สวัสดีครับ
ผมขออธิบายตัวเองสั้นๆ ผมเป็นผู้ชายที่อัธยาสัยดีมาตั้งแต่เป็นนักเรียน ทำกิจกรรมทั้งโรงเรียน และมหาวิทยาลัยมาตลอด ได้เจอและพบปะผู้คนมากหน้าหลายตามาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันอายุ 40 แล้วครับ เคยมีแฟนมาแล้ว 5 คนตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนที่บ้านพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมเด็กๆครับ
คนแรกชอบตั้งแต่รับน้องมหาวิทยาลัยปี 2541 ได้คบกันจริงตอนเริ่มทำงานแล้วปี 2546 ด้วยเพื่อนร่วมงานและอุปนิสัยส่วนตัวของเธอผู้นั้น จึงแอบไปกิ๊กกั๊กกับชายอื่นทำให้ต้องเลิกรากันไป
คนที่สองนิสัยดีมาก นิสัยดีที่สุด แต่พอคบไปได้ 7 ปี วางแผนจะแต่งงาน แต่เป็นผมเองในวัยคะนองที่การงานเริ่มมั่นคง เริ่มมีเงิน กลับทำตัวไม่ดีไปกิ๊กกับสาวคนอื่นจนเป็นเหตุให้ต้องเลิกรากันไป จากเหตุการณ์ในคราวนั้นผมได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีกเด็ดขาด เพราะผมต้องการมีความรักที่ดีดี
คนที่สามเจอในที่ทำงาน พยายามประคบประหงมอย่างดีที่สุด ให้ทุกอย่างเท่าที่เราสามารถให้ได้ ถึงขั้นส่งเสียเรียนบินเป็นจำนวนเงินปีเดียวสามล้านกว่าบาท ต้องขายที่ดินต่างจังหวัดเพื่อส่งเสียเลยทีเดียว แต่ยังดีที่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา ทว่าเวลาห้าปีกว่าที่คบกันมันกลับไม่สามารถเป็นบทพิสูจน์รักแท้ได้ เพราะแฟนเก่าคนนี้ได้ไปแอบคบกับนักเรียนที่เรียนบินด้วยกัน (ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดด้วยกันแรมปี) จึงเลิกกันไปอีกครั้ง
คนที่สี่เจอในที่ทำงาน พยายามคบอย่างมีสติ ด้วยความที่อายุห่างกันถึง 12 ปี ทำให้แนวความคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหลายเรื่องที่ผมรับไม่ได้ คือ ความขี้โกหก การที่เธอไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตลอดโดยไม่ยอมให้เราไปด้วย และกลับมาพร้อมรอยจูบที่คออีกวันหนึ่ง สุดท้ายก็เลิกกันตอนที่ผมประสบปัญหาหนักทั้งการงานและการเงินเพราะโควิทครับ (คบได้ประมาณ 2 ปี)
คนที่ห้าปัจจุบัน ด้วยความที่ผมก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย เรียนรู้โลกมาก็พอสมควร จึงมีความเป็นตัวเองชัดเจนมากว่า ผมจะไม่ฝืนในการคบกัน ถ้าไม่ใช่ก็เลิก อย่าเสียเวลาเพราะอายุเยอะแล้ว .. แต่ถ้าคนเราพยายามคบกันจริงมันจะปรับตัวเข้าหากันและกัน ได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
.
.
.
.
ผมมีความเชื่อว่า •• ความรัก มันต้องมีการไว้ใจและเชื่อใจต่อกัน
ผมมีความเชื่อว่า •• ทุกคนที่มีอายุมากขึ้น จะต้องเคยผ่านประสบการณ์ในชีวิตมาทั้งดีและร้าย ทั้งที่เป็นบทเรียนที่อยากจำและไม่อยากจดจำ
ผมมีความเชื่อว่า •• อดีตของคนรักที่เขาอยากลืมเราก็ไม่ควรพูดถึง
ผมมีความเชื่อว่า •• อดีตของเราที่อยากลืม เขาก็ไม่ควรพูดถึงเช่นกัน
ผมมีความเชื่อว่า •• ปัจจุบันสำคัญกว่าอดีต ถ้ายึดโยงแต่อดีต แล้วปัจจุบันจะเหลืออะไร (ไม่ต้องพูดถึงอนาคตเลย)
.
.
.
.
เข้าเรื่องที่เป็นปัญหาเลยนะครับ ก่อนนี้ผมก็มี social network ทั้ง Facebook และ IG โดยผมจะแอดคนที่รู้จัก หรือเคยทำงานด้วยกัน หรือใครส่งมาผมก็จะรับแอดถ้าดูแล้วว่าอยู่ในแวดวงทำงานเดียวกัน ทำให้ผมมีเพื่อนเป็นพันคนโดยที่ผมก็ไม่ได้สนใจว่าจะแอดเพื่อไปส่องอะไรใครเป็นพิเศษ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนที่รวมตัวคนที่เรารู้จักเท่านั้น
สำหรับผมโดยส่วนตัวแบ่งกลุ่มเพื่อนออกเป็นหลายชั้นตามความสนิทสนม ดังนี้
สำหรับคนที่ผมสนิทสนมมาก (Level.1) จะมีเพียงสองคนที่พูดคุยเล่นได้ทุกเรื่อง (เป็นผู้ชายทั้งสองคน)
คนระดับต่อมา (Level.2) จะมีหลักสิบคนที่พูดคุยเล่นได้แซวได้เป็นบางเรื่อง (ผู้ชายและผู้หญิง)
คนระดับต่อมา (Level.3) มีหลักร้อยคนเป็นคนรู้จักไม่เล่นไม่แซวอะไรมาก
คนระดับสุดท้าย (Level.4) มีหลักพันคนเป็นคนที่เคยเห็นหน้า หรือคนแอดมาเพราะแวดวงทำงานเดียวกัน
ปัญหามันเกิดเมื่อตอนคบแฟนคนปัจจุบัน ด้วยความที่ผมบริสุทธิ์ใจ ถามอะไรก็บอก ให้ดูโทรศัพท์เปิดเผยทุกอย่าง เพราะผมไม่มีความลับปิดบังอะไรเลย .. กับคน Level.2 ที่เป็นเพศชายนางก็สงสัยว่าทำไมผู้ชายต้องส่งรูปโป๊คลิปโป๊กัน จะเอาไปช่วยตัวเองเหรอ ผมก็บอกไปว่ามันก็ส่งกันขำขำ เพื่อสร้างความมีชีวิตชีวาในห้องสนทนาเท่านั้น และสำหรับ Level.2 ที่เป็นผู้หญิงผมก็ส่งเฉพาะคลิปหรือภาพตลกที่ไม่ได้โป๊อนาจาร หรือมีบทสนทนาที่คุยเยอะ นางก็จะกาหัวคนเหล่านั้น และบอกว่าผมเจ้าชู้ ซึ่งก่อนนั้นผมบอกตรงๆว่า ผมไม่ได้คิดอะไรกับใครเลย ผมก็ขอโทษแฟนและบอกว่าจะไม่ทำอีก (ซึ่งในมุมมองผมคิดว่าคนไม่รู้ หน้าที่คนรักกันคือบอกให้รู้ แล้วเราก็แค่ไม่ทำอีก ก็เป็นการแก้ปัญหาที่จบแล้ว) แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นแฟนผมไม่เคยเชื่อใจผมอีกเลย ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรแบบที่นางบอกอีกแล้ว และคอยย้ำผมเสมอว่าผมทำให้ความสัมพันธ์ที่เธอมีมันเปลี่ยนไป
ผมโดนตอกย้ำเสมอจนผมรู้สึกว่าผมด้อยค่า และหมดความภาคภูมิใจในตนเองโดยสิ้นเชิงไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม จนวันนึงที่แฟนผมมาบอกว่าผมโกหกจากการเช็คโทรศัพท์ทุกวัน วันละหลายๆครั้ง ผมบอกว่าผมไม่ได้โกหกอะไรเลย และผมหมดความอดทนจึงบอกเลิกเธอไป และบอกถึงสาเหตุหลักๆว่า ผมรู้สึกว่าเธอไม่ให้เกียรติในความรักที่ผมมีให้อย่างตั้งใจ และคาดหัวผมไว้เสมอว่าผมเป็นคนไม่ดี ผมทนอยู่ในสภาพแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะตอนนี้แม้ความภาคภูมิใจในตัวเองของผมยังไม่เหลือเลย ผมคงไม่สามารถมอบความรักให้เขาได้อีก ขอกลับไปดูแลรักตัวเองให้ดีดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลืมบอกไปว่าแฟนผมเขาเคยคบผู้ชายเจ้าชู้แอบไปมีคนอื่นมาเยอะ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นปมในใจของเธอ และทำให้ปัจจุบันมันพัง
แฟนผมกลับบอกว่าเข้าใจผมและขอโทษ รู้แล้วว่าผมยอม และรักเธอมากเท่าไหร่ ผมจึงบอกว่าหลังจากนี้จงเชื่อใจกัน เพราะมันคือพื้นฐานของความรักที่มั่นคง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อดีตมันผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำปัจจุบันทุกวินาทีให้ดี แต่ผมมีเงื่อนไขต้องการคะแนนแห่งความภาคภูมิใจกลับมา ว่า.. หลังจากนี้ถ้าคุณอยากเช็คโทรศัพท์ให้มาบอกผม ผมจะยื่นให้ดูทันทีอย่างไม่อิดออด ถ้าเช็คแล้วเจออะไรก็คุยและเคลียร์กันตรงนั้นเลย แต่ถ้าผมทำดีแล้วผมต้องได้รับความรู้สึกชื่นชม และได้คะแนนแห่งความเชื่อใจเพิ่ม .. ผมจึงเปลี่ยนพาสเวิร์ดโทรศัพท์ เพื่อให้เธอเช็คพร้อมกัน เพราะผมไม่ต้องการถูกแอบเช็คลับหลัง .. พอกันทีความรู้สึกว่าเป็นนักโทษที่ไม่มีวันออกจากคุก เป็นจำเลยที่ไม่มีวันได้รับความยุติธรรม ผมต้องการออกจากความรู้สึกโดนมองว่าเป็นคนโกหกไม่น่าไว้ใจ เพราะผมเกลียดคนขี้โกหกมาก (ผมมีปมเพราะแม่เป็นคนขี้โกหก และหลอกลวงผมกับพี่สาวหลายเรื่องมาก)
ผ่านไปสามสี่เดือนก็ดีไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างดูจะค่อยๆดีขึ้น แต่แล้วมาวันนี้แฟนผมก็ยื่นคำขาดมาว่าเขาอึดอัดที่ต้องคอยขอทุกครั้งที่จะดูโทรศัพท์ผม เขาอยากดูเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการดูโดยผมไม่อยู่ตรงนั้น ผมจึงบอกไปว่าคนเรามีอะไรก็คุยกันตรงๆ ถ้าดูกันต่อหน้าผมมั่นใจว่าผมบริสุทธิ์คุณจะได้ให้คะแนนผมเพิ่มไง ผมไม่ต้องการความรู้สึกโดนทำอะไรลับหลัง
.
.
.
.
.
ผมมีคำถามว่า ผมอธิบายตรงไหนไม่เข้าใจ ว่าผมรู้สึกอย่างไรเหรอครับ
แฟนผมบอกว่าเขาต้องยอมทำตามเงื่อนไขที่ผมวางไว้ที่ก่อนหน้าเขาเปิดดูได้เลย .. ผมบอกว่าไม่ต้องการให้เธอแอบดูแบบงงๆ แล้วจินตนาการไปเองไกลๆ จนเรื่องพังๆ และปมในอดีตของเขา มาทำให้รักที่ตั้งใจดีดีของผมพังทลายลง โดยผมไม่ได้ทำอะไรผิดแบบที่เธอกล่าวหา
ส่วนผมบอกว่าผมต้องการความรักความเชื่อใจแบบคะแนนเต็ม ไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆไม่ไว้ใจกันแบบนี้ ผมอึดอัดและไม่มีความสุขเวลาโดนคนที่เรารักมากมาบอกว่าเราเป็นคนไม่ดี มันรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่า ผมต้องพิสูจน์ตัวเองขนาดไหนถึงจะเชื่อมั่นในความรักที่ผมมี คนรักกันมันคือแบบนี้เหรอ???
