งการ ซี่งตรวจสอบพบว่ามีหมายจับคดียาบ้าในพื้นที่ อ.เขาพนม อยู่ด้วย ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ทั้ง 2 คน มียาเสพติดประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำส่ง สภ.เมืองกระบี่ และ สภ.เขาพนม ดำเนินคดีต่อไป.
 


ฉันทนายุคลุงตกงาน1.3พันของจริง1.5ล.คน
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_60159/

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ฉันทนายุคลุงตกงาน1.3พันของจริง1.5ล.คน(click ดูวิดีโอ)
 
เป็นความหดหู่ สะเทือนใจให้กับเศรษฐกิจไทยอยู่ไม่น้อย เมื่อธุรกิจต้องปิดกิจการ เลิกจ้างพนักงานเฉียบพลัน เซ่นโควิด-19 เช้าวันที่ 11 มีนาคม 2564 เป็นอีกหนึ่งวันที่เศรษฐกิจไทยต้องถูกจดจำ เพราะเป็นวันที่หนุ่มสาวโรงงานผลิตชุดชั้นใน ที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี สมุทรปราการ จำนวน 1,388 ชีวิต ต้องเคว้งคว้าง ตกงานกะทันหัน หลังจากบริษัทประกาศปิดกิจการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า “น้ำตา” คือ ความทุกข์ ที่สะท้อนถึงความรู้สึกของ “ลูกจ้าง” หลังถูกลอยแพแน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ “ธุรกิจ” และ “ลูกจ้าง” ณ วันนี้ ย่อมตอกย้ำถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงอาการไม่น่าไว้วางใจ
 
ในมุมมอง นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกจ้าง 1,383 ชีวิตที่ต้องตกงานนั้น เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง เพราะประเมิณคราวๆ ตัวเลขว่างงานของประเทศไทยแตะ 1.5 ล้านคนเป็นอย่างต่ำ
 
นายธนิต บอกด้วยว่า สิ่งสำคัญ ณ เวลานี้เพื่อที่จะให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และรักษาลูกจ้างให้มีงานทำ นั่นคือ ภาครัฐจะต้องช่วยเหลือให้ธุรกิจมีสภาพคล่อง โดยเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน เพราะไม่เช่นนั้น การปิดกิจการ ก็จะขยายวงมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้ ยอมรับว่า ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยากมาก ที่สำคัญมาตรการช่วยเหลือจะต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมายไม่ควรทำแบบเหมารวม ซึ่งวิกฤตครั้งนี้ ยอมรับว่าหนักสาหัสกว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง
 
ขณะเดียวกัน แนะภาครัฐเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง, เราชนะ, ม33เรารักกัน ให้มีอีกต่อไป เพราะสามารถช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และยังทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจได้อีกด้วย
 
จากนี้ต่อไปคงต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพราะแม้ว่าประเทศไทยจะเริ่มนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เพื่อขับเคลื่อนให้ทุกอย่างคลี่คลายลง แต่ในสมการธุรกิจที่มีปากท้องเป็นเดิมพัน ยังมีตัวเลขการว่างงานที่สูงอยู่ ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ที่จะต้องแก้สมการ เพื่อให้ประเทศฟันผ่าไปให้ได้ เพราะนี่คือ ความเชื่อมั่นที่จะสะท้อนมายังเรทติ้งของรัฐบาลนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่