
ปัจจุบันการสร้างอพาร์ทเมนท์ หรือคอนโดมิเนียมสูง ๆ ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามกันไป และการอยู่อาศัยบนตึกสูง ๆ หรือต้องทำงานออฟฟิศบนอาคารสูง ๆ เราก็ต้องใช้ลิฟท์ขึ้นลงเป็นประจำ ซึ่งก็อาจจะมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ จากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ปัญหาลิฟท์ค้าง ซึ่งอาจจะมาจากอุปกรณ์ชำรุด หรือเก่าเกินไป ระบบไฟฟ้า หรือปัจจัยอีกมากมาย
สำหรับลิฟต์ที่ยังนิยมใช้งานกันมาก ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ตามลักษณะการทำงานดังนี้
ลิฟต์ระบบสลิง Traction Machine
ลิฟต์ระบบสลิง เป้นที่นิยมมาก เพราะสามารถประยุกต์ในการใช้งานด้านต่างๆ ได้มาก และมีความหลากหลาย รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไม่สูงมากเกินไป ขับเคลื่อนลิฟต์โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสร้างแรงบิดให้แก่มูเล่ย์ เพื่อให้สลิงดึงลิฟต์ให้เคลื่อนที่ ใช้ส่งกำลังน้อย ประหยัดพลังงาน
ลิฟต์ระบบไฮดรอลิก Direct Drive Hydraulic System
ลิฟต์ระบบไฮดรอลิก ขับเคลื่อนลิฟต์ด้วยแรงดันในกระบอกไฮดรอลิกโดยตรง ระบบการทำงานจะง่ายกว่าและไม่ซับซ้อนเท่าระบบสลิง แต่ขั้นตอนการติดตั้งยุ่งยากกว่า ต้องติดตั้งปั้มไฮดรอลิคขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง
ประเภทลิฟต์แบ่งการใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น
1. ลิฟต์โดยสาร
ใช้สำหรับรับส่งโดยสารทั่วไป ตามคอนโดมิเนียม ออฟฟิศทาวเวอร์ ห้างสรรพสินค้า หรือตึกสูงต่าง ๆ
2. ลิฟต์บริการ
ใช้ขนส่งของ หรือโดยสารแบบเฉพาะ เช่น ลิฟต์ตามโรงงาน ลิฟต์ตามไซส์งานหรือ ลิฟต์สำหรับแผนกเฉพาะของโรงแรม เช่น ลิฟต์ส่งอาหาร ลิฟต์ขนขยะ
3. ลิฟต์พยาบาล
จะมีขนาดใหญ่กว่าลิฟต์โดยสารทั่วไป สามารถนำเตียงผู้ป่วยและอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปในลิฟต์ได้
4. ลิฟต์รถยนต์
มีไว้สำหรับขนรถยนต์ขึ้นตึก หรืออาคาร โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารที่ทางเข้ามีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือโชว์รูมรถยนต์
5. ลิฟต์ขนของ
สำหรับขนของที่มีขนาด และน้ำหนักมาก ๆ ใช้ขนวัสดุ ส่วนใหญ่จะใช้ตามโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือตามโรงงาน
6. ลิฟต์แก้ว
ลิฟต์โดยสารที่เน้นความสวยงามของตัวลิฟต์ และใช้สำหรับชมวิวทัศนียภาพภายนอก จะเป็นลิฟต์ที่ติดตั้งด้านนอกอาคาร เพื่อให้มองเห็นสถานที่ต่าง ๆ
สาเหตุลิฟต์ค้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง?
1. ไฟฟ้าดับ
ลักษณะแบบนี้อาจเกิดจากตัวอาคารไม่ได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Generator) หรือชุด UPS - Uninterruptible Power Supply ที่ช่วยจ่ายพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเกิดกระแสไฟฟ้าจากภายนอกตัดเกิดลิฟต์ค้างในทันที
2. อุปกรณ์นิรภัยตรวจพบสิ่งผิดปกติของการทำงาน
ระหว่างลิฟต์ทำงานอยู่ ระบบได้ตรวจสิ่งเจอผิดปกติ หรืออุปกรณ์บางชิ้นเกิดชำรุดเสียหายขึ้นมา เช่น ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกขณะลิฟต์กำลังทำงาน ระบบของลิฟต์จะสั่งหยุดการทำงานทันที เพื่อป้องกันลิฟต์ค้าง
3. ระบบควบคุมสั่งการทำงานเกิดขัดข้อง
หนึ่งสาเหตุเกิดจากตัวควบคุมอุปกรณ์ทำงานผิดพลาด ทำให้มีอาการหยุดชะงัก โดยส่วนใหญ่แล้วกรณีเช่นนี้ ลิฟต์จะไม่ค้างในทันที แต่จะเคลื่อนไปชั้นใกล้ที่สุด และประตูเปิดให้คนที่อยู่ในลิฟต์ออกก่อนเพื่อความปลอดภัย และจึงหยุดการทำงานเพื่อซ่อมแซมได้
แนะนำ 7 วิธีรับมือกับลิฟต์ค้างทํายังไงกันบ้าง
1. ตั้งสติให้มากที่สุด
การตั้งสติ และสำรวจให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลิฟต์ค้างนิ่งไม่เคลื่อนไหว หรือกำลังไหลเลื่อนลงสู่ด้านล่าง หรือหากไฟฟ้าในลิฟต์ดับก็ให้เปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือเพื่อให้แสงสว่าง
2. ใช้โทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์
ลิฟต์ค้างลองสำรวจดูว่าเราน่าจะอยู่ประมาณชั้นที่เท่าไหร่ก่อนลิฟต์ค้าง พิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือ หรือโทรออกไป ดูเบอร์โทรฉุกเฉินที่แผงควบคุม โทรหาคนรู้จัก พนักงานรักษาความปลอดภัย ฯลฯ แจ้งสถานะว่าเป็นอย่างไร
3. กดปุ่มฉุกเฉิน
ให้กดปุ่มฉุกเฉิน Emergency Call สำหรับขอความช่วยเหลือ หรือปุ่ม Talk ที่เป็นรูปโทรศัพท์เพื่อสื่อสารกับคนภายนอก กดปุ่มฉุกเฉินดูเป็นระยะ หรือกดปุ่มชั้นที่เราคาดว่าจะใกล้เคียงกับบริเวณชั้นที่ลิฟต์ค้าง อยู่ ให้กดซ้ำ ๆ เป็นระยะ
4. เซฟอากาศให้มากที่สุด
พัดลมระบายอากาศอยู่ด้านบนหลังคาลิฟต์ เพื่อช่วยถ่ายเทอากาศในตัวลิฟต์ให้ปลอดโปร่งหมุนเวียนสะดวก
5. อย่าพยายามนั่งหรือนอนในลิฟต์
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะลอยลงสู่ที่ต่ำ อย่าพยายามนั่งหรือนอนลงกับพื้นลิฟต์ เพราะนั่นจะทำให้เราสูดเอาอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เข้าไป จนเกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ
6. อย่าทำอะไรที่เพิ่มความเสี่ยง
ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามวู่วาม อันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงและอันตรายมากขึ้นได้ เช่นพยายามงัดแงะประตูลิฟต์ กระโดด หรือปีนขึ้นด้านบนเพดานลิฟต์ เพราะอาจทำให้วงจรหรืออุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์เสียหาย
7. กรณีลิฟต์ไหลลงมา (แต่ยังไม่ใช่ลิฟต์ตก)
หากลิฟต์ค้างได้เลื่อนไหลลงมา อย่าได้ตกใจ เพราะลิฟต์จะมีระบบป้องกันความปลอดภัย เป็นอุปกรณ์จับความเร็วดักไว้ หากลิฟต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกินกว่าระบบตั้งไว้ จะถูกล็อกให้หยุดทันที แต่หากความเร็วไหลเลื่อนลงมาไม่มาก ลิฟต์อาจลงมากระแทกพื้นด้านล่างเพียงเบา ๆ
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการใช้งานลิฟต์
ลิฟต์รุ่นใหม่ ๆ จะมีเซนเซอร์ตรวจจับเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่นมีคน หรือมีสิ่งของขวางช่องประตูอยู่ ประตูลิฟต์ก็จะเปิดออกเองอัตโนมัติ
กรณีเกิดไฟไหม้ ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด เพราะหากระบบไฟฟ้าตัดการทำงาน จะทำให้ลิฟต์ค้าง หรือหยุดการทำงาน
เมื่อเราต้องใช้ลิฟต์ในการขนของ ไม่ควรใช้สิ่งของ หรืออื่น ๆ วางขวางประตูลิฟต์ไว้ หากประตูลิฟต์เปิดค้างเกิน 180 วินาที จะมีเสียงดังเตือน ก่อนจะปิดประตูอัตโนมัติ อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบได้
ลิฟต์เป็นสิ่งจำเป็น และมีความสำคัญสำหรับคนที่พักอาศัย หรือคนทำงานที่อยู่ในตึกสูง ๆ แม้ว่าลิฟต์ค้างนั้นมีโอกาสเกิดขึ้น และมีอันตรายน้อยมาก แต่หากเราไม่เรียนรู้ และศึกษาถึงวิธีป้องกันหากเกิดลิฟต์ค้างขึ้นมา ก็อาจจะทำอะไรไม่ถูกในเวลาที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาจริง ๆ และการใช้งานลิฟต์นั้นก็จำเป็นที่ผู้ใช้งานทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลรักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานอย่างเคร่งครัด
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ :
ลิฟต์ค้างทำอย่างไรดี แนะวิธีเอาตัวรอด เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
ลิฟต์ค้างทำอย่างไรดี แนะวิธีเอาตัวรอด เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
ปัจจุบันการสร้างอพาร์ทเมนท์ หรือคอนโดมิเนียมสูง ๆ ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามกันไป และการอยู่อาศัยบนตึกสูง ๆ หรือต้องทำงานออฟฟิศบนอาคารสูง ๆ เราก็ต้องใช้ลิฟท์ขึ้นลงเป็นประจำ ซึ่งก็อาจจะมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ จากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ปัญหาลิฟท์ค้าง ซึ่งอาจจะมาจากอุปกรณ์ชำรุด หรือเก่าเกินไป ระบบไฟฟ้า หรือปัจจัยอีกมากมาย
สำหรับลิฟต์ที่ยังนิยมใช้งานกันมาก ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ตามลักษณะการทำงานดังนี้
ลิฟต์ระบบสลิง Traction Machine
ลิฟต์ระบบสลิง เป้นที่นิยมมาก เพราะสามารถประยุกต์ในการใช้งานด้านต่างๆ ได้มาก และมีความหลากหลาย รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไม่สูงมากเกินไป ขับเคลื่อนลิฟต์โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสร้างแรงบิดให้แก่มูเล่ย์ เพื่อให้สลิงดึงลิฟต์ให้เคลื่อนที่ ใช้ส่งกำลังน้อย ประหยัดพลังงาน
ลิฟต์ระบบไฮดรอลิก Direct Drive Hydraulic System
ลิฟต์ระบบไฮดรอลิก ขับเคลื่อนลิฟต์ด้วยแรงดันในกระบอกไฮดรอลิกโดยตรง ระบบการทำงานจะง่ายกว่าและไม่ซับซ้อนเท่าระบบสลิง แต่ขั้นตอนการติดตั้งยุ่งยากกว่า ต้องติดตั้งปั้มไฮดรอลิคขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง
ประเภทลิฟต์แบ่งการใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น
1. ลิฟต์โดยสาร
ใช้สำหรับรับส่งโดยสารทั่วไป ตามคอนโดมิเนียม ออฟฟิศทาวเวอร์ ห้างสรรพสินค้า หรือตึกสูงต่าง ๆ
2. ลิฟต์บริการ
ใช้ขนส่งของ หรือโดยสารแบบเฉพาะ เช่น ลิฟต์ตามโรงงาน ลิฟต์ตามไซส์งานหรือ ลิฟต์สำหรับแผนกเฉพาะของโรงแรม เช่น ลิฟต์ส่งอาหาร ลิฟต์ขนขยะ
3. ลิฟต์พยาบาล
จะมีขนาดใหญ่กว่าลิฟต์โดยสารทั่วไป สามารถนำเตียงผู้ป่วยและอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปในลิฟต์ได้
4. ลิฟต์รถยนต์
มีไว้สำหรับขนรถยนต์ขึ้นตึก หรืออาคาร โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารที่ทางเข้ามีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือโชว์รูมรถยนต์
5. ลิฟต์ขนของ
สำหรับขนของที่มีขนาด และน้ำหนักมาก ๆ ใช้ขนวัสดุ ส่วนใหญ่จะใช้ตามโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือตามโรงงาน
6. ลิฟต์แก้ว
ลิฟต์โดยสารที่เน้นความสวยงามของตัวลิฟต์ และใช้สำหรับชมวิวทัศนียภาพภายนอก จะเป็นลิฟต์ที่ติดตั้งด้านนอกอาคาร เพื่อให้มองเห็นสถานที่ต่าง ๆ
สาเหตุลิฟต์ค้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง?
1. ไฟฟ้าดับ
ลักษณะแบบนี้อาจเกิดจากตัวอาคารไม่ได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Generator) หรือชุด UPS - Uninterruptible Power Supply ที่ช่วยจ่ายพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเกิดกระแสไฟฟ้าจากภายนอกตัดเกิดลิฟต์ค้างในทันที
2. อุปกรณ์นิรภัยตรวจพบสิ่งผิดปกติของการทำงาน
ระหว่างลิฟต์ทำงานอยู่ ระบบได้ตรวจสิ่งเจอผิดปกติ หรืออุปกรณ์บางชิ้นเกิดชำรุดเสียหายขึ้นมา เช่น ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกขณะลิฟต์กำลังทำงาน ระบบของลิฟต์จะสั่งหยุดการทำงานทันที เพื่อป้องกันลิฟต์ค้าง
3. ระบบควบคุมสั่งการทำงานเกิดขัดข้อง
หนึ่งสาเหตุเกิดจากตัวควบคุมอุปกรณ์ทำงานผิดพลาด ทำให้มีอาการหยุดชะงัก โดยส่วนใหญ่แล้วกรณีเช่นนี้ ลิฟต์จะไม่ค้างในทันที แต่จะเคลื่อนไปชั้นใกล้ที่สุด และประตูเปิดให้คนที่อยู่ในลิฟต์ออกก่อนเพื่อความปลอดภัย และจึงหยุดการทำงานเพื่อซ่อมแซมได้
แนะนำ 7 วิธีรับมือกับลิฟต์ค้างทํายังไงกันบ้าง
1. ตั้งสติให้มากที่สุด
การตั้งสติ และสำรวจให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลิฟต์ค้างนิ่งไม่เคลื่อนไหว หรือกำลังไหลเลื่อนลงสู่ด้านล่าง หรือหากไฟฟ้าในลิฟต์ดับก็ให้เปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือเพื่อให้แสงสว่าง
2. ใช้โทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์
ลิฟต์ค้างลองสำรวจดูว่าเราน่าจะอยู่ประมาณชั้นที่เท่าไหร่ก่อนลิฟต์ค้าง พิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือ หรือโทรออกไป ดูเบอร์โทรฉุกเฉินที่แผงควบคุม โทรหาคนรู้จัก พนักงานรักษาความปลอดภัย ฯลฯ แจ้งสถานะว่าเป็นอย่างไร
3. กดปุ่มฉุกเฉิน
ให้กดปุ่มฉุกเฉิน Emergency Call สำหรับขอความช่วยเหลือ หรือปุ่ม Talk ที่เป็นรูปโทรศัพท์เพื่อสื่อสารกับคนภายนอก กดปุ่มฉุกเฉินดูเป็นระยะ หรือกดปุ่มชั้นที่เราคาดว่าจะใกล้เคียงกับบริเวณชั้นที่ลิฟต์ค้าง อยู่ ให้กดซ้ำ ๆ เป็นระยะ
4. เซฟอากาศให้มากที่สุด
พัดลมระบายอากาศอยู่ด้านบนหลังคาลิฟต์ เพื่อช่วยถ่ายเทอากาศในตัวลิฟต์ให้ปลอดโปร่งหมุนเวียนสะดวก
5. อย่าพยายามนั่งหรือนอนในลิฟต์
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะลอยลงสู่ที่ต่ำ อย่าพยายามนั่งหรือนอนลงกับพื้นลิฟต์ เพราะนั่นจะทำให้เราสูดเอาอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เข้าไป จนเกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ
6. อย่าทำอะไรที่เพิ่มความเสี่ยง
ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามวู่วาม อันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงและอันตรายมากขึ้นได้ เช่นพยายามงัดแงะประตูลิฟต์ กระโดด หรือปีนขึ้นด้านบนเพดานลิฟต์ เพราะอาจทำให้วงจรหรืออุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์เสียหาย
7. กรณีลิฟต์ไหลลงมา (แต่ยังไม่ใช่ลิฟต์ตก)
หากลิฟต์ค้างได้เลื่อนไหลลงมา อย่าได้ตกใจ เพราะลิฟต์จะมีระบบป้องกันความปลอดภัย เป็นอุปกรณ์จับความเร็วดักไว้ หากลิฟต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกินกว่าระบบตั้งไว้ จะถูกล็อกให้หยุดทันที แต่หากความเร็วไหลเลื่อนลงมาไม่มาก ลิฟต์อาจลงมากระแทกพื้นด้านล่างเพียงเบา ๆ
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการใช้งานลิฟต์
ลิฟต์รุ่นใหม่ ๆ จะมีเซนเซอร์ตรวจจับเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่นมีคน หรือมีสิ่งของขวางช่องประตูอยู่ ประตูลิฟต์ก็จะเปิดออกเองอัตโนมัติ
กรณีเกิดไฟไหม้ ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด เพราะหากระบบไฟฟ้าตัดการทำงาน จะทำให้ลิฟต์ค้าง หรือหยุดการทำงาน
เมื่อเราต้องใช้ลิฟต์ในการขนของ ไม่ควรใช้สิ่งของ หรืออื่น ๆ วางขวางประตูลิฟต์ไว้ หากประตูลิฟต์เปิดค้างเกิน 180 วินาที จะมีเสียงดังเตือน ก่อนจะปิดประตูอัตโนมัติ อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบได้
ลิฟต์เป็นสิ่งจำเป็น และมีความสำคัญสำหรับคนที่พักอาศัย หรือคนทำงานที่อยู่ในตึกสูง ๆ แม้ว่าลิฟต์ค้างนั้นมีโอกาสเกิดขึ้น และมีอันตรายน้อยมาก แต่หากเราไม่เรียนรู้ และศึกษาถึงวิธีป้องกันหากเกิดลิฟต์ค้างขึ้นมา ก็อาจจะทำอะไรไม่ถูกในเวลาที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาจริง ๆ และการใช้งานลิฟต์นั้นก็จำเป็นที่ผู้ใช้งานทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลรักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานอย่างเคร่งครัด
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : ลิฟต์ค้างทำอย่างไรดี แนะวิธีเอาตัวรอด เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน