ถ้าคุณไม่เติมนํ้ามันเพราะไม่พอใจรัฐ แต่มีอะไรที่ได้ผลกระทบกับรัฐได้มากที่สุด

ช่วงนี้เห็นเรื่องให้รวมพลังไม่เติมน้ำมัน ปตท. เพื่อเป็นการกดดันรัฐกลับมาอีก ส่วนหนึ่งในการรวมพลังก็คงเป็นการถ่ายทอดความคิดจากคนรุ่นเก่าที่ส่งต่อกันมา รวมกับความไม่พอใจรัฐบาลของเด็กยุคใหม่ จึงเป็นเหตุให้มารวมกันเป็นกระแสการเมืองร่วมกันไม่เติมน้ำมันใหม่อีกครั้ง เพื่อหวังผลจะให้รัฐได้รับผลกระทบอีกทาง ดังนั้นการกระทำครั้งนี้เลยค่อนข้างชัดว่าต้องการแสดงออกทางการเมืองมากกว่า
ดังนั้นถ้าอยากจะไม่เติมน้ำมัน เรามาดูกันว่าจะส่งผลกระทบต่อรัฐได้เท่าไหร่??  

สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อรัฐได้ชัดเจนมากที่สุดก็คือภาษี ดังนั้นถ้าเราจะไม่เติมน้ำมัน เพื่อให้รัฐได้ภาษีน้อยลง ก็ต้องดูกันก่อนว่า ถ้าเทียบกับภาษีทั้งประเทศ ใน 1 ปี การเก็บภาษีน้ำมัน ทั้งการนำเข้า ส่งออก การกลั่น การขายตามปั๊ม จะมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 4% ของการเก็บภาษีทั้งหมด หน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีตรงนี้ก็มาจากกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร  
อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องทราบคือ ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ดำเนินงานให้ดี แล้วส่งเงินกลับเข้ารัฐ
 
ผลงานที่ผ่านมา ตัว ปตท. เองก็ทำกำไรและส่งเงินกลับเข้ารัฐอยู่เป็นอันดับที่ 2 โดยมีมูลค่า  29,198 ล้านบาท โดยอันดับที่ 1 ที่ครองแชมป์มานานหลายปี ก็คือกองสลากกินแบ่งฯ ส่งเงินเป็นมูลค่า 46,598 ล้านบาท มากกว่า ปตท. ถึง 160%
ดังนั้นถ้าอยากที่จะทำอะไรสักสิ่งอย่างเพื่อให้กระทบรัฐสิ่งที่จะสร้างความอิมแพคได้มากกว่าไม่เติมน้ำมัน คือเลิกสลากกินแบ่งฯ หรือล็อตเตอรี่ นั่นเอง

ปล. แต่ไม่ว่าจะเป็นการแบน ไม่เติม ไม่ซื้อ ไม่ใช้ คนที่ลำบากก่อนเลย คือประชาชนที่ทำมาหากินนั่นแหละ


ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ฉบับที่23/2563 วันที่12 ตุลาคม 2563
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่