ก่อนที่เราจะรู้จักกัน กับสามี คือ เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนแล้ว ค่อยๆมาตกลงคบกันสมัยมหาลัย จนได้หมั้นกัน ทั้งพ่อแม่ ทั้ง2ฝ่าย รับรู้ เราตกลงคุยกันเรื่องบ้าน ว่าจะต้องแยกตัวออกมานะ เขาก็เข้าใจตกลง
จนวันนึงเรามีลูก 1 คน แม่สามีหลงหลานมาก ซื้อนมผงมาให้ตั้งแต่ คลอดใหม่ๆ หมอบอกไม่จำเป็น ต้องให้นมผงตอนน้องคลอดใหม่ๆ แม่สามีก็ทำเฉย จะป้อนให้เหมือนเดิม แม่เราก็อยู่ข้างๆ แกก็นั่งทำใจ จนเราออกจากรพ. กลับบ้าน อยู่บ้านแม่สามี พ่อสามี หลงหลานมาก ช่วยดูกันเต็ม ในครอบครัวมีสามี หลานคนโต พี่สาว ครอบครัวพี่สาว เขาไม่ได้มาหาเราตอนคลอดใหม่ๆ พอลูกเริ่มเข้าช่วง3เดือน ้เราห่วงลูกมาก กลัวแม่สามีจะเอาข้าวเอากล้วย ป้อนก่อนวัย มีแอบอุ้มไปข้างนอก บางทีขอไปบ้างไม่ขอไปบ้าง อุ้มไปเฉย จนวันนึง แม่มาบอกให้ป้อนข้าวป้อนกล้วยได้แล้ว เราก็ดื้อเงียบค่ะ สู้ เพราะนี้ลูกของเราค่ะ และแม่สามีก็ซื้อกล้วย เตรียมจะมาป้อนให้หลานกิน เราเห็น เราทักเลยว่า ทำไมป้อนกล้วยน้อง หมอยังไม่ให้กินตอนนี้ แม่สามีโกรธเรามาก "กูเลี้ยงให้ ไม่ดีเอาไปเลี้ยงเอง" สามีก็รับรู้ แล้วถามเราทำไมทำตัวมีปัญหา เราบอกไปว่า นี้ลูกเรานะ จะให้แม่สามี คอยควบคุม ทุกอย่างเลยหรอ จนเราต้องซื้อของไปขอโทษแม่สามี ทั้ง2คน แม่ก็บอกรักเราเหมือนลูก
ระหว่างที่ย้ายมาอยู่คือ คิดมาตลอด เขาคงดีกับเราละ แต่กลายเป็นอีก แม่สามีทะเลาะกับพ่อสามีกันบ่อย บางทีระเบิดอารมณ์กันไปมา ได้ยินไปถึงร้านค้า อีกบ้านหลังนึง จนแม่ค้าถามเรา ว่าที่บ้านทะเลาะกันบ่อยหรอ ตอนนั้นละอายใจมาก ครอบครัวสามีดูไม่มีความสุขเลย บางครั้งครอบครัวพี่สาวอยู่ด้วย พี่สาวหนีเที่ยวตอนกลางคืน แม่ลูกทะเลาะกันเสียงดัง อีเ-ี้ย อี ัด ทุบหลานคนโต เพราะดื้อ พี่สาวตีแฟนตัวเอง ตีกันไปมา คิ้วแตก แม่สามีชอบเอาเราไปเปรียบเทียบเรื่อง พี่สาวทะเลาะกัน ทำร้ายร่างกาย ว่า เดี๋ยวก็ดีกัน เป็นเรื่องปกติ รับได้ ที่ลูกตัวเองโดนแบบนั้น บอกเรา ตีกันหัวร้างข้างแตก เดี๊ยวก็ดีกันรักกัน เราเคยโดนสามีทำร้ายร่างกายค่ะ เราเลยถอยออกมา แล้วพูดกับแม่สามีเขาเลยว่า เราขอแยกทางกัน ถ้ายังคิดแบบคนโตไม่ได้ เราไม่ขอกลับไปค่ะ เพราะเขาไม่ให้เกียรติครอบครัวเรา แถมยังมาด่าเราปัญญาอ่อนอีก กับคนในครอบครัวเขา
