เดินป่าใต้ในหน้าร้อน...เทือกเขาพนมเบญจา
:::การเดินทาง:::
เริ่มต้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา อ.เมือง จ.กระบี่ จากนั้นนั่งรถกระบะไปที่จุดเริ่มเดินเท้าบ้านต้นหาร อ.เขาพนม
:::สิ่งที่ต้องเตรียม:::
น้ำดื่ม 2 ลิตร อาหารกลางวัน(ระหว่างทาง)
เต็นท์หรือเปลเดินป่า ถุงนอน แผ่นรองนอน เสื้อกันหนาว หมวกกันแดด ผ้าบัฟ ไฟฉายคาดหัว, ช้อนจานแก้วน้ำส่วนตัว
:::สรุปค่าใช้จ่าย:::
4,250 บาท (ค่ารถตู้จาก กทม., ค่าจัดการทุกอย่าง, อาหาร 6 มื้อ)
ปล. ไปกับทัวร์เดินป่าชื่อ Better Go : ไปดีกว่า
หน้าร้อน หน้าแล้งมาทีไร ฝุ่นผงและควันไฟก็มาพร้อมกันเมื่อนั้น อยากจะเดินป่าเพื่อหาความสดชื่นบ้างหลังจากเจอพิษโควิด-19 มาเป็นเวลานานแล้ว จึงค้นหาทริป เดินป่าใต้ ก็มาเจอทริป เขาพนมเบญจา 3 วัน 2 คืน ของกรุ๊ปทัวร์หนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่เราอยากไปพอดี ไม่ลังเล ไม่ถงไม่ถามอะไรสักคำ จัดการจองทริป แล้วเตรียมตัวไปกันเลย
เขาพนมเบญจา อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดกระบี่ มองไกลๆ เห็นเป็นรูปผู้หญิงนอนหงาย จุดที่น่าสนใจคือการเดินในป่าโบราณ ขึ้นเขาสูงชันเพื่อไปให้ถึงจุดกางเต็นท์ นอนดูดาวเคล้าลมหนาว และเนินหน้าผากสาว ที่เป็นลาน 360 องศา ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่นี่ กล้วยไม้ป่าหลายชนิด และการเดินทางลงที่ชันอย่างหนักตามร่องน้ำตกจนถึงพื้นราบ
ระยะทางขาขึ้น ถึงลานกางเต็นท์ประมาณ 7 กม. ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ส่วนขาลง ระยะทาง 4 กม. ใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง
เริ่มเดินทางกัน
(ร้านกาแฟดี...มี Wifi เป็นจุดรวมตัว เตรียมตัว ทำธุระส่วนตัว เตรียมความพร้อมทั้งหมด ก่อนที่จะไปนั่งรถไปจุดเริ่มเดิน)
พวกเราพร้อมกันที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา แล้วนั่งรถกระบะของเจ้าหน้าที่เพื่อไปส่งยังบ้านต้นหาร อ.เขาพนม ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินเท้า (1 ชั่วโมงครึ่ง) ไกลและนานทีเดียว ช่วงนี้หมวกบังแดด และผ้าบัฟกันฝุ่นได้หยิบออกมาใช้งานแน่นอน
หลังจากนั่งรถปิ้งย่าง รวมตัวกันอีกครั้งตรงจุดเริ่มเดิน
เดินขึ้นเขาทางชันขึ้นเรื่อยๆ ประมาณกิโลเมตรที่ 5 จึงถึงจุดที่กำหนดให้เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 1 ในป่าสูง มีแหล่งน้ำที่แห้งขอด จึงได้ขออนุญาตหัวหน้าอุทยานเพื่อไปยังจุดกางเต็นท์ที่ 2 เลย ระหว่างทางจะปีนผ่านน้ำตก ผ่านทางที่ไม่ชัดเจน อาจหลงทางได้ง่ายๆ เกาะกลุ่มกันเดินดี

(ป่ารกมากๆ แต่แสงของแดดก็พอจะเล็ดลอดแทรกมาได้บ้าง)

(สภาพป่าสมบูรณ์มากๆ)
ที่สุด ประมาณ กม.ที่ 7 ก็มาถึงจุดกางเต็นท์ส่วนคอสาว มองเห็นวิวด้านล่างสุดสายตา ลมแรง อากาศเย็น มีแหล่งน้ำให้พอได้ใช้ รีบกางเต็นท์ ทำกับข้าว เพราะเริ่มมืด อากาศยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ คืนนี้รีบเข้านอน เพราะหนาวและเหนื่อยมาทั้งวัน

ตื่นเช้าตี 4 ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่เนินหน้าผากสาว มีเจ้าหน้าที่นำทางไป ระยะทาง 800 เมตร แต่ชัน และมีบางช่วงที่ต้องปีนเชือกขึ้นใช้เวลา 40 นาทีก็มาถึงจุดชมวิว 360 องศา ชื่นชมพระอาทิตย์ยามเช้า พร้อมกาแฟร้อนๆ จนพอใจก็ได้เวลากลับมาทำกับข้าวที่เต็นท์

