จับตา 57 รง.น้ำตาลทยอยปิดหีบอ้อย คาดฤดูนี้ต่ำสุดในรอบ 14 ปี
https://www.matichon.co.th/economy/news_2614125
จับตา 57 รง.น้ำตาลทยอยปิดหีบอ้อยภายใน 15 มีนาคมนี้ มีแนวโน้มปริมาณอ้อยที่ผลิตได้ในฤดูหีบปี 2563/64 จะต่ำสุดในรอบ 14 ปี โดยคาดว่าจะอยู่ระดับ 65 ล้านตันบวกลบหลังประสบภัยแล้งหนัก แถมราคาอ้อยตกต่ำต่อเนื่อง พบโรงงาน 47 แห่งมีกำลังหีบอ้อยลดต่ำกว่าฤดูผลิตปีที่ผ่านมา
นาย
นราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อย เขต 7 เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงงานน้ำตาลทรายเริ่มทยอยปิดหีบอ้อยในฤดูการผลิตปี 2563/64 ที่ได้เริ่มเปิดหีบตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมาแล้วรวมประมาณ 19 แห่งคาดว่าจะปิดหีบอ้อยได้ทั้งสิ้น 57 โรงงานในช่วงวันที่ 15 มีนาคมนี้ โดยคาดว่าผลผลิตอ้อยฤดูหีบดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 65 ล้านตันซึ่งนับเป็นสถิติการผลิตอ้อยที่ลดต่ำสุดในรอบ 14 ปีนับตั้งแต่ฤดูหีบปี 50/51 โดยเป็นผลมาจากไร่อ้อยประสบกับภาวะภัยแล้งต่อเนื่อง และราคาอ้อยที่ตกต่ำตามทิศทางราคาน้ำตาลตลาดโลกในระยะ 2-3ปีที่ผ่านมา
“
ขณะนี้ผลผลิตอ้อยที่เปิดหีบมาอยู่ระดับ 64 ล้านตันกว่า หากประเมินเบื้องต้นปิดหีบก็น่าจะอยู่ราว 65 ล้านตันบวกลบเล็กน้อยก็ยังมองแบบนี้ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ตกต่ำต่อเนื่องจากฤดูหีบปีที่ผ่านมาที่มีกำลังผลิตอ้อยอยู่ที่ 74.89 ล้านตันซึ่งฤดูหีบปีนี้ถ้าไม่ได้ส่งเสริมการตัดอ้อยสดตัวเลขจะลดต่ำกว่านี้มากเพราะการตัดอ้อยสดจะมีใบอ้อยติดไปค่อนข้างมากทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น” นายนราธิปกล่าว
ทั้งนี้ภัยแล้งและราคาอ้อยที่ตกต่ำทำให้ชาวไร่อ้อยไม่ได้ดูแลรักษาบำรุงตอ หรือปลูกอ้อยใหม่เพิ่มขึ้นมากนักจึงทำให้ผลผลิตต่อไร่อ้อยจากที่ควรอยู่ในระดับกว่า 10 ตันต่อไร่ก็ลดลงเหลือ 7-8ตันต่อไร่เท่านั้น ประกอบกับความหวานที่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นนักแม้จะเป็นการตัดอ้อยสดก็ตามเนื่องจากแรงงานที่จะไปสางใบอ้อยหายากการพึ่งพารถตัดอ้อยที่ไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดเศษต่างๆ เข้าไปปนเปื้อนมากขึ้น ดังนั้นในระยะต่อไปหากจะให้อ้อยของไทยกลับไปสู่ระดับ 100 ล้านตันจะต้องมีปัจจัยที่เอื้อทั้งราคาอ้อยที่จูงใจ ปริมาณน้ำที่จะต้องเพียงพอเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก
นาย
นราธิปกล่าวถึง ร่างแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ในส่วนของชาวไร่อ้อยมีตัวแทนอยู่ด้วยและได้นำเสนอร่างของชาวไร่อ้อยไปแล้ว ซึ่งกระบวนการต่างๆ คาดว่าจะสรุปชัดเจนได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งคาดหวังว่าร่างแก้ไขจะออกมาในลักษณะที่เป็นการส่งเสริมชาวไร่อ้อยอย่างแท้จริง
แหล่งข่าวจากโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานปิดหีบอ้อยแล้วราว 19 แห่งและที่เหลือกำลังทยอยปิดหีบขณะนี้ภาพรวมมีกำลังหีบ 280,316 ตันต่อวัน ค่าความหวานเฉลี่ย 12.88 ซีซีเอส อ้อยสดเฉลี่ย 73.93 % ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 112.34 กิโลกรัมต่อตันอ้อย อย่างไรก็ตามจากผลผลิตอ้อยที่ลดต่ำทำให้โรงงาน 57 แห่งพบว่าจำนวน 47 แห่งมีกำลังการหีบอ้อยที่ลดลงจากฤดูหีบปี 2562/63 และที่เหลือประมาณ 10 แห่งมีอัตรากำลังการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นอาทิ ไทยรุ่งเรือง, มิตรกาฬสินธุ์ ,ครบุรี ,อ่างเวียน,รีไฟน์ชัยมงคล ,วังขนาย(มหาวัง) เป็นต้น
“
ด้วยปริมาณอ้อยที่ลดต่ำทำให้โรงงานส่วนใหญ่ใช้อัตรากำลังหีบอ้อยลดลงเมื่อเทียบกับฤดูที่ผ่านมาเฉลี่ย 20-30% โดยโรงงานที่หีบได้เยอะส่วนหนึ่งได้มีการจูงใจในการรับซื้ออ้อยที่ให้ราคาสูง “แหล่งข่าวกล่าว
UNเรียกร้องกองทัพเมียนมา ปล่อยผู้ประท้วงที่ถูกปิดล้อม
https://www.dailynews.co.th/foreign/829838
สหประชาชาติเรียกร้องกองทัพเมียนมา "อนุญาต" ให้นักศึกษาประมาณ 200 คน ซึ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของทหาร ในเมืองย่างกุ้ง ให้ออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย ขณะที่มีรายงานเจ้าหน้าที่ "ตั้งค่าย" ในโรงพยาบาลและสถานศึกษาในหลายเมือง และรัฐบาลทหารสั่งปิดสำนักข่าวอย่างน้อย 5 แห่ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่าสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของเมียนมารายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่ามหาวิทยาลัย โรงเรียน และโรงพยาบาลในสังกัดของรัฐรวมอย่างน้อย 20 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ตามเมืองใหญ่หลายแห่ง รวมถึง เมืองย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ เมืองเอยาวดี และเมืองโมนยวา อยู่ภายใต้การควบคุม "
อย่างเบ็ดเสร็จ" ของกองทัพเมียนมา ซึ่งยกกำลังเข้าปิดล้อม และแปรสภาพพื้นที่กลายเป็น "
ค่ายทหาร"
ขณะที่มีรายงานประชาชนจำนวนมาก ในเขตซานชวง ของเมืองย่างกุ้ง พร้อมใจกันออกมาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทหาร หลังเวลาเคอร์ฟิว 20.00 น. และเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักศึกษาประมาณ 200 คน ซึ่งตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเจ้าหน้าที่ ด้านตำรวจยิงกระสุนปืนและใช้ระเบิดควันเพื่อสลายการชุมนุม พร้อมทั้งประกาศจะตรวจค้นบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการให้ที่พักพิงหรือหลบซ่อน กับผู้ประท้วงที่มาจากต่างถิ่น
ด้านกระทรวงข่าวสารของเมียนมาประกาศเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของสื่อมวลชนท้องถิ่น 5 สำนัก ได้แก่
"มิซซิมา" "ดีวีบี" "คิต ทิต มีเดีย" "เมียนมา นาว" และ
"เซเวน เดย์ นิวส์" โดยสำนักข่าวทั้ง 5 แห่ง เน้นนำเสนอรายงานเกาะติดและเจาะลึก เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของมวลชนฝ่ายต่อต้านกองทัพ ตั้งแต่วันรัฐประหาร เมื่อ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา และเพียงไม่นานก่อนมีการประกาศดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบุกตรวจค้นสำนักงานหลายแห่งของเมียนมา นาว
ในเวลาเดียวกัน สถานีโทรทัศน์แห่งชาติของเมียนมาเผยแพร่แถลงการณ์ของคณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ หรือรัฐบาลทหารเมียนมา ว่าคณะผู้บริหาร
"
หมดความอดทน" กับสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ "
พยายามอย่างสุดความสามารถมาตลอด เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด"
ทั้งนี้ เฉพาะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีผู้ประท้วงถูกยิงเสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน นาย
อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ร่วมด้วยสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ และสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำเมียนมา เรียกร้องกองทัพอดกลั้น และเปิดโอกาสให้ประชาชนซึ่งอยู่ท่ามกลางการปิดล้อม ได้ออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย.
https://twitter.com/nslwin/status/136904727038204313
https://twitter.com/Reuters/status/1369033935234232326
https://twitter.com/UNHumanRights/status/1368951043774681093
https://twitter.com/USEmbassyBurma/status/1368938690676985857
JJNY : จับตารง.น้ำตาลทยอยปิดหีบ│UNร้องปล่อยผู้ประท้วงที่ถูกปิดล้อม│ผลสอบดาวฤกษ์│อนุทินชี้ดาวฤกษ์ต้องขอโทษศักดิ์สยาม
https://www.matichon.co.th/economy/news_2614125
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อย เขต 7 เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงงานน้ำตาลทรายเริ่มทยอยปิดหีบอ้อยในฤดูการผลิตปี 2563/64 ที่ได้เริ่มเปิดหีบตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมาแล้วรวมประมาณ 19 แห่งคาดว่าจะปิดหีบอ้อยได้ทั้งสิ้น 57 โรงงานในช่วงวันที่ 15 มีนาคมนี้ โดยคาดว่าผลผลิตอ้อยฤดูหีบดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 65 ล้านตันซึ่งนับเป็นสถิติการผลิตอ้อยที่ลดต่ำสุดในรอบ 14 ปีนับตั้งแต่ฤดูหีบปี 50/51 โดยเป็นผลมาจากไร่อ้อยประสบกับภาวะภัยแล้งต่อเนื่อง และราคาอ้อยที่ตกต่ำตามทิศทางราคาน้ำตาลตลาดโลกในระยะ 2-3ปีที่ผ่านมา
“ขณะนี้ผลผลิตอ้อยที่เปิดหีบมาอยู่ระดับ 64 ล้านตันกว่า หากประเมินเบื้องต้นปิดหีบก็น่าจะอยู่ราว 65 ล้านตันบวกลบเล็กน้อยก็ยังมองแบบนี้ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ตกต่ำต่อเนื่องจากฤดูหีบปีที่ผ่านมาที่มีกำลังผลิตอ้อยอยู่ที่ 74.89 ล้านตันซึ่งฤดูหีบปีนี้ถ้าไม่ได้ส่งเสริมการตัดอ้อยสดตัวเลขจะลดต่ำกว่านี้มากเพราะการตัดอ้อยสดจะมีใบอ้อยติดไปค่อนข้างมากทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น” นายนราธิปกล่าว
ทั้งนี้ภัยแล้งและราคาอ้อยที่ตกต่ำทำให้ชาวไร่อ้อยไม่ได้ดูแลรักษาบำรุงตอ หรือปลูกอ้อยใหม่เพิ่มขึ้นมากนักจึงทำให้ผลผลิตต่อไร่อ้อยจากที่ควรอยู่ในระดับกว่า 10 ตันต่อไร่ก็ลดลงเหลือ 7-8ตันต่อไร่เท่านั้น ประกอบกับความหวานที่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นนักแม้จะเป็นการตัดอ้อยสดก็ตามเนื่องจากแรงงานที่จะไปสางใบอ้อยหายากการพึ่งพารถตัดอ้อยที่ไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดเศษต่างๆ เข้าไปปนเปื้อนมากขึ้น ดังนั้นในระยะต่อไปหากจะให้อ้อยของไทยกลับไปสู่ระดับ 100 ล้านตันจะต้องมีปัจจัยที่เอื้อทั้งราคาอ้อยที่จูงใจ ปริมาณน้ำที่จะต้องเพียงพอเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก
นายนราธิปกล่าวถึง ร่างแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ในส่วนของชาวไร่อ้อยมีตัวแทนอยู่ด้วยและได้นำเสนอร่างของชาวไร่อ้อยไปแล้ว ซึ่งกระบวนการต่างๆ คาดว่าจะสรุปชัดเจนได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งคาดหวังว่าร่างแก้ไขจะออกมาในลักษณะที่เป็นการส่งเสริมชาวไร่อ้อยอย่างแท้จริง
แหล่งข่าวจากโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานปิดหีบอ้อยแล้วราว 19 แห่งและที่เหลือกำลังทยอยปิดหีบขณะนี้ภาพรวมมีกำลังหีบ 280,316 ตันต่อวัน ค่าความหวานเฉลี่ย 12.88 ซีซีเอส อ้อยสดเฉลี่ย 73.93 % ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 112.34 กิโลกรัมต่อตันอ้อย อย่างไรก็ตามจากผลผลิตอ้อยที่ลดต่ำทำให้โรงงาน 57 แห่งพบว่าจำนวน 47 แห่งมีกำลังการหีบอ้อยที่ลดลงจากฤดูหีบปี 2562/63 และที่เหลือประมาณ 10 แห่งมีอัตรากำลังการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นอาทิ ไทยรุ่งเรือง, มิตรกาฬสินธุ์ ,ครบุรี ,อ่างเวียน,รีไฟน์ชัยมงคล ,วังขนาย(มหาวัง) เป็นต้น
“ด้วยปริมาณอ้อยที่ลดต่ำทำให้โรงงานส่วนใหญ่ใช้อัตรากำลังหีบอ้อยลดลงเมื่อเทียบกับฤดูที่ผ่านมาเฉลี่ย 20-30% โดยโรงงานที่หีบได้เยอะส่วนหนึ่งได้มีการจูงใจในการรับซื้ออ้อยที่ให้ราคาสูง “แหล่งข่าวกล่าว
UNเรียกร้องกองทัพเมียนมา ปล่อยผู้ประท้วงที่ถูกปิดล้อม
https://www.dailynews.co.th/foreign/829838
สหประชาชาติเรียกร้องกองทัพเมียนมา "อนุญาต" ให้นักศึกษาประมาณ 200 คน ซึ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของทหาร ในเมืองย่างกุ้ง ให้ออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย ขณะที่มีรายงานเจ้าหน้าที่ "ตั้งค่าย" ในโรงพยาบาลและสถานศึกษาในหลายเมือง และรัฐบาลทหารสั่งปิดสำนักข่าวอย่างน้อย 5 แห่ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่าสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของเมียนมารายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่ามหาวิทยาลัย โรงเรียน และโรงพยาบาลในสังกัดของรัฐรวมอย่างน้อย 20 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ตามเมืองใหญ่หลายแห่ง รวมถึง เมืองย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ เมืองเอยาวดี และเมืองโมนยวา อยู่ภายใต้การควบคุม "อย่างเบ็ดเสร็จ" ของกองทัพเมียนมา ซึ่งยกกำลังเข้าปิดล้อม และแปรสภาพพื้นที่กลายเป็น "ค่ายทหาร"
ขณะที่มีรายงานประชาชนจำนวนมาก ในเขตซานชวง ของเมืองย่างกุ้ง พร้อมใจกันออกมาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทหาร หลังเวลาเคอร์ฟิว 20.00 น. และเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักศึกษาประมาณ 200 คน ซึ่งตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเจ้าหน้าที่ ด้านตำรวจยิงกระสุนปืนและใช้ระเบิดควันเพื่อสลายการชุมนุม พร้อมทั้งประกาศจะตรวจค้นบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการให้ที่พักพิงหรือหลบซ่อน กับผู้ประท้วงที่มาจากต่างถิ่น
ด้านกระทรวงข่าวสารของเมียนมาประกาศเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของสื่อมวลชนท้องถิ่น 5 สำนัก ได้แก่ "มิซซิมา" "ดีวีบี" "คิต ทิต มีเดีย" "เมียนมา นาว" และ "เซเวน เดย์ นิวส์" โดยสำนักข่าวทั้ง 5 แห่ง เน้นนำเสนอรายงานเกาะติดและเจาะลึก เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของมวลชนฝ่ายต่อต้านกองทัพ ตั้งแต่วันรัฐประหาร เมื่อ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา และเพียงไม่นานก่อนมีการประกาศดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบุกตรวจค้นสำนักงานหลายแห่งของเมียนมา นาว
ในเวลาเดียวกัน สถานีโทรทัศน์แห่งชาติของเมียนมาเผยแพร่แถลงการณ์ของคณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ หรือรัฐบาลทหารเมียนมา ว่าคณะผู้บริหาร
"หมดความอดทน" กับสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ "พยายามอย่างสุดความสามารถมาตลอด เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด"
ทั้งนี้ เฉพาะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีผู้ประท้วงถูกยิงเสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ร่วมด้วยสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ และสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำเมียนมา เรียกร้องกองทัพอดกลั้น และเปิดโอกาสให้ประชาชนซึ่งอยู่ท่ามกลางการปิดล้อม ได้ออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย.
https://twitter.com/nslwin/status/136904727038204313
https://twitter.com/Reuters/status/1369033935234232326
https://twitter.com/UNHumanRights/status/1368951043774681093
https://twitter.com/USEmbassyBurma/status/1368938690676985857