เรื่องทะเลาะกันเอง ด่ารุนแรง แล้วก็ดีกัน เรานี่เอียงคอ เป็นหมาเลย งง มาก ด่ากัน จับมือ ยิ้มกันเฉย
หลังจากที่เราถอยออกมา อยู่ห้องเช่า เอาลูกเราออกมาด้วยค่ะ พี่สาวสามีถามว่า เอาลูกไปทำไม เลี้ยงไม่สนใจ เราเลยถาม กลับว่า ที่เลี้ยงลูกเราน่ะ ปล่อยให้ดูจอโทรทัศน์ โทรศัพท์คือ สนใจลูกเราแล้วหรือ บางครั้ง ชอบอุ้มลูกเราไปเที่ยวช่วงโรคโควิดระบาด ไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกเรา ว่าเราจะห่วงลูกขนาดไหน เอาไปก็ไม่ค่อยสนใจ ตั้งแต่อยู่มา งานบ้ารพี่สาวไม่เอาเลย จานข้าวให้แฟนตัวเอง เก็บล้างให้ตลอด ลูกของเขา ก็เอาให้แม่สามีเลี้ยง เขาบอกเราถ้าจะไปฟ้องศาล เรื่องทำร้ายร่างกาย เขาจะเอาเรื่องที่เราเป็นภรรยาบ่กพร่อง งานบ้านงานเรือน ไม่เอาไหน ไปฟ้องตำรวจ
คือ จะเอาข้อเสียเราไปพูดว่าไม่ทำ ทั้งๆที่เราทำแล้ว ตู้เย็นอะไร ขัด ล้าง ทำกับข้าว เราคอยเช็ดคาบเลอะ คาบนํ้ามัน เช็ดให้ตลอด
บางทีเคยปล่อย ลองไม่เช็ด สักครึ่งวัน ก็ปล่อยให้เลอะสกปรกจริงๆ เราเลยไม่ทน เพราะเราอยู่ไปเหมือนคนใช้ในบ้าน
หลังจากที่เดินออกมาจากจุดนั้นเหมือนได้หลุดพ้น ออกจากครอบครัวเขา ครอบครัวที่เรารู้สึกไม่มความสุข มีแต่เสียงทะเลาะด่ามอกันไปมา และเราบอกสามีให้ไปสร้างตัวเอง ถ้ายังอยู่กับแม่ก็อยู่ต่อไป เราไม่ง้อ เพราะเราเหนื่อยมาก อะไรก็แม่ เรื่องเช่าบ้าน แม่ก็กลัวลูกชายตัวเองไปไม่รอด คอยพูดให้ลูกชายตัวเองฟัง ถ้าไม่มีแม่จะอยู่กันยังไง เรามีปัญหาอะไร แม่สามีจะรีบเข้ามา ยืนดูๆ ตอนสามี ไม่อยู่ ด่าลูกเหมือนเป็นตัวอะไร พอลูกอยู่ก็พูดใจเย็นมาก ชอบเอาหนี้มาอ้าง ว่าหามา ก็ต้องช่วยผ่อนให้แม่ด้วย เหนื่อยแบบเหนื่อยมาก ทนมาได้ไงไม่รู้ ตอนนี้เราคิดใหม่แล้ว
คือ เลือกที่จะไม่ทนกับครอบครัวนี้แม่สามีมาง้อให้กลับมาคืนดี กลับไปอยู่กับครอบครัวเขา เราไม่ไปค่ะ เราบอกขอสร้างตัว ให้มีบ้าน มีอะไรเป็นของตัวเอง เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ จะให้สามีทำงาน แล้วเราเลี้ยงลูก ไม่ให้เราทำงาน จะทำขนมขาย ก็บอกให้เราไม่ต้องทำ ไม่มีคนซื้อ ขัดตลอด ถอยค่ะ ถอยอย่างเดียว ที่เหลือให้สามีคิดเอาเอง ว่า สักวันชีวิตจะไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะถ้ายังติดแม่ ไม่ออกมาสร้างตัว สร้างครอบครัวแบบนี้ ก็ปล่อยให้เขา โตพอที่จะคิดได้เองในสักวันนึง
ตอนนี้มีความสุขมากๆ ที่ได้อยู่กับลูก เลี้ยงเอง ๆม่เหนื่อยใจค่ะ แต่เหนื่อยกายนิดๆหน่อยๆ
เล่าประสบการณ์ ที่เคยเป็นสะใภ้บ้านแม่สามี
จนวันนึงเรามีลูก 1 คน แม่สามีหลงหลานมาก ซื้อนมผงมาให้ตั้งแต่ คลอดใหม่ๆ หมอบอกไม่จำเป็น ต้องให้นมผงตอนน้องคลอดใหม่ๆ แม่สามีก็ทำเฉย จะป้อนให้เหมือนเดิม แม่เราก็อยู่ข้างๆ แกก็นั่งทำใจ จนเราออกจากรพ. กลับบ้าน อยู่บ้านแม่สามี พ่อสามี หลงหลานมาก ช่วยดูกันเต็ม ในครอบครัวมีสามี หลานคนโต พี่สาว ครอบครัวพี่สาว เขาไม่ได้มาหาเราตอนคลอดใหม่ๆ พอลูกเริ่มเข้าช่วง3เดือน ้เราห่วงลูกมาก กลัวแม่สามีจะเอาข้าวเอากล้วย ป้อนก่อนวัย มีแอบอุ้มไปข้างนอก บางทีขอไปบ้างไม่ขอไปบ้าง อุ้มไปเฉย จนวันนึง แม่มาบอกให้ป้อนข้าวป้อนกล้วยได้แล้ว เราก็ดื้อเงียบค่ะ สู้ เพราะนี้ลูกของเราค่ะ และแม่สามีก็ซื้อกล้วย เตรียมจะมาป้อนให้หลานกิน เราเห็น เราทักเลยว่า ทำไมป้อนกล้วยน้อง หมอยังไม่ให้กินตอนนี้ แม่สามีโกรธเรามาก "กูเลี้ยงให้ ไม่ดีเอาไปเลี้ยงเอง" สามีก็รับรู้ แล้วถามเราทำไมทำตัวมีปัญหา เราบอกไปว่า นี้ลูกเรานะ จะให้แม่สามี คอยควบคุม ทุกอย่างเลยหรอ จนเราต้องซื้อของไปขอโทษแม่สามี ทั้ง2คน แม่ก็บอกรักเราเหมือนลูก
ระหว่างที่ย้ายมาอยู่คือ คิดมาตลอด เขาคงดีกับเราละ แต่กลายเป็นอีก แม่สามีทะเลาะกับพ่อสามีกันบ่อย บางทีระเบิดอารมณ์กันไปมา ได้ยินไปถึงร้านค้า อีกบ้านหลังนึง จนแม่ค้าถามเรา ว่าที่บ้านทะเลาะกันบ่อยหรอ ตอนนั้นละอายใจมาก ครอบครัวสามีดูไม่มีความสุขเลย บางครั้งครอบครัวพี่สาวอยู่ด้วย พี่สาวหนีเที่ยวตอนกลางคืน แม่ลูกทะเลาะกันเสียงดัง อีเ-ี้ย อี ัด ทุบหลานคนโต เพราะดื้อ พี่สาวตีแฟนตัวเอง ตีกันไปมา คิ้วแตก แม่สามีชอบเอาเราไปเปรียบเทียบเรื่อง พี่สาวทะเลาะกัน ทำร้ายร่างกาย ว่า เดี๋ยวก็ดีกัน เป็นเรื่องปกติ รับได้ ที่ลูกตัวเองโดนแบบนั้น บอกเรา ตีกันหัวร้างข้างแตก เดี๊ยวก็ดีกันรักกัน เราเคยโดนสามีทำร้ายร่างกายค่ะ เราเลยถอยออกมา แล้วพูดกับแม่สามีเขาเลยว่า เราขอแยกทางกัน ถ้ายังคิดแบบคนโตไม่ได้ เราไม่ขอกลับไปค่ะ เพราะเขาไม่ให้เกียรติครอบครัวเรา แถมยังมาด่าเราปัญญาอ่อนอีก กับคนในครอบครัวเขา
เรื่องทะเลาะกันเอง ด่ารุนแรง แล้วก็ดีกัน เรานี่เอียงคอ เป็นหมาเลย งง มาก ด่ากัน จับมือ ยิ้มกันเฉย
หลังจากที่เราถอยออกมา อยู่ห้องเช่า เอาลูกเราออกมาด้วยค่ะ พี่สาวสามีถามว่า เอาลูกไปทำไม เลี้ยงไม่สนใจ เราเลยถาม กลับว่า ที่เลี้ยงลูกเราน่ะ ปล่อยให้ดูจอโทรทัศน์ โทรศัพท์คือ สนใจลูกเราแล้วหรือ บางครั้ง ชอบอุ้มลูกเราไปเที่ยวช่วงโรคโควิดระบาด ไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกเรา ว่าเราจะห่วงลูกขนาดไหน เอาไปก็ไม่ค่อยสนใจ ตั้งแต่อยู่มา งานบ้ารพี่สาวไม่เอาเลย จานข้าวให้แฟนตัวเอง เก็บล้างให้ตลอด ลูกของเขา ก็เอาให้แม่สามีเลี้ยง เขาบอกเราถ้าจะไปฟ้องศาล เรื่องทำร้ายร่างกาย เขาจะเอาเรื่องที่เราเป็นภรรยาบ่กพร่อง งานบ้านงานเรือน ไม่เอาไหน ไปฟ้องตำรวจ
คือ จะเอาข้อเสียเราไปพูดว่าไม่ทำ ทั้งๆที่เราทำแล้ว ตู้เย็นอะไร ขัด ล้าง ทำกับข้าว เราคอยเช็ดคาบเลอะ คาบนํ้ามัน เช็ดให้ตลอด
บางทีเคยปล่อย ลองไม่เช็ด สักครึ่งวัน ก็ปล่อยให้เลอะสกปรกจริงๆ เราเลยไม่ทน เพราะเราอยู่ไปเหมือนคนใช้ในบ้าน
หลังจากที่เดินออกมาจากจุดนั้นเหมือนได้หลุดพ้น ออกจากครอบครัวเขา ครอบครัวที่เรารู้สึกไม่มความสุข มีแต่เสียงทะเลาะด่ามอกันไปมา และเราบอกสามีให้ไปสร้างตัวเอง ถ้ายังอยู่กับแม่ก็อยู่ต่อไป เราไม่ง้อ เพราะเราเหนื่อยมาก อะไรก็แม่ เรื่องเช่าบ้าน แม่ก็กลัวลูกชายตัวเองไปไม่รอด คอยพูดให้ลูกชายตัวเองฟัง ถ้าไม่มีแม่จะอยู่กันยังไง เรามีปัญหาอะไร แม่สามีจะรีบเข้ามา ยืนดูๆ ตอนสามี ไม่อยู่ ด่าลูกเหมือนเป็นตัวอะไร พอลูกอยู่ก็พูดใจเย็นมาก ชอบเอาหนี้มาอ้าง ว่าหามา ก็ต้องช่วยผ่อนให้แม่ด้วย เหนื่อยแบบเหนื่อยมาก ทนมาได้ไงไม่รู้ ตอนนี้เราคิดใหม่แล้ว
คือ เลือกที่จะไม่ทนกับครอบครัวนี้แม่สามีมาง้อให้กลับมาคืนดี กลับไปอยู่กับครอบครัวเขา เราไม่ไปค่ะ เราบอกขอสร้างตัว ให้มีบ้าน มีอะไรเป็นของตัวเอง เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ จะให้สามีทำงาน แล้วเราเลี้ยงลูก ไม่ให้เราทำงาน จะทำขนมขาย ก็บอกให้เราไม่ต้องทำ ไม่มีคนซื้อ ขัดตลอด ถอยค่ะ ถอยอย่างเดียว ที่เหลือให้สามีคิดเอาเอง ว่า สักวันชีวิตจะไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะถ้ายังติดแม่ ไม่ออกมาสร้างตัว สร้างครอบครัวแบบนี้ ก็ปล่อยให้เขา โตพอที่จะคิดได้เองในสักวันนึง
ตอนนี้มีความสุขมากๆ ที่ได้อยู่กับลูก เลี้ยงเอง ๆม่เหนื่อยใจค่ะ แต่เหนื่อยกายนิดๆหน่อยๆ