เรื่องของตลาดหุ้น(เรื่องของหุ้น)

กระทู้คำถาม
ผมยกตัวอย่างบัปเฟตนะครับ(ทำไมผมถึงยกตัวอย่างนี้ก็แกเป็นนักลงทุนในหุ้นย้ำนะครับลงทุนในหุ้นอย่างเดียวจนรวยที่สุดในคนเล่นหุ้น)ถ้าสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดแกก็ขายล้างพอร์ต พอเลแมนล้มแกก็ล้างพอร์ต ไม่ว่าวิกฤตอะไรมาแกก็ล้างพอร์ต ที่แกรวยแบบทุกวันนี้เพราะแกไม่เคยทำสิ่งนี้เลยไม่ว่าจะวิกฤตอะไรแกไม่เคยล้างพอร์ต(อันนี้ก็อปมานะครับเพราะมันสะดวกดี) ไม่ใช่ต้องทำแบบแกนะครับ ผมก็ทำไม่ได้ถ้าสงครามโลกมาผมก็ขายล้างพอร์ตเหมือนกันกลัวนะครับ แต่ถ้าวิกฤตมาเราต้องขายทุกครั้งผมว่ามันเกินไปหน่อยก็วิกฤตมันมาบ่อยใช้ได้ ยิ่งข่าวร้ายมาเราขายอันนี้ยิ่งไปกันใหญ่เพราะข่าวร้ายมันมาบ่อยมากขืนทำแบบนี้ไม่น่าจะรุ่งครับ ถ้าเราพอใจกับกำไรที่ได้(ไม่น่าจะมาก)ก็ทำไปเถอะครับคือทำแล้วสบายใจก็ทำไปครับไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าทำแบบนี้แล้วขาดทุน(ซึ่งผมว่าคงไม่มีใครพอใจแน่ครับ)เราก็เปลี่ยนวิธีครับก็แค่นั้น เราไม่ต้องดูในอนาคตหรอกครับเพราะเราไม่เห็นมันยังไม่เกิดแต่เราดูอดีตได้ครับลองย้อนกลับไปสัก10ปีเราทำแบบนี้แล้วมันดีสำหรับเราไหมครับถ้าไม่ดีก็แค่เปลี่ยนวิธี ถ้ามันดีก็ทำต่อไปครับ แต่เราควรวัดกันที่ 10 ปีนะครับคือที่เป็น10ปีเพราะผมคิดว่าน่าจะผ่านมาหลายวิกฤตพอควร หุ้นที่เรามีขึ้นไม่ได้แปลว่าเราเก่งสุดยอดนะครับ เพราะบางครั้งตลาดรวมมันขึ้นเราก็ลงทุนง่ายครับและมีโอกาสกำไรสูงมาก กลับกันครับเราขาดทุนก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่งนะครับเกิดเราเริ่มซื้อมาสักพักโควิดมาเราก็จะขาดทุนได้ คือมันเป็นเรื่องของดวงครับซึ่งมันเป็นเรื่องปกติในตลาดหุ้น หุ้นมันเป็นการลงทุนในอนาคตครับ เราไม่สามรถบอกได้หรอกครับว่าพรุ่งนี้หุ้นจะขึ้น 100%(เราบอกได้แค่ว่ามันน่าจะขึ้นนะ) แต่เราบอกอดีตได้ถูกต้อง 100% ครับ ก็มันเกิดมาแล้วเราก็แค่เข้าไปดูว่าเมื่อวานตลาดขึ้นหรือลงเท่าไร  อันนี้เกี่ยวกับปัจจุบันหน่อยผมก็คาดประมาณว่า qe มาหุ้นน่าจะขึ้น ก็ครั้งที่แล้วพอ QE  มาหุ้นมันก็ขึ้นตั้งเยอะ รอบนี้พอ QE มาหุ้นก็น่าจะขึ้นได้ ต้องเลือกให้ถูกตัวด้วยนะครับถ้าเลือกได้ถูกตัวแล้วเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลยครับประมาณนี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่