(เก็บบรรยากาศก่อนแสงแรก)

(แสงแรกเริ่มปรากฎแล้ว)

(เหมือนได้ปลดปล่อย)

(บ้างก็ยังคงรออะไรบางอย่าง)

(ถึงจะหนาว เราก็ยังได้ภาพอยู่ดี)
ระหว่างวันก็นั่งๆนอนๆ ผ่อนคลายความเมื่อยล้า บางคนแรงยังเหลือก็เดินย้อนกลับไปดูน้ำตก พอ 4 โมงเย็นก็ได้เวลาไปรอชมพระอาทิตย์ตกที่เนินหน้าผากสาวอีกครั้ง

(ดวงอาทิตย์เริ่มแตะเส้นขอบฟ้า)
กลับถึงเต็นท์มืดและคืนนี้น้ำค้างแรงมาก อากาศก็หนาวกว่าคืนแรก คืนนี้ดาวเต็มฟ้า พระจันทร์ยังเต็มดวงสว่าง สวยงาม

(แสงจันทร์สว่างจ้า ถ้าคืนเดือนมืดทางช้างเผือกจะขึ้นเหนือเมืองกระบี่พอดี)
ตื่นเช้า ชื่นชมบรรยากาศยามเช้ารอบเต็นท์ กินข้าวเช้าและเตรียมเผื่อมื้อเที่ยงระหว่างทางกลับ เก็บเต็นท์และเดินทางกลับลงมาคนละทางกับขาขึ้น

คราวนี้เดินเลียบลงมาตามลำธารน้ำตก เตรียมน้ำดื่มให้พอ เพราะอากาศร้อนมาก แวะเล่นน้ำตกเย็นๆระหว่างทาง

