คือนั่งสมาธิแล้วหลับตลอดเวลา ถึงแม้จะนอนอิ่มมาก คือจิตถูกถีนมิทธะ ครอบงำแน่นเหนียวจนเป็นนิสัย สันดาน ห่อเหี่ยว หดหู่ ขี้เกียจ จนไม่อยากทำอะไร งานการไม่ทำ ไม่กระตือรือร้นในชีวิต ...พอนั่งสมาธิจึงรู้ว่า จิตมันเอาแต่จะหลับทั้งที่ไม่ง่วง
ใช้อานาปณสติ ศึกษาแนวหลวงพ่อปราโมทย์ คือดูจิต เกาะลมหายใจ ไม่เพ่ง ไม่เผลอ เผลอไปก็รู้ รู้สิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ปรากฏหลับตลอดเว ถ้าฝืนนั่งก็สัปหงก สะดุ้งตั้งแต่จิตยังไม่ได้เหนื่อย คือจะตกภวังค์ท่าเดียว
คือเข้าใจว่าต้องแก้ ไม่งั้นคงอยู่โลกนี้ไม่ได้ ไม่อยากขี้เกียจ ห่อเหี่ยว เป็นจิตถีนมิทธะ
เลยอ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเจอว่าให้ใช้พุทธานุสสติ ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ที่อ่านเจอคือแนวหลวงพ่อฤษีลิงดำ ใช้แนวนี้ เคยเข้าร่วมการสอน ให้ไปจุฬามณีไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ... เอาหละทีนี้ ตีกับความรู้เดิมคือ ไม่ควรส่งจิตออกนอก ให้รับรู้อาการทางกาย ความคิดตามที้เกิดขึ้นจริง.... งงหละเอาทางไหน
ลองใช้วิธีนึกถึงพระพุทธเจ้า แบบที่เริ่มเรียนมโนยิทธิ ข้อดี คือ ช่วยให้ง่วงน้อยลง ไม่หลับได้นะ เข้าใจว่า ..ยังทดลองไม่ทุกสถานการณ์ แต่ว่าจะรู้เห็นตามความเป็นจริงได้อย่างไร
หรือจำเป็นต้องเลือกเป็นสมถะก่อน จิตแข็งแรงค่อยไปวิปัสสนา.. เอาไงดี
วานผู้รู้ช่วยแสดงความเห็นทีค่ะ
กรรมฐานที่เหมาะกับจริต
ใช้อานาปณสติ ศึกษาแนวหลวงพ่อปราโมทย์ คือดูจิต เกาะลมหายใจ ไม่เพ่ง ไม่เผลอ เผลอไปก็รู้ รู้สิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ปรากฏหลับตลอดเว ถ้าฝืนนั่งก็สัปหงก สะดุ้งตั้งแต่จิตยังไม่ได้เหนื่อย คือจะตกภวังค์ท่าเดียว
คือเข้าใจว่าต้องแก้ ไม่งั้นคงอยู่โลกนี้ไม่ได้ ไม่อยากขี้เกียจ ห่อเหี่ยว เป็นจิตถีนมิทธะ
เลยอ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเจอว่าให้ใช้พุทธานุสสติ ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ที่อ่านเจอคือแนวหลวงพ่อฤษีลิงดำ ใช้แนวนี้ เคยเข้าร่วมการสอน ให้ไปจุฬามณีไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ... เอาหละทีนี้ ตีกับความรู้เดิมคือ ไม่ควรส่งจิตออกนอก ให้รับรู้อาการทางกาย ความคิดตามที้เกิดขึ้นจริง.... งงหละเอาทางไหน
ลองใช้วิธีนึกถึงพระพุทธเจ้า แบบที่เริ่มเรียนมโนยิทธิ ข้อดี คือ ช่วยให้ง่วงน้อยลง ไม่หลับได้นะ เข้าใจว่า ..ยังทดลองไม่ทุกสถานการณ์ แต่ว่าจะรู้เห็นตามความเป็นจริงได้อย่างไร
หรือจำเป็นต้องเลือกเป็นสมถะก่อน จิตแข็งแรงค่อยไปวิปัสสนา.. เอาไงดี
วานผู้รู้ช่วยแสดงความเห็นทีค่ะ