ทำไงดี พ่อกับแม่ผมเริ่มก้าวก่ายชีวิตครอบครัวผมมากเกินไป

ผมกับภรรยา อยู่กินกันมาได้ปีนี้เข้าปีที่ 7 แล้วครับ ตอนนี้พักอาศัยอยู่ที่บ้านของแฟนเอง มีลูกด้วยกัน 2 คน ชีวิตช่วงแรกก่อนจะมีลูกด้วยกัน ราบรื่นดี ไม่มีปัญหาเรื่องญาติ ทั้งฝั่งแฟน หรือฝั่งผม ก่อนหน้าที่จะมีลูก แฟนผมเรียน ส่วนผมทำงานส่งแฟนเรียนเอง พอแฟนเรียนจบป.ตรี ผมเลยกลับไปเรียนช่างไฟฟ้า ปวส.ซึ่งตอนนี้เรียนจบ มีงานทำด้วยกันทั้งคู่ครับ
เข้าเรื่องเลยครับ ก่อนหน้าที่จะมีลูก พ่อกับแม่ผม หวังว่าอยากให้ผมเรียนจบ ปวส.มาก เพราะผมเลยเกเรมาก่อนที่จะมีแฟนคนนี้ ก่อนหน้านี้ผมจบ ม.3 ทำงานเป็นลูกจ้างส่งของ หาเงินเองตั้งแต่อายุ 16 ไม่เคยขอเงินพ่อแม่ใช้ตั้งแต่ตอนนั้นมา พออายุ 18 ด้วยความที่แม่ผมอยากให้ผมกลับไปเรียน เพราะวุฒิแค่ ม.3 หางานยากมาก และเนื่องด้วยในช่วงระยะเวลาที่ผมทำงานมา ผมจึงรู้ดีว่า ชีวิตการเป็นลูกจ้างเป็นอย่างไร ผมเลยเชื่อเขา และกลับไปเรียน ซึ่งช่วงเสาร์-อาทิตย์ ผมจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่เดิม หาเงินเรียนเอง ซึ่งนายจ้างผมก็ยินดีที่จะสนับสนุนผมครับ
ผมเรียนปวช.1 ผ่านมา1เทอม ตั้งใจเรียนมาก เกรด 3.14 เป็นที่น่าภูมิใจเพราะเกรดผมไม่เคยได้ขนาดนี้มาก่อนเลย และช่วงที่เรียนนั้นเอง ผมได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนึง (จริงๆติดต่อกันมานานแล้ว แต่คุยกันฐานะเพื่อนเท่านั้น) ซึ่งเป็นภรรยาผมในตอนนี้ครับ ตอนนั้นเธอเรียนอยู่ปี 1 เราได้คบกัน และได้ตกลงแต่งงาน (จริงๆไม่เชิงเรียกแต่ง เหมือนแค่มาบอกผี บอกแค่คนรู้จัก ผูกข้อไม้ข้อมือครับ) พอแต่งเสร็จ แม่แฟนเลยให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านของเขาเอง เพราะบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่ ผมเลยได้มาอยู่กับเธอตั้งแต่นั้นมา แม่แฟนไม่หวังอะไรมาก แค่หวังให้แฟนผมเรียนจบ อย่าพึ่งมีลูกเดี๋ยวจะเสียการเรียน และบอกผมว่าให้ส่งเสียเธอด้วย (เหมือนเป็นการพิสูจน์ว่าผมรักเธอจริงๆหรือเปล่า)
เอาละไงครับ ลำพังตัวเองก็ต้องส่งเสีย ไหนจะต้องส่งเสียแฟนอีก ถ้าจะให้พ่อกับแม่ผมมาส่งเสียเรียนอีกด้วย มีหวังเขาคงเหนื่อย ความคิดผมที่คิดได้ตอนนั้นคือ ผมต้องออกมาทำงานส่งเธอเรียน!
ผมได้ลาออกมาทำงานอีกครั้ง ตอนนั้นยอมรับทำใจลำบากมาก ทำแม่ผมเสียใจอีกครั้ง ป้าข้างบ้านก็พูดกันหนาหู ว่าผมโง่ เลี้ยงผู้หญิง พอมันจบแล้วมันก็ไป บลาๆๆ ผมก็ได้แต่ฟัง แล้วเก็บไว้ในใจ แฟนผมก็คอยให้กำลังใจ และสัญญาว่าจะไม่ไปไหน และผมก็เชื่อใจเธอ เพราะผมรู้จักเธอตั้งแต่เรียน ม.2 มาด้วยกัน
ในะหว่างนั้น ผมก็ตั้งใจทำงานมาก เพื่อนที่เคยกินเที่ยวด้วยกันทะยอยๆหายไป เพราะผมไม่ค่อยไปกินเลี้ยงสังสรรค์อย่างเคย บุหรี่ผมก็เลิก เพราะเธอขอให้เลิก ช่วงนั้นบอกได้คำเดียว ทำทุกอย่างเพื่อเธอมาโดยตลอด แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ให้ไปไหนนะ เธอให้ไป เธอไม่ว่า แรกๆผมก็ไปกินกับเพื่อน หลังๆมาผมไม่ค่อยไป เพราะผมเป็นคนกินไม่เก่ง แต่เพื่อนกินเก่งมาก และตอนนั้นในกลุ่มเพื่อน ผมคนเดียวที่พอจะมีเงิน มันเลยกลายเป็นว่าไปกินด้วยกันทีไร ผมต้องคอยออก คอยเลี้ยงอยู่ตลอด ผมเลยตัดสินใจไม่ไป และห่างๆจากนั้นมา และผมก็โดนเพื่อนตราหน้าว่า "มีเมียแล้วทิ้งเพื่อน!"
ชีวิตก็ผ่านมาลุ่มๆดอนๆ มีบ้างอดบ้าง เธอเรียนมหาลัยใช้เงินเยอะ ไหนจะงานกลุ่ม วิจัย วิทยานิพนธ์ บลาๆๆ ซึ่งผมก็คอยซับพอร์ตตลอด แต่เธอก็ไม่เคยบ่น มีเท่าไรก็เท่านั้น กินมาม่าบ้าง อดบ้างตามประสา แต่ก็ผ่านมาได้จนเธอจบ!
ผมยอมรับว่าผมภูมิใจมาก ที่ส่งเธอเรียนจบมาได้ เป็นความภูมิใจที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง พวกบรรดาป้าข้างบ้านที่คอยพูด ก็หน้าหงายกันไป แต่ก็ยังมีบ้างคนที่คอยบอกว่า มันเรียนจบแล้ว เดี๋ยวมันก็ไป! ให้ได้ยินบ้างประปราย
พอเธอเรียนจบ เธอก็บอกผมว่า เธอจะทำงานส่งผมเรียนบ้าง ซึ่งตอนนั้นผมอายุ 21 มันเลยวัยที่ผมจะไปเรียนแบบปกติได้ เธอเลยบอกว่างั้นไปเรียน กศน.สิ เรียนเสาร์-อาทิตย์ พอจบเอาวุฒิไปเรียน ปวส.ได้ ตอนแรกผมไม่อยากไปเรียนแล้ว เพราะมันเลยอายุ และไม่อยากเป็นขี้ปากใคร!
ช่วงนั้นผมออกจากงานที่เคยทำ มาทำยาม ใช่ครับ ยามที่มีแต่คนดูถูก ไม่มีใครอยากคุยด้วย ป้าข้างบ้านยิ่งพูดกันสนุกปาก แต่ผมไม่อาย ผมเต็มใจทำซึ่งเอาจริงๆ อาชีพนี้ถือว่าเป็นอาชีพที่ดี เงินก็ดีนะ แต่คนมองไม่ดีแค่นั้นเอง ช่วงนั้น บริษัทมีนโยบายใหม่ ใครที่ทำยามต้องมีวุฒิ ม.6 เท่านั้น และปัญหาคือ คนที่ทำยามเกือนค่อนบริษัท จบแค่ป.6 ก็มี ม.3 ก็มี เขาเลยแก้ปัญหาโดยการ ให้คนที่ทำงานแล้วที่มีวุฒิไม่เกิน ม.6 ไปเรียนกศน.เพิ่ม ซึ่ง ผมก็ต้องไป!
และตอนเรียนกศน. ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาไปเรียนเพราะ บางทีวันหยุดไม่ตรงบ้างแหละ ลาไม่ได้บ้างแหละ แฟนผมเลยไปเรียนแทน ซึ่งเหมือนแค่ไปเอางานมาให้ผมทำครับ และแล้วก็ผ่านมาด้วยดีในวุฒิม.6
พอได้วุฒิม.6 มา แม่ผมซึ่งก็ยังหวังอยู่ว่า อยากให้ผมเรียนจบปวส.ช่างไฟให้ได้ ซึ่งใช้เวลาอีก 2 ปีเท่านั้น เขาก็พยามเปลี่ยนความคิดผม ทั้งแฟน ทั้งแม่ผม ว่ากลับไปเรียนเหอะ จะได้หางานง่าย เป็นช่างหางานง่าย บลาๆ ซึ่งผมก็กลับมาคิดทบทวนว่า ก็จริง ถ้าทำอยู่แบบนี้ก็เป็นแค่ยาม ถ้าเราทนเรียน เราอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ ผมเลยตัดสินใจไปเรียนอีกครั้งที่ 3! ก็เช่นเดิมเสียงคำดูถูกลอยเข้ามาอีกครั้ง
ตัดภาพมาตอนเรียน ปวส.1 ผมก็ตั้งใจว่าครั้งนี้ผมต้องจบ ไม่จบไม่ได้ เอาคำดูถูก มาเป็นแรงผลักให้ผมท่องแค่ว่า ต้องจบๆๆตลอด ในระหว่างที่เรียนนั้นเอง สิ่งที่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!
"แฟน ผม ท้อง" ใช่ครับ แฟนผมท้อง เป็นความเลินเล่อของผมทั้งคู่เอง ว่าเราจะไม่มีโอกาศมีลูก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเราถึงคิดเช่นนั้นกัน ทำให้แฟนไม่กินยาคุม ผมไม่ใส่ถุง ผลคือ ท้องครับ ช่วงนั้นเครียดมาก พึ่งจะกลับไปเรียน ต้องเลี้ยงลูกอีกหรอ เงินก็ไม่มี แฟนก็พึ่งทำงาน ช่วงนั้นบอกเลย คำว่าท้องไม่พร้อมเป็นอย่างไร เลยปรึกษาพ่อแม่พี่ผมทั้งครอบครัวว่าผมจะเอาไงดี!
โชคดี ที่ครอบครัวไม่ว่าอะไร พี่สาวและพี่ชายผมพร้อมช่วยเหลือ ไม่ไหวบอกได้ บอกแค่ว่าขออย่าให้ผมออกจากเรียน ให้รีบตั้งใจเรียนให้จบ พวกเขาจะคอยช่วยเอง
(เดี๋ยวมาต่อนะครับไปทำธุระต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่