เมกะโปรเจ็กต์ 'Line' ในทะเลทรายของซาอุดีอาระเบีย

ซาอุดีอาระเบียมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับเมืองใหม่ล่าสุด นั่นคือเมือง "Line" ที่มีความยาว 106 ไมล์ (170 กิโลเมตร) ที่จะไม่มีรถยนต์หรือถนนสำหรับ
เดินทางซึ่งแม้แต่ Emily Talen ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเมืองจากมหาวิทยาลัย Chicago ก็ยังไม่เชื่อ 
 
แม้จะมีการประโคมข่าวอย่างเอิกเกริกของ The Line โดยนำเสนอว่า เป็นเมืองที่จะมีผู้อยู่อาศัยกว่าล้านคนที่มีความยาว 170 กม. ซึ่งรักษาธรรมชาติ 95% และภายใน NEOM ไม่มีรถยนต์และไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน แต่เทคโนโลยีสำหรับเมืองดังกล่าวก็ยังไม่มีอยู่จริง ซึ่งในการเริ่มต้นสร้างเมืองใหม่ขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างยิ่ง 

จนถึงขณะนี้ The Line มีรูปแบบอยู่ในเว็บไซต์เท่านั้น ซึ่งรัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศว่าพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ  แต่ในความเป็นจริงมันเป็นที่อยู่อาศัยของสมาชิกเผ่า Huwaitat 20,000 คน ที่ได้ทำการประท้วงว่าถูกขับไล่ตามรายงานข่าวของ The Guardian โดยเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา มกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman ของซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการพัฒนาระยะทาง 106 ไมล์ดังกล่าว ในเมือง NEOM ซึ่งเป็นเมืองตามแผนทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย

โดย The Line จะถูกสร้างขึ้นในสามชั้นคือ
-  ชั้นทางเดินเท้าระดับพื้นผิวที่เต็มไปด้วยสวนสาธารณะและพื้นที่เปิดโล่ง
-  ชั้น "service" ที่อยู่ต่ำกว่า และ
-  "spine" การขนส่งในส่วนลึกยิ่งขึ้น ซึ่งจะประกอบด้วย "การขนส่งความเร็วสูงพิเศษ"

ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวอ้างว่า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เช่น โรงเรียน บริการทางการแพทย์ สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อน และพื้นที่สีเขียว โดยใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาทีในแต่ละจุด  และหากจำเป็นจะเดินทางไกลกว่านั้นก็จะมีระบบขนส่งด่วน ที่สามารถไปถึงอีกปลายด้านหนึ่งของ The Line ได้ภายใน 20 นาที
 
อย่างไรก็ตาม  ตามที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า เป้าหมายเหล่านั้นโดยเฉพาะแผนสำหรับเส้นทางยาวๆหลายไมล์นั้นไม่น่าเป็นไปได้
โดย Elizabeth Plater-Zyberk ศาสตราจารย์ด้านสถาปัตยกรรมจาก มหาวิทยาลัยไมอามี และหุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง DPZ CoDesign บริษัทด้านการออกแบบ
และสถาปัตยกรรมในเมืองเพื่อรองรับระบบขนส่งสาธารณะ ได้กล่าวกับ Live Science ว่า the line จะต้องขยายสถานีเชื่อมโยงให้ใหญ่ขึ้นเพื่อสามารถรองรับผู้คนได้มากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีสำหรับระบบขนส่งมวลชนของ The Line มีอยู่หรือไม่ ซึ่งการเดินทาง 106 ไมล์ใน 20 นาทีจะต้องใช้ความเร็ว 318 ไมล์ต่อชั่วโมง (512 กม. / ชม.) ซึ่งแซงหน้ารถไฟความเร็วสูงที่มีอยู่ซึ่งความเป็นไปได้น้อยมาก

โดยรถไฟ Eurostar ในยุโรปเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 199 ไมล์ต่อชั่วโมง (320 กม. / ชม.) ในขณะที่รถไฟความเร็วสูงของจีนบางขบวนมีความเร็วถึง 236 ไมล์ต่อชั่วโมง (380 กม. / ชม.ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วมีความเร็วเฉลี่ยเท่ากับ Eurostar)

ส่วนการเดินทางด้วย  Hyperloop pods ก็กำลังอยู่ในการพัฒนาในทางทฤษฎีโดย Virgin และ SpaceX  แต่เทคโนโลยีดังกล่าวยังคงห่างจากการใช้งานอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ ซึ่งจากการทดสอบ Hyperloop ที่เร็วที่สุดจนถึงขณะนี้ ทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 288 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น (463 กม. / ชม.) โดยไม่มีผู้โดยสาร  แต่ Virgin เป็นเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่ได้ทดสอบเทคโนโลยีกับผู้โดยสารที่ ความเร็ว 107 ไมล์ต่อชั่วโมง (172 กม. / ชม.) 

แม้ว่าการก่อสร้างมีกำหนดจะเริ่มในไตรมาสแรกของปี 2021 แต่ก็ยังไม่มีรายงานการดำเนินงานใดๆ ซึ่งThe Line ถูกมองว่าเป็นด่านแรกของ Neom ที่ได้รับการพัฒนาในจังหวัด Tabuk ของซาอุดีอาระเบียใกล้กับพรมแดนร่วมกับจอร์แดนและอียิปต์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนทะเยอทะยานของซาอุดีอาระเบียจากการพึ่งพาน้ำมันและเปลี่ยนประเทศให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีคล้ายกับ Silicon Valley ในการรวมเมือง การวิจัย เขตการศึกษาและสถานที่ท่องเที่ยวไว้ด้วยกัน

ตามรายงานของ The Wall Street Journal ระบุถึงเอกสารลับ ที่มีการพูดถึงแผนการสำหรับการบิน,โดรนแท็กซี่, สวนสนุก Jurassic Park สไตล์กับหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ และความหนาแน่นสูงสุดของร้านอาหารมิชลิน ที่แตกต่างจากส่วนอื่นๆของประเทศ และข้อเสนอให้สามารถเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
แม้กระทั่งภูมิทัศน์ของภูมิภาคนี้ก็จะเปลี่ยนไป ด้วยเครื่องจักรเพาะเมล็ด เมฆทรายเรืองแสงในที่มืด และดวงจันทร์เทียมขนาดยักษ์ที่จะส่องสว่างทุกคืน

และเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น“ ระบบปลอดคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก” 16 เขตนี้ จะพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์ ฟาร์มกังหันลม และเทคโนโลยี
สีเขียวที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งเปลี่ยนน้ำให้เป็นออกซิเจนและไฮโดรเจน

Cr.https://www.livescience.com/saudi-arabia-sustainable-line-city.html / Stephanie Pappas