>> ติดตามเรื่องราวการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Facebook เพจสวัสดีคนแปลกหน้า
https://www.facebook.com/hellostrangerpage/
.
เพราะร่างกายต้องการ…”ธรรมชาติ”
ห่างหายจากการเดินทางท่องเที่ยวไปนาน...ดูเหมือนว่า ตอนนี้ร่างกายต้องการธรรมชาติ อยากที่จะสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์
สูดกลิ่นไอดิน และมองวิวเขียวขจีแบบไกลสุดลูกหูลูกตา
ทริปนี้...เราจะพาคนแปลกหน้าไปเที่ยวกันที่ “จังหวัดบึงกาฬ” จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ดินแดนอีสานที่น่าค้นหา
กับ 3 สถานที่ที่จะช่วยเยียวยาร่างกายและหัวใจ ด้วยธรรมชาติที่สวยงามถึง 3 อย่าง ครบจบในทริปเดียวมีทั้ง ภูเขา ป่า และน้ำตก
ปลดปล่อยร่างกาย เตรียมรับพลังจากธรรมชาติให้เต็มที่ สูดหายใจให้เต็มปอด แล้วออกเดินทางไปบึงกาฬพร้อมกันนะคะ
3 สถานที่ท่องเที่ยว
01 ภูทอก วัดเจติยาศรีวิหาร
02 หินสามวาฬ
03 น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกถ้ำพระภูวัว
หินสามวาฬ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าภูสิงห์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์คยอดฮิต ที่ใครไม่ได้มาที่นี่...เหมือนมาไม่ถึงบึงกาฬ
จุดเด่นคือหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน เรียงตัวกันอยู่ติดริมหน้าผา รูปร่างคล้ายปลาวาฬ
วัดภูทอก หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดบึงกาฬเลยก็ว่าได้ โดดเด่นด้วยลักษณะของภูเขาลูกใหญ่
ที่มีบันไดและสะพานไม้ล้อมรอบ

จุดชมวิวมุมสูง มองลงไปจะเห็น “พุทธวิหาร” มีลักษณะเป็นสะพานไม้กับสะพานหินเชื่อมต่อกัน แปลกตาและน่าอัศจรรย์กับก้อนหินขนาดใหญ่
ที่ตั้งอยู่โดยไม่หล่นบนหลังคาวิหาร
.
เกริ่นมาพอสมควร....ถ้าพร้อมแล้ว เรามาออกเดินทางไปบึงกาฬพร้อมกันนะคะ
ที่แรกที่เราจะไปกัน นั่นก็คือ วัดภูทอก หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามและพิชิตยอดภูทอกกันค่ะ

เมื่อเข้ามาถึงด้านในวัดภูทอก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความร่มรื่นและเงียบสงบ เพราะที่นี่คือสถานที่ปฏิบัติธรรมนั่นเอง

ไฮไลท์ของการเที่ยวที่นี่ คือการเดินบันไดและสะพานไม้ ที่สร้างยื่นออกมาริมหน้าผา ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์โดยรอบได้แบบ 360 องศา วิวสวย อากาศดี ดีต่อใจมากๆ ค่ะ

มองลงไปด้านล่างจะเห็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้ก่อตั้งวัดเจติยาศรีวิหาร และสร้างสะพานไม้เวียนขึ้นสู่ยอดภูทอก เพื่อใหเ้ป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

ยิ่งสูงยิ่งเสียว...บันไดแต่ละชั้นค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ตอนลงนี้ ไม่ได้จับกล้องถ่ายรูปเลยค่ะ มือจับราวอย่างเดียว 555

ระหว่างทางเดิน จะมีรูปปั้นพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้ก่อตั้งวัดภูทอก

มุมถ่ายรูปกับกำแพงภูเขา...เท่ห์ไปอีกแบบ

ด้านบนจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ตลอดตามช่องทางเดินจะมีถ้ำต่างๆ อยู่หลายจุด

หากมีเวลามากพอ อยากให้ทุกคนได้เดินชมธรรมชาติโดยรอบให้ครบทั้ง 7 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 7 ชั้นบนสุด จะมีเส้นทางเดินป่าสั้นๆ
เดินวนจนครบรอบก็จะเจอจุดชมวิว

ลุยกันต่อ กับวันที่ 2 .....จากที่ทำการภูสิงห์ เราขึ้นรถโฟวิลของเจ้าหน้าที่ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วเดินเท้าต่อเข้ามา
ก็จะพบกับหินสามวาฬ และวิวของผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ สวยงามมากๆ

ถึงแล้วจ้า...หินสามวาฬ แลนด์มาร์คสุดฮิตกับมุมมหาชน ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องมาเช็คอินกัน หากใช้โดรนถ่ายภาพมุมสูง ก็จะพบกับหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน ลักษณะคล้ายปลาวาฬ 3 ตัว พ่อ แม่ ลูก

ตรงจุดนี้...เรายืนอยู่บนหินวาฬพ่อ หินที่อยู่ริมสุด ใหญ่ที่สุด และถ่ายรูปสวยที่สุด (หินวาฬแม่ จะอยู่ตรงกลางถัดไป ส่วนหินวาฬลูก
ไม่สามารถเดินเข้าไปได้)

ใกล้ๆ กับหินสามวาฬ เจ้าหน้าที่แนะนำให้เราเข้าไปดู หินช้าง คือเป็นหินขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายช้างนั่นเอง

จุดสุดท้าย คือ ประตูภูสิงห์ มีลักษณะคล้ายช่องประตู อีกหนึ่งมุมที่ถ่ายรูปสวยและเห็นวิวของจังหวัดบึงกาฬได้เช่นกัน

ลุยกันต่อที่ น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกภูวัว ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว โดยเราจะจอดรถไว้ที่ท่าเรือ แล้วนั่งเรือชาวบ้านต่อเข้าไปที่น้ำตก
คนละ 20 บาท

นั่งเรือชิวๆ สัมผัสกับวิวธรรมชาติสองