โดยวัคซีนโควิดที่คนเยอรมันไม่ค่อยไปฉีดคือวัคซีนของแอสตร้า นั่นเอง เหตุผลในข่าวก็เช่น
1 วัคซีนของแอสตร้า รัฐบาลเยอรมัน แนะนำให้ฉีดในช่วงอายุ 18-64 ขวบ เท่านั้น อายุเกินกว่านี้รัฐเขาไม่แนะนำ อันนี้สวนทางกับไทย ก็นะ ไทยคงมีข้อมูลที่เยอะและดีกว่าของเยอรมัน
2 ประชาชนเยอรมันเขาค่อนข้างที่จะหาข้อมูลเยอะ จากการสอบถามความเห็นของประชาชนเยอรมัน ราว 1 ใน 3 มีความเห็นว่าไม่มีวัคซีนโควิดซักยิ่ห้อที่จะให้ผลการป้องกันเป็นที่น่าพอใจ อื้ม แต่กับวัคซีนของไฟเซอร์คนเยอรมันอยากฉีดมากกว่าหรือเปล่า??? เลยอ้างแบบกว้างๆ เพราะวัคซีนของแอสตร้าที่เยอรมันเหลือบาน

ทางเยอรมันพยายามแก้ปัญหา ให้คนมาฉีดวัคซีนของแอสตร้ากันเยอะๆ ด้วยการ...
1 ผลักดันให้ รัฐประกาศว่า  วัคซีนของแอสตร้าฉีดได้ทุกกลุ่มอายุ สูงอายุแค่ไหนก็ฉีดได้ แต่ทางสาธารณสุขเยอรมันก็ไม่ยอมเอาด้วย
2 ให้ท่านนายก แมร์เคิล โชว์เพาเวอร์ฉีดวัคซีนออกสื่อหน่อยโปรโมทวัคซีน แต่ท่านนายกไม่ยอมฉีดวัคซีนของแอสตร้า ให้เหตุผลว่า ท่านสูงอายุแล้ว ปีนี้นางแมร์เคิลอายุ 66 ปี 

ปล. ก็ในเมื่อคนเยอรมันเขาไม่อยากฉีดวัคซีนของแอสตร้า เหลือบาน ไม่รู้ไทยขอซื้อต่อได้ไหม เพราะราคาวัคซีนของแอสตร้าที่ไทยซื้อก็แพงกว่าที่สหภาพยุโรปซื้อสองเท่ากว่า ของเหลือให้ราคาแพงเขาคงยอมยกให้ แถมไทยเองก็มีนโยบายในส่วนวัคซีนของแอสตร้า ไทยจัดให้ฉีดกับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปในพื้นที่สีแดงและสีส้ม ต่างกับนโยบายของเยอรมันอยู่แล้ว ข้อมูลแตกต่าง นโยบายต่าง  วัคซีนของแอสตร้าในไทยขายดีแน่นอน

หมายเหตุเล็กๆ
-วัคซีนของแอสตร้า เป็นวัคซีน ที่เอาอดีโนไวรัสชิมแปนซีมาตัดต่อพันธุกรรมใส่พันธุกรรมบางส่วนของเชื้อโควิด เป็นวัคซีนเชื้อเป็น
-วัคซีนซีโนแวค เป็นวัคซีนเชื้อตาย
-วัคซีนของไฟเซอร์ เป็นวัคซีนที่เอาพันธุกรรมบางส่วนของเชื้อโควิดมาห่อหุ้มด้วยอนุภาคไขมัน