คนเรารักกัน สำหรับผมมันก็แค่
รักและเชื่อใจกัน เท่านั้นเอง
ผมบอกเธอไปว่าผมง่ายๆแค่นั้น แต่เธอมีกฎห้าข้อมาให้ผม ผมตอบเธอไปหมดทุกข้อแล้ว และผมบอกเธอว่าถ้าผมไม่ได้ตามมาตรฐานของเธอ เธอออกไปจากชีวิตผมได้เลย
ผมเคยบอกเธอว่าผมไม่ชอบจับผิดใคร ผมอยากมีความสุขในทุกวันเวลาวินาทีที่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าใครมันจะทำตัวไม่ดี สักวันบุญของเราจะพาคนบาปนั้นออกไปจากชีวิตของเราเอง อย่างน้อยให้เราทำตัวให้ดีก็พอ
คนเราทำผิดในสายตาแฟน มันคือความผิดจนนิจนิรันดร์
ผมขออธิบายตัวเองสั้นๆ ผมเป็นผู้ชายที่อัธยาสัยดีมาตั้งแต่เป็นนักเรียน ทำกิจกรรมทั้งโรงเรียน และมหาวิทยาลัยมาตลอด ได้เจอและพบปะผู้คนมากหน้าหลายตามาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันอายุ 40 แล้วครับ เคยมีแฟนมาแล้ว 5 คนตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนที่บ้านพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมเด็กๆครับ
คนแรกชอบตั้งแต่รับน้องมหาวิทยาลัยปี 2541 ได้คบกันจริงตอนเริ่มทำงานแล้วปี 2546 ด้วยเพื่อนร่วมงานและอุปนิสัยส่วนตัวของเธอผู้นั้น จึงแอบไปกิ๊กกั๊กกับชายอื่นทำให้ต้องเลิกรากันไป
คนที่สองนิสัยดีมาก นิสัยดีที่สุด แต่พอคบไปได้ 7 ปี วางแผนจะแต่งงาน แต่เป็นผมเองในวัยคะนองที่การงานเริ่มมั่นคง เริ่มมีเงิน กลับทำตัวไม่ดีไปกิ๊กกับสาวคนอื่นจนเป็นเหตุให้ต้องเลิกรากันไป จากเหตุการณ์ในคราวนั้นผมได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีกเด็ดขาด เพราะผมต้องการมีความรักที่ดีดี
คนที่สามเจอในที่ทำงาน พยายามประคบประหงมอย่างดีที่สุด ให้ทุกอย่างเท่าที่เราสามารถให้ได้ ถึงขั้นส่งเสียเรียนบินเป็นจำนวนเงินปีเดียวสามล้านกว่าบาท ต้องขายที่ดินต่างจังหวัดเพื่อส่งเสียเลยทีเดียว แต่ยังดีที่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา ทว่าเวลาห้าปีกว่าที่คบกันมันกลับไม่สามารถเป็นบทพิสูจน์รักแท้ได้ เพราะแฟนเก่าคนนี้ได้ไปแอบคบกับนักเรียนที่เรียนบินด้วยกัน (ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดด้วยกันแรมปี) จึงเลิกกันไปอีกครั้ง
คนที่สี่เจอในที่ทำงาน พยายามคบอย่างมีสติ ด้วยความที่อายุห่างกันถึง 12 ปี ทำให้แนวความคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหลายเรื่องที่ผมรับไม่ได้ คือ ความขี้โกหก การที่เธอไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตลอดโดยไม่ยอมให้เราไปด้วย และกลับมาพร้อมรอยจูบที่คออีกวันหนึ่ง สุดท้ายก็เลิกกันตอนที่ผมประสบปัญหาหนักทั้งการงานและการเงินเพราะโควิทครับ (คบได้ประมาณ 2 ปี)
คนที่ห้าปัจจุบัน ด้วยความที่ผมก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย เรียนรู้โลกมาก็พอสมควร จึงมีความเป็นตัวเองชัดเจนมากว่า ผมจะไม่ฝืนในการคบกัน ถ้าไม่ใช่ก็เลิก อย่าเสียเวลาเพราะอายุเยอะแล้ว .. แต่ถ้าคนเราพยายามคบกันจริงมันจะปรับตัวเข้าหากันและกัน ได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
.
.
.
.
ผมมีความเชื่อว่า •• ความรัก มันต้องมีการไว้ใจและเชื่อใจต่อกัน
ผมมีความเชื่อว่า •• ทุกคนที่มีอายุมากขึ้น จะต้องเคยผ่านประสบการณ์ในชีวิตมาทั้งดีและร้าย ทั้งที่เป็นบทเรียนที่อยากจำและไม่อยากจดจำ
ผมมีความเชื่อว่า •• อดีตของคนรักที่เขาอยากลืมเราก็ไม่ควรพูดถึง
ผมมีความเชื่อว่า •• อดีตของเราที่อยากลืม เขาก็ไม่ควรพูดถึงเช่นกัน
ผมมีความเชื่อว่า •• ปัจจุบันสำคัญกว่าอดีต ถ้ายึดโยงแต่อดีต แล้วปัจจุบันจะเหลืออะไร (ไม่ต้องพูดถึงอนาคตเลย)
.
.
.
.
เข้าเรื่องที่เป็นปัญหาเลยนะครับ ก่อนนี้ผมก็มี social network ทั้ง Facebook และ IG โดยผมจะแอดคนที่รู้จัก หรือเคยทำงานด้วยกัน หรือใครส่งมาผมก็จะรับแอดถ้าดูแล้วว่าอยู่ในแวดวงทำงานเดียวกัน ทำให้ผมมีเพื่อนเป็นพันคนโดยที่ผมก็ไม่ได้สนใจว่าจะแอดเพื่อไปส่องอะไรใครเป็นพิเศษ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนที่รวมตัวคนที่เรารู้จักเท่านั้น
สำหรับผมโดยส่วนตัวแบ่งกลุ่มเพื่อนออกเป็นหลายชั้นตามความสนิทสนม ดังนี้
สำหรับคนที่ผมสนิทสนมมาก (Level.1) จะมีเพียงสองคนที่พูดคุยเล่นได้ทุกเรื่อง (เป็นผู้ชายทั้งสองคน)
คนระดับต่อมา (Level.2) จะมีหลักสิบคนที่พูดคุยเล่นได้แซวได้เป็นบางเรื่อง (ผู้ชายและผู้หญิง)
คนระดับต่อมา (Level.3) มีหลักร้อยคนเป็นคนรู้จักไม่เล่นไม่แซวอะไรมาก
คนระดับสุดท้าย (Level.4) มีหลักพันคนเป็นคนที่เคยเห็นหน้า หรือคนแอดมาเพราะแวดวงทำงานเดียวกัน
ปัญหามันเกิดเมื่อตอนคบแฟนคนปัจจุบัน ด้วยความที่ผมบริสุทธิ์ใจ ถามอะไรก็บอก ให้ดูโทรศัพท์เปิดเผยทุกอย่าง เพราะผมไม่มีความลับปิดบังอะไรเลย .. กับคน Level.2 ที่เป็นเพศชายนางก็สงสัยว่าทำไมผู้ชายต้องส่งรูปโป๊คลิปโป๊กัน จะเอาไปช่วยตัวเองเหรอ ผมก็บอกไปว่ามันก็ส่งกันขำขำ เพื่อสร้างความมีชีวิตชีวาในห้องสนทนาเท่านั้น และสำหรับ Level.2 ที่เป็นผู้หญิงผมก็ส่งเฉพาะคลิปหรือภาพตลกที่ไม่ได้โป๊อนาจาร หรือมีบทสนทนาที่คุยเยอะ นางก็จะกาหัวคนเหล่านั้น และบอกว่าผมเจ้าชู้ ซึ่งก่อนนั้นผมบอกตรงๆว่า ผมไม่ได้คิดอะไรกับใครเลย ผมก็ขอโทษแฟนและบอกว่าจะไม่ทำอีก (ซึ่งในมุมมองผมคิดว่าคนไม่รู้ หน้าที่คนรักกันคือบอกให้รู้ แล้วเราก็แค่ไม่ทำอีก ก็เป็นการแก้ปัญหาที่จบแล้ว) แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นแฟนผมไม่เคยเชื่อใจผมอีกเลย ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรแบบที่นางบอกอีกแล้ว และคอยย้ำผมเสมอว่าผมทำให้ความสัมพันธ์ที่เธอมีมันเปลี่ยนไป
ผมโดนตอกย้ำเสมอจนผมรู้สึกว่าผมด้อยค่า และหมดความภาคภูมิใจในตนเองโดยสิ้นเชิงไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม จนวันนึงที่แฟนผมมาบอกว่าผมโกหกจากการเช็คโทรศัพท์ทุกวัน วันละหลายๆครั้ง ผมบอกว่าผมไม่ได้โกหกอะไรเลย และผมหมดความอดทนจึงบอกเลิกเธอไป และบอกถึงสาเหตุหลักๆว่า ผมรู้สึกว่าเธอไม่ให้เกียรติในความรักที่ผมมีให้อย่างตั้งใจ และคาดหัวผมไว้เสมอว่าผมเป็นคนไม่ดี ผมทนอยู่ในสภาพแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะตอนนี้แม้ความภาคภูมิใจในตัวเองของผมยังไม่เหลือเลย ผมคงไม่สามารถมอบความรักให้เขาได้อีก ขอกลับไปดูแลรักตัวเองให้ดีดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แฟนผมกลับบอกว่าเข้าใจผมและขอโทษ รู้แล้วว่าผมยอม และรักเธอมากเท่าไหร่ ผมจึงบอกว่าหลังจากนี้จงเชื่อใจกัน เพราะมันคือพื้นฐานของความรักที่มั่นคง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อดีตมันผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำปัจจุบันทุกวินาทีให้ดี แต่ผมมีเงื่อนไขต้องการคะแนนแห่งความภาคภูมิใจกลับมา ว่า.. หลังจากนี้ถ้าคุณอยากเช็คโทรศัพท์ให้มาบอกผม ผมจะยื่นให้ดูทันทีอย่างไม่อิดออด ถ้าเช็คแล้วเจออะไรก็คุยและเคลียร์กันตรงนั้นเลย แต่ถ้าผมทำดีแล้วผมต้องได้รับความรู้สึกชื่นชม และได้คะแนนแห่งความเชื่อใจเพิ่ม .. ผมจึงเปลี่ยนพาสเวิร์ดโทรศัพท์ เพื่อให้เธอเช็คพร้อมกัน เพราะผมไม่ต้องการถูกแอบเช็คลับหลัง .. พอกันทีความรู้สึกว่าเป็นนักโทษที่ไม่มีวันออกจากคุก เป็นจำเลยที่ไม่มีวันได้รับความยุติธรรม ผมต้องการออกจากความรู้สึกโดนมองว่าเป็นคนโกหกไม่น่าไว้ใจ เพราะผมเกลียดคนขี้โกหกมาก (ผมมีปมเพราะแม่เป็นคนขี้โกหก และหลอกลวงผมกับพี่สาวหลายเรื่องมาก)
ผ่านไปสามสี่เดือนก็ดีไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างดูจะค่อยๆดีขึ้น แต่แล้วมาวันนี้แฟนผมก็ยื่นคำขาดมาว่าเขาอึดอัดที่ต้องคอยขอทุกครั้งที่จะดูโทรศัพท์ผม เขาอยากดูเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการดูโดยผมไม่อยู่ตรงนั้น ผมจึงบอกไปว่าคนเรามีอะไรก็คุยกันตรงๆ ถ้าดูกันต่อหน้าผมมั่นใจว่าผมบริสุทธิ์คุณจะได้ให้คะแนนผมเพิ่มไง ผมไม่ต้องการความรู้สึกโดนทำอะไรลับหลัง
.
.
.
.
.
ผมมีคำถามว่า ผมอธิบายตรงไหนไม่เข้าใจ ว่าผมรู้สึกอย่างไรเหรอครับ
แฟนผมบอกว่าเขาต้องยอมทำตามเงื่อนไขที่ผมวางไว้ที่ก่อนหน้าเขาเปิดดูได้เลย .. ผมบอกว่าไม่ต้องการให้เธอแอบดูแบบงงๆ แล้วจินตนาการไปเองไกลๆ จนเรื่องพังๆ และปมในอดีตของเขา มาทำให้รักที่ตั้งใจดีดีของผมพังทลายลง โดยผมไม่ได้ทำอะไรผิดแบบที่เธอกล่าวหา
ส่วนผมบอกว่าผมต้องการความรักความเชื่อใจแบบคะแนนเต็ม ไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆไม่ไว้ใจกันแบบนี้ ผมอึดอัดและไม่มีความสุขเวลาโดนคนที่เรารักมากมาบอกว่าเราเป็นคนไม่ดี มันรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่า ผมต้องพิสูจน์ตัวเองขนาดไหนถึงจะเชื่อมั่นในความรักที่ผมมี คนรักกันมันคือแบบนี้เหรอ???
คนเรารักกัน สำหรับผมมันก็แค่ รักและเชื่อใจกัน เท่านั้นเอง
ผมบอกเธอไปว่าผมง่ายๆแค่นั้น แต่เธอมีกฎห้าข้อมาให้ผม ผมตอบเธอไปหมดทุกข้อแล้ว และผมบอกเธอว่าถ้าผมไม่ได้ตามมาตรฐานของเธอ เธอออกไปจากชีวิตผมได้เลย
ผมเคยบอกเธอว่าผมไม่ชอบจับผิดใคร ผมอยากมีความสุขในทุกวันเวลาวินาทีที่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าใครมันจะทำตัวไม่ดี สักวันบุญของเราจะพาคนบาปนั้นออกไปจากชีวิตของเราเอง อย่างน้อยให้เราทำตัวให้ดีก็พอ