จากนั้นเดินลัดเข้าป่าตามทางมาทะลุจุดเจ้าหน้าที่รอรับกลับอุทยาน
จบทริปนี้ด้วยความประทับใจ
#เพราะความไม่สมบูรณ์แบบ ทำให้เราได้เจอความสุขในแบบที่คิดไม่ถึง
#แด่มิตรภาพระหว่างการเดินทางครั้งนี้
[CR] เดินป่าใต้ในหน้าร้อน...เราเลือก เทือกเขาพนมเบญจา
เดินป่าใต้ในหน้าร้อน...เทือกเขาพนมเบญจา
:::การเดินทาง:::
เริ่มต้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา อ.เมือง จ.กระบี่ จากนั้นนั่งรถกระบะไปที่จุดเริ่มเดินเท้าบ้านต้นหาร อ.เขาพนม
:::สิ่งที่ต้องเตรียม:::
น้ำดื่ม 2 ลิตร อาหารกลางวัน(ระหว่างทาง)
เต็นท์หรือเปลเดินป่า ถุงนอน แผ่นรองนอน เสื้อกันหนาว หมวกกันแดด ผ้าบัฟ ไฟฉายคาดหัว, ช้อนจานแก้วน้ำส่วนตัว
:::สรุปค่าใช้จ่าย:::
4,250 บาท (ค่ารถตู้จาก กทม., ค่าจัดการทุกอย่าง, อาหาร 6 มื้อ)
ปล. ไปกับทัวร์เดินป่าชื่อ Better Go : ไปดีกว่า
หน้าร้อน หน้าแล้งมาทีไร ฝุ่นผงและควันไฟก็มาพร้อมกันเมื่อนั้น อยากจะเดินป่าเพื่อหาความสดชื่นบ้างหลังจากเจอพิษโควิด-19 มาเป็นเวลานานแล้ว จึงค้นหาทริป เดินป่าใต้ ก็มาเจอทริป เขาพนมเบญจา 3 วัน 2 คืน ของกรุ๊ปทัวร์หนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่เราอยากไปพอดี ไม่ลังเล ไม่ถงไม่ถามอะไรสักคำ จัดการจองทริป แล้วเตรียมตัวไปกันเลย
เขาพนมเบญจา อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดกระบี่ มองไกลๆ เห็นเป็นรูปผู้หญิงนอนหงาย จุดที่น่าสนใจคือการเดินในป่าโบราณ ขึ้นเขาสูงชันเพื่อไปให้ถึงจุดกางเต็นท์ นอนดูดาวเคล้าลมหนาว และเนินหน้าผากสาว ที่เป็นลาน 360 องศา ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่นี่ กล้วยไม้ป่าหลายชนิด และการเดินทางลงที่ชันอย่างหนักตามร่องน้ำตกจนถึงพื้นราบ
ระยะทางขาขึ้น ถึงลานกางเต็นท์ประมาณ 7 กม. ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ส่วนขาลง ระยะทาง 4 กม. ใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง
เริ่มเดินทางกัน
(ร้านกาแฟดี...มี Wifi เป็นจุดรวมตัว เตรียมตัว ทำธุระส่วนตัว เตรียมความพร้อมทั้งหมด ก่อนที่จะไปนั่งรถไปจุดเริ่มเดิน)
พวกเราพร้อมกันที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา แล้วนั่งรถกระบะของเจ้าหน้าที่เพื่อไปส่งยังบ้านต้นหาร อ.เขาพนม ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินเท้า (1 ชั่วโมงครึ่ง) ไกลและนานทีเดียว ช่วงนี้หมวกบังแดด และผ้าบัฟกันฝุ่นได้หยิบออกมาใช้งานแน่นอน
หลังจากนั่งรถปิ้งย่าง รวมตัวกันอีกครั้งตรงจุดเริ่มเดิน
เดินขึ้นเขาทางชันขึ้นเรื่อยๆ ประมาณกิโลเมตรที่ 5 จึงถึงจุดที่กำหนดให้เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 1 ในป่าสูง มีแหล่งน้ำที่แห้งขอด จึงได้ขออนุญาตหัวหน้าอุทยานเพื่อไปยังจุดกางเต็นท์ที่ 2 เลย ระหว่างทางจะปีนผ่านน้ำตก ผ่านทางที่ไม่ชัดเจน อาจหลงทางได้ง่ายๆ เกาะกลุ่มกันเดินดี
(ป่ารกมากๆ แต่แสงของแดดก็พอจะเล็ดลอดแทรกมาได้บ้าง)
(สภาพป่าสมบูรณ์มากๆ)
ที่สุด ประมาณ กม.ที่ 7 ก็มาถึงจุดกางเต็นท์ส่วนคอสาว มองเห็นวิวด้านล่างสุดสายตา ลมแรง อากาศเย็น มีแหล่งน้ำให้พอได้ใช้ รีบกางเต็นท์ ทำกับข้าว เพราะเริ่มมืด อากาศยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ คืนนี้รีบเข้านอน เพราะหนาวและเหนื่อยมาทั้งวัน
ตื่นเช้าตี 4 ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่เนินหน้าผากสาว มีเจ้าหน้าที่นำทางไป ระยะทาง 800 เมตร แต่ชัน และมีบางช่วงที่ต้องปีนเชือกขึ้นใช้เวลา 40 นาทีก็มาถึงจุดชมวิว 360 องศา ชื่นชมพระอาทิตย์ยามเช้า พร้อมกาแฟร้อนๆ จนพอใจก็ได้เวลากลับมาทำกับข้าวที่เต็นท์
(เก็บบรรยากาศก่อนแสงแรก)
(แสงแรกเริ่มปรากฎแล้ว)
(เหมือนได้ปลดปล่อย)
(บ้างก็ยังคงรออะไรบางอย่าง)
(ถึงจะหนาว เราก็ยังได้ภาพอยู่ดี)
ระหว่างวันก็นั่งๆนอนๆ ผ่อนคลายความเมื่อยล้า บางคนแรงยังเหลือก็เดินย้อนกลับไปดูน้ำตก พอ 4 โมงเย็นก็ได้เวลาไปรอชมพระอาทิตย์ตกที่เนินหน้าผากสาวอีกครั้ง
(ดวงอาทิตย์เริ่มแตะเส้นขอบฟ้า)
กลับถึงเต็นท์มืดและคืนนี้น้ำค้างแรงมาก อากาศก็หนาวกว่าคืนแรก คืนนี้ดาวเต็มฟ้า พระจันทร์ยังเต็มดวงสว่าง สวยงาม
(แสงจันทร์สว่างจ้า ถ้าคืนเดือนมืดทางช้างเผือกจะขึ้นเหนือเมืองกระบี่พอดี)
ตื่นเช้า ชื่นชมบรรยากาศยามเช้ารอบเต็นท์ กินข้าวเช้าและเตรียมเผื่อมื้อเที่ยงระหว่างทางกลับ เก็บเต็นท์และเดินทางกลับลงมาคนละทางกับขาขึ้น
คราวนี้เดินเลียบลงมาตามลำธารน้ำตก เตรียมน้ำดื่มให้พอ เพราะอากาศร้อนมาก แวะเล่นน้ำตกเย็นๆระหว่างทาง
จากนั้นเดินลัดเข้าป่าตามทางมาทะลุจุดเจ้าหน้าที่รอรับกลับอุทยาน
จบทริปนี้ด้วยความประทับใจ
#เพราะความไม่สมบูรณ์แบบ ทำให้เราได้เจอความสุขในแบบที่คิดไม่ถึง
#แด่มิตรภาพระหว่างการเดินทางครั้งนี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้