เมื่อได้รับโจทย์ต่างๆ ในการเป็นไอดอล ผ่านทางตัวแทนห้าวเป้งอันดับต้นๆ ของประเทศ ความอุปสรรคและท้าทายก็อยู่ตรงหน้าของพวกเธอทั้ง 25 คน ในนาม ‘ซีจีเอ็มโฟร์ตีเอท’ แต่หารู้ไม่ว่า ภารกิจเหล่านั้น ได้ถูกบันทึกลงในแผ่นฟิล์มกับเรื่อง ‘ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง’ จากค่ายสหมงคลฟิล์ม ซึ่งจากประสบการณ์ในครั้งนี้ ตัวแทนทั้ง 6 คน ได้แก่ ออม-ปุณยวีร์ จึงเจริญ, แองเจิ้ล-นภัสนันท์ ธรรมบัวชา, สิตา ธีรเดชสกุล, ปิ๊ง-พิณพณา แสงบุญ, เจเจ-ศุภาพิชญ์ ศรีไพโรจน์ และ ปีโป้-จิรัฐิกาล ทะสี รวมไปถึงสมาชิกวงทั้งหมด คงไม่มีทางลืมเลือนไปได้ง่ายๆ แน่ !!!
ก่อนหน้านิ้ วงรุ่นพี่อย่าง AKB48 ก็มีการโดนแกล้งในแบบนี้เหมือนกัน คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วมั้ย
สิตา : อย่างส่วนตัวเราเอง ก็มีความชื่นชอบกับวงรุ่นพี่ AKB48 อยู่แล้ว ซึ่งทางนั้นก็จะมีรายการวาไรตี้เยอะมาก แล้วก็จะเห็นเมมเบอร์แต่ละคนในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป อย่างพี่รินะ (อิสึตะ : ผู้จัดการวง CGM48) ก็เป็นสายวาไรตี้อยู่แล้ว ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่ง พวกเราก็จะมาในแนวทางนี้เหมือนกัน คือมันค่อนข้างหายากในเมืองไทย ก็เลยรู้สึกดีใจมากๆ แล้วก็รู้สึกถึงความเป็น 48 Group ขึ้นมาด้วยหน่อยหนึ่ง
แองเจิ้ล : ใช่ค่ะ ถือว่าเร็วเกินคาดด้วย เพราะว่าเราก็ไม่รู้ตัวว่าเริ่มถ่ายทำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คือพอตอนจบมารู้ว่า ถ่ายกันไปหมดแล้ว ก็ไม่ทันได้เก๊กเลยค่ะ บอกเลยว่าในหนังก็คือของจริงทั้งหมดเลย
ถ้าไล่ไทม์ไลน์ในหนัง ดูเหมือนเป็นช่วงเริ่มตั้งวงใหม่ๆ เลย ตอนนั้นแต่ละคนรู้สึกยังไงกันบ้างครับ
ออม : เขาบอกว่า หนังเรื่องนี้ ถ่ายมา 1 ปี 3 เดือน ตั้งแต่ช่วงออดิชั่น เริ่มตั้งแต่ช่วงเสื่อผืนหมอนใบ ใสๆ เลย ยังแคะขี้มูกอยู่ จากนั้นก็ค่อยเติบโตพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน มันเหมือนเห็นพัฒนาการของเรา
ปิ๊ง : คือถ้าตอนนี้ CGM48 คือไก่ชน (หัวเราะทั้งวง) จะเรียกว่าทุกคนเห็นตั้งแต่ไข่ฟองน้อยๆ กะเทาะออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ เหมือนกับเด็กที่เพิ่งหัดเดินด้วยซ้ำ กว่าจะเข้ามาสู่วงการนี้ จนกลายเป็นไก่ชนที่แข็งแกร่ง
เจเจ : ตอนนั้นเหมือนกับพวกเรายังเป็นเด็กน้อยอยู่ ยังไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ความฝันของพวกเราที่อยากจะเป็นไอดอล แต่เท่าที่เราผ่านมาทั้งหมด ไอดอลไม่ได้มีแค่ ร้อง เต้นนะ ยังมีทักษะอื่นด้วย ต้องมีความใส่ใจ หรือต้องจัดเวลาให้ดี มีสิ่งที่ทำให้เราเติบโตเยอะขึ้นมาก จากตอนแรกที่ขี้มูกยังเปียกๆ ตอนนี้แห้งแล้วค่ะ (หัวเราะทั้งวง)

ทีนี้ให้แต่ละคนพูดถึงแต่ซีนที่ตัวเองเจอครับ
ออม : ก็จะเป็นซีนที่ไปถ่ายมิวสิควีดีโอด้วยกัน ไปกับกลุ่มรุ่นพี่ยังโอม (รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์) ค่ะ วันนั้นจะเป็นการถ่ายเอ็มวีเพลงไปต่อ เป็นเพลงพิเศษที่เราได้ทำกับรุ่นพี่ค่ะ เป็นเพลงที่เรามีส่วนร่วม ทั้งแต่งเนื้อเพลงเอง ท่าเต้น รวมถึง พวกเราได้ช่วยกันคิดต่างๆ แล้ววันที่ถ่ายเอ็มวีก็ถือว่าสนุกสนานมากๆ เพราะมันมีสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้อยนู่เยอะจริงๆ ทั้งเรื่องสภาพอากาศฟ้าฝน หรือระเบิด และ พี่ๆ ทีมงานที่แอบซ่อนพวกเราต่างๆ
คือหนูถ่ายเอ็มวีมาก็หลายเพลง ปกติมันก้สบายและมีสิ่งสวยงามให้เราเห็น แต่เอ็มวีเพลงนี้เป็นการฉีกแนวของไอดอลมากๆ เราต้องไปวิ่งหนีระเบิด หรือต้องไปเจอฝุ่นควันต่างๆ เป็นอะไรเข้มข้นมากจริงๆ
แองเจิ้ล : ในส่วนของหนูก็เป็นพี่แจ๊ค แฟนฉัน (เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ค่ะ คือพี่เขาบอกพวกเราว่า ไปถ่ายคอนเทนต์สถานที่หนึ่งในเชียงใหม่ ไปโปรโมทอะไรอย่างงี้ พวกเราก็ไปกันแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย ไปแบบว่า ‘หนูต้องลองทำจริงๆ เหรอคะ’ เหมือนทำให้เรากล้าแสดงออกมากขึ้น ว่าไม่ว่าเจออุปสรรคอะไร ก็ต้องทำให้สำเร็จ
สิตา : ในส่วนของเราก็จะไปกับน้าเน็ก (เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา) ค่ะ อย่างที่ทุกคนเห็นตัวอย่างว่ามีช้างใช่มั้ยคะ ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้ทำกับน้าเน็กค่ะ เขาบอกกับเราว่า ไปถ่ายรายการ ‘อย่าหาว่าน้าสอน’ ค่ะ ซึ่งน้าสอนแบบโหดๆ ด้วยค่ะ ก็ถือว่าสนุกมากๆ ค่ะ
ปีโป้ : หนูก็ไปในส่วนของพี่กันต์ (กันตถาวร) ค่ะ ตอนแรกก็คิดว่า ไอดอลก็รับงานบุญบั้งไฟเหมือนกันเหรอ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากๆ พอไปถึงที่ก็แบบชื่อใหญ่โตมาก เป็นพิธีกรระดับประเทศจะต้องร่ำรวยมากแน่ๆ ซึ่งก็แสบไม่น้อยเหมือนกันค่ะ
เจเจ : ก็เป็นซีนพี่กันต์เหมือนกันค่ะ อย่างที่ปีโป้บอกเหมือนกันว่านึกไม่ถึงว่าวงเราจะรับงานบุญด้วย เราก็ตื่นเต้นด้วยเพราะก็ไม่เคยรับงานบุญมาเหมือนกัน ก็ได้เรียนรู้ในเรื่องของวิธีการพูด ได้เรียนรู้การเป็น mc มากกว่าเดิม หรือวิธีการจำบท แล้วก็ได้เห็นพี่กันโกรธด้วย ซึ่งเราไม่เคยเห็นแกโกรธเลย
ปิ๊ง : ส่วนของหนูก็เป็นพี่แจ๊ค แฟนฉันค่ะ เพราะพี่เขาเป็นนักแสดงที่เอนเตอร์เทนด้วย อย่างตอนเจอกับพี่แจ๊คครั้งแรก ก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าอยู่ เราก็ต้องมาทำความรู้จักกันใหม่ เพราะยังมีการเกร็งกันอยู่ แต่พี่เขาก็เข้าหาพวกเราได้ดัมากเลย อยู่ๆ ก็คุยกันอย่างสนุกเลย ก็รู้สึกว่าการเอนเตอรืเทนมันไม่ได้ขนาดนั้น แต่สิ่งที่พี่เขาทำมันธรรมชาติมาก แต่ผ่านการคิดต่างๆ มากแล้ว ดังนั้นก็เป็นแบบอย่างที่ดี แล้วนำมาใช้และทำตามค่ะ
อ่านต่อที่นี่ :
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000021370
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : ดรงค์ ฤทธิปัญญา
จะคิวท์หน่อยก็ไม่ได้ !!! เมื่อ “CGM48” เดบิวต์บนแผ่นฟิล์ม ด้วย ‘ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง’
เมื่อได้รับโจทย์ต่างๆ ในการเป็นไอดอล ผ่านทางตัวแทนห้าวเป้งอันดับต้นๆ ของประเทศ ความอุปสรรคและท้าทายก็อยู่ตรงหน้าของพวกเธอทั้ง 25 คน ในนาม ‘ซีจีเอ็มโฟร์ตีเอท’ แต่หารู้ไม่ว่า ภารกิจเหล่านั้น ได้ถูกบันทึกลงในแผ่นฟิล์มกับเรื่อง ‘ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง’ จากค่ายสหมงคลฟิล์ม ซึ่งจากประสบการณ์ในครั้งนี้ ตัวแทนทั้ง 6 คน ได้แก่ ออม-ปุณยวีร์ จึงเจริญ, แองเจิ้ล-นภัสนันท์ ธรรมบัวชา, สิตา ธีรเดชสกุล, ปิ๊ง-พิณพณา แสงบุญ, เจเจ-ศุภาพิชญ์ ศรีไพโรจน์ และ ปีโป้-จิรัฐิกาล ทะสี รวมไปถึงสมาชิกวงทั้งหมด คงไม่มีทางลืมเลือนไปได้ง่ายๆ แน่ !!!
ก่อนหน้านิ้ วงรุ่นพี่อย่าง AKB48 ก็มีการโดนแกล้งในแบบนี้เหมือนกัน คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วมั้ย
สิตา : อย่างส่วนตัวเราเอง ก็มีความชื่นชอบกับวงรุ่นพี่ AKB48 อยู่แล้ว ซึ่งทางนั้นก็จะมีรายการวาไรตี้เยอะมาก แล้วก็จะเห็นเมมเบอร์แต่ละคนในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป อย่างพี่รินะ (อิสึตะ : ผู้จัดการวง CGM48) ก็เป็นสายวาไรตี้อยู่แล้ว ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่ง พวกเราก็จะมาในแนวทางนี้เหมือนกัน คือมันค่อนข้างหายากในเมืองไทย ก็เลยรู้สึกดีใจมากๆ แล้วก็รู้สึกถึงความเป็น 48 Group ขึ้นมาด้วยหน่อยหนึ่ง
แองเจิ้ล : ใช่ค่ะ ถือว่าเร็วเกินคาดด้วย เพราะว่าเราก็ไม่รู้ตัวว่าเริ่มถ่ายทำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คือพอตอนจบมารู้ว่า ถ่ายกันไปหมดแล้ว ก็ไม่ทันได้เก๊กเลยค่ะ บอกเลยว่าในหนังก็คือของจริงทั้งหมดเลย
ถ้าไล่ไทม์ไลน์ในหนัง ดูเหมือนเป็นช่วงเริ่มตั้งวงใหม่ๆ เลย ตอนนั้นแต่ละคนรู้สึกยังไงกันบ้างครับ
ออม : เขาบอกว่า หนังเรื่องนี้ ถ่ายมา 1 ปี 3 เดือน ตั้งแต่ช่วงออดิชั่น เริ่มตั้งแต่ช่วงเสื่อผืนหมอนใบ ใสๆ เลย ยังแคะขี้มูกอยู่ จากนั้นก็ค่อยเติบโตพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน มันเหมือนเห็นพัฒนาการของเรา
ปิ๊ง : คือถ้าตอนนี้ CGM48 คือไก่ชน (หัวเราะทั้งวง) จะเรียกว่าทุกคนเห็นตั้งแต่ไข่ฟองน้อยๆ กะเทาะออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ เหมือนกับเด็กที่เพิ่งหัดเดินด้วยซ้ำ กว่าจะเข้ามาสู่วงการนี้ จนกลายเป็นไก่ชนที่แข็งแกร่ง
เจเจ : ตอนนั้นเหมือนกับพวกเรายังเป็นเด็กน้อยอยู่ ยังไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ความฝันของพวกเราที่อยากจะเป็นไอดอล แต่เท่าที่เราผ่านมาทั้งหมด ไอดอลไม่ได้มีแค่ ร้อง เต้นนะ ยังมีทักษะอื่นด้วย ต้องมีความใส่ใจ หรือต้องจัดเวลาให้ดี มีสิ่งที่ทำให้เราเติบโตเยอะขึ้นมาก จากตอนแรกที่ขี้มูกยังเปียกๆ ตอนนี้แห้งแล้วค่ะ (หัวเราะทั้งวง)
ทีนี้ให้แต่ละคนพูดถึงแต่ซีนที่ตัวเองเจอครับ
ออม : ก็จะเป็นซีนที่ไปถ่ายมิวสิควีดีโอด้วยกัน ไปกับกลุ่มรุ่นพี่ยังโอม (รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์) ค่ะ วันนั้นจะเป็นการถ่ายเอ็มวีเพลงไปต่อ เป็นเพลงพิเศษที่เราได้ทำกับรุ่นพี่ค่ะ เป็นเพลงที่เรามีส่วนร่วม ทั้งแต่งเนื้อเพลงเอง ท่าเต้น รวมถึง พวกเราได้ช่วยกันคิดต่างๆ แล้ววันที่ถ่ายเอ็มวีก็ถือว่าสนุกสนานมากๆ เพราะมันมีสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้อยนู่เยอะจริงๆ ทั้งเรื่องสภาพอากาศฟ้าฝน หรือระเบิด และ พี่ๆ ทีมงานที่แอบซ่อนพวกเราต่างๆ
คือหนูถ่ายเอ็มวีมาก็หลายเพลง ปกติมันก้สบายและมีสิ่งสวยงามให้เราเห็น แต่เอ็มวีเพลงนี้เป็นการฉีกแนวของไอดอลมากๆ เราต้องไปวิ่งหนีระเบิด หรือต้องไปเจอฝุ่นควันต่างๆ เป็นอะไรเข้มข้นมากจริงๆ
แองเจิ้ล : ในส่วนของหนูก็เป็นพี่แจ๊ค แฟนฉัน (เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ค่ะ คือพี่เขาบอกพวกเราว่า ไปถ่ายคอนเทนต์สถานที่หนึ่งในเชียงใหม่ ไปโปรโมทอะไรอย่างงี้ พวกเราก็ไปกันแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย ไปแบบว่า ‘หนูต้องลองทำจริงๆ เหรอคะ’ เหมือนทำให้เรากล้าแสดงออกมากขึ้น ว่าไม่ว่าเจออุปสรรคอะไร ก็ต้องทำให้สำเร็จ
สิตา : ในส่วนของเราก็จะไปกับน้าเน็ก (เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา) ค่ะ อย่างที่ทุกคนเห็นตัวอย่างว่ามีช้างใช่มั้ยคะ ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้ทำกับน้าเน็กค่ะ เขาบอกกับเราว่า ไปถ่ายรายการ ‘อย่าหาว่าน้าสอน’ ค่ะ ซึ่งน้าสอนแบบโหดๆ ด้วยค่ะ ก็ถือว่าสนุกมากๆ ค่ะ
ปีโป้ : หนูก็ไปในส่วนของพี่กันต์ (กันตถาวร) ค่ะ ตอนแรกก็คิดว่า ไอดอลก็รับงานบุญบั้งไฟเหมือนกันเหรอ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากๆ พอไปถึงที่ก็แบบชื่อใหญ่โตมาก เป็นพิธีกรระดับประเทศจะต้องร่ำรวยมากแน่ๆ ซึ่งก็แสบไม่น้อยเหมือนกันค่ะ
เจเจ : ก็เป็นซีนพี่กันต์เหมือนกันค่ะ อย่างที่ปีโป้บอกเหมือนกันว่านึกไม่ถึงว่าวงเราจะรับงานบุญด้วย เราก็ตื่นเต้นด้วยเพราะก็ไม่เคยรับงานบุญมาเหมือนกัน ก็ได้เรียนรู้ในเรื่องของวิธีการพูด ได้เรียนรู้การเป็น mc มากกว่าเดิม หรือวิธีการจำบท แล้วก็ได้เห็นพี่กันโกรธด้วย ซึ่งเราไม่เคยเห็นแกโกรธเลย
ปิ๊ง : ส่วนของหนูก็เป็นพี่แจ๊ค แฟนฉันค่ะ เพราะพี่เขาเป็นนักแสดงที่เอนเตอร์เทนด้วย อย่างตอนเจอกับพี่แจ๊คครั้งแรก ก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าอยู่ เราก็ต้องมาทำความรู้จักกันใหม่ เพราะยังมีการเกร็งกันอยู่ แต่พี่เขาก็เข้าหาพวกเราได้ดัมากเลย อยู่ๆ ก็คุยกันอย่างสนุกเลย ก็รู้สึกว่าการเอนเตอรืเทนมันไม่ได้ขนาดนั้น แต่สิ่งที่พี่เขาทำมันธรรมชาติมาก แต่ผ่านการคิดต่างๆ มากแล้ว ดังนั้นก็เป็นแบบอย่างที่ดี แล้วนำมาใช้และทำตามค่ะ
อ่านต่อที่นี่ : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000021370
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : ดรงค์ ฤทธิปัญญา