เลบานอนประเทศอาหรับที่ติดท็อปความเหยียดเชื้อชาติ&ค้ามนุษย์สูงสุด

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เรามักจะได้ยินข่าวการเหยียดชาวต่างชาติและแบ่งชนชั้นวรรณะอยู่เนืองๆในประเทศโซนอาหรับหรือตะวันออกกลางแต่หนึ่งในประเทศอาหรับที่ติดอันดับคนชอบเหยียดเชื้อชาติมากเป็นอันดับต้นๆคือประเทศเลบานอน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เลบานอนเป็นประเทศที่มีความภาคภูมิใจในภาพลักษณ์ของตนในฐานะแหล่งหลอมรวมของอารยธรรมแห่งฟากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซีกตะวันออกและอารยธรรมอาหรับ มีป้อมปราการโบราณที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมและเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย แต่ก็ไม่ใช่ชาวต่างชาติทุกคนที่จะเข้ากับภาพลักษณ์อันเป็นสากลของประเทศแห่งนี้...... ผู้อพยพและแรงงานต่างชาติจำนวนมากรวมทั้งชาวเลบานอนลูกครึ่ง โดยเฉพาะชาวเอเชียและชาวแอฟริกันต่างกล่าวว่าพวกเขาเผชิญหน้ากับการถูกเหยียดสีผิวหรือเชื้อชาติอยู่รายวันในประเทศแห่งนี้

ปรียา ศุภบดี Priya Subhedi สาวชาวเนปาลซึ่งมีใบหน้าไปทางจีนธิเบตให้การกับนักข่าวซีเอนเอนว่า เธอวางแผนที่จะไปจากประเทศนี้โดยเร็วเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ได้9เดือนและไม่ต้องการให้ลูกของเธอเติบโตในประเทศนี้และรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองเป็นพลเมืองชั้นล่าง
ทุกวันพวกเราจะต้องเจอปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ ศุภบดีกล่าว เธอมาที่ประเทศนี้ในฐานะแรงงานแม่บ้านซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวอัฟริกันและคนเอเชียโดยสัญญาว่าจะได้รับค่าจ้างที่สูงและการงานที่มั่นคงในบ้านของคนชั้นกลางระดับสูง ซึ่งงานแม่บ้านถูกมองว่าเป็นมนุษย์อีกชนชั้นหนึ่งโดยครอบครัวนายจ้าง

วันนี้ศุภบดี ทำงานในศูนย์ผู้อพยพในเบรุตโดยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนคนงานทำงานบ้านซึ่งบางคนมีปัญหาในบ้านใหม่ต้องเผชิญกับความจริงที่น่ากลัวของการถูกคุมขัง การละเมิดทางเพศ การจ่ายเงินที่ถูกระงับ และการเลือกปฏิบัติ การปฏิบัติต่อผู้อพยพแรงงานทำงานบ้านของเลบานอนได้รับความสนใจจากนานาชาติในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในปี 2009 ประเทศนี้ได้พบเห็นการฆ่าตัวตายในหมู่สาวใช้ชาวต่างชาติมากขึ้นและเมื่อปีที่แล้วหญิงสาวชาวเอธิโอเปียวัย 33 ปีคนหนึ่งฆ่าตัวตายไม่นานหลังจากมีคลิปถูกนายจ้างชายชาวเลบานอนทุบตีบนถนนในกรุงเบรุต

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

หรือข่าวสาวใช้ชาวไนจีเรียกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพราะโดนทรมานจิตใจกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้ายร่างกาย.....จริงๆก็ไม่ใช่แค่เลบานอนเท่านั้น ข่าวนายจ้างสามีภรรยาชาวซีเรียและคูเวตที่หนีมาเลบานอนหลังจากฆ่ายัดตู้เย็นแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ ต่างๆเหล่านี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ผู้ติดตามเรื่องด้านการค้าทาสค้ามนุษย์ของสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลเลบานอนดำเนินการสอบสวนการเสียชีวิตของเด็กสาวอย่างเต็มที่ เอธิโอเปียได้สั่งห้ามไม่ให้พลเมืองเดินทางไปเลบานอนในฐานะคนงานทำงานบ้านเนื่องจากกังวลว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายแต่ก็ยังมีการถูกลักลอบหรือหลอกลวงคนไปทำงาสอยู่เนืองๆก็ตาม
แต่ไม่ใช่เฉพาะแรงงานเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับการเหยียดผิว เรอเน่ อบิซาดRenee Abisaad เป็นลูกสาวของแม่ชาวเลบานอนและพ่อชาวไนจีเรียผิวดำซึ่งย้ายมาอยู่ที่ประเทศนี้เมื่อเธออายุ 11 ขวบ เธอเป็น นักศึกษาวิศวกรรม ซึ่งทำหัวข้อในการจัดนิทรรศการภาพถ่ายของชาวเลบานอนลูกครึ่งที่มีจุดประสงค์เพื่อท้าทายทัศนคติทางสังคมเกี่ยวกับเชื้อชาติ....เธอกล่าวว่า เธอวางแผนที่จะออกจากประเทศนี้เมื่อเธอเรียนจบเพราะเธอรู้สึกมาตลอดว่าไม่เป็นที่ยอมรับด้วยชาติพันธุ์ของเธอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

"ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลบานีส.....ในแต่ละวันที่ออกจากบ้านผู้คนต่างเรียกฉันว่า โสเภณีบ้าง คนใช้บ้าง คนชั้นต่ำบ้าง...." (ทั้งที่เธอเรียนเป็นวิศวกรหญิง)
การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันเกิดขึ้นกับผู้คนที่มีภูมิหลังทางชาติพันธุ์อื่น ๆ ได้กระตุ้นให้กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเลบานอนร่วมมือกับผู้นำชุมชนผู้อพยพเพื่อจัดตั้งขบวนการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ (ARM) มุ่งมั่นที่จะจัดทำเอกสารเปิดเผยและท้าทายพฤติกรรมและทัศนคติการเหยียดเชื้อชาติใน ประเทศ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ในการรณรงค์เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มดังกล่าวได้ทำการปลอมตัวไปที่รีสอร์ตริมชายหาดของประเทศซึ่งมีรายงานร้องเรียนว่ารีสอร์ตไม่อนุญาตให้ผู้หญิงผิวดำเข้าไปว่ายน้ำในนั้นและบอกว่ามีนโยบาย "เฉพาะสมาชิกเท่านั้น" ทั้งที่ไม่เป็นความจริง การกระทำของสโมสรขัดต่อกฏหมายที่ออกโดยกระทรวงการท่องเที่ยวเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วซึ่งห้ามไม่ให้รีสอร์ทเลือกปฏิบัติตามเชื้อชาติสัญชาติหรือความทุพพลภาพ

นาย ฟาดี้ อับบัว Fadi Abboud รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของเลบานอนกล่าวว่าจุดยืนเรื่องการเหยียดสีผิวนั้นมีเหตุผลทั้งในด้านศีลธรรมและในทางปฏิบัติ “ ถ้าผู้คนคิดว่าเราเป็นประเทศที่เหยียดสีผิวฉันคิดว่าเราสามารถจูบลาการท่องเที่ยวไปเลย ดังนั้นสำหรับผมแล้วนี่เป็นเรื่องที่ซีเลียสและมันสามารถเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น” เขากล่าว "เราแจ้งให้ทางรีสอร์ตเหยียดเชื้อชาติทราบหากมันเกิดขึ้น (อีก) ครั้งเราจะปิดรีสอร์ตเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ - หากเกิดขึ้นอีกเราจะปิดกิจการพวกเขาไปโดยดี"

ฟาร่าห์ ซัลก้า Farah Salka ผู้ประสานงานทั่วไปของ ARM กล่าวว่ามาตรการต่อต้านการเลือกปฏิบัติอย่างโจ่งแจ้งเป็นสิ่งที่น่ายินดีและจำเป็น แต่การจัดการกับการเหยียดสีผิวอย่างแท้จริงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งมากขึ้นและละทิ้งอคติส่วนตัวที่ฝังแน่นลึก ๆ "มันเป็นปัญหาที่มีพื้นฐานมาจากวิธีการที่คนที่นี้ถูกเลี้ยงดูมาโดยที่เราไม่ได้รับการสอนอะไรเกี่ยวกับการยอมรับความแตกต่าง" เธอกล่าว "คุณสามารถไปโรงเรียนเป็นเวลา 15 ปีเรียนที่วิทยาลัยเป็นหมอ แต่คุณไม่เคยถูกสอนพื้นฐานของการอยู่ร่วมกับคนอื่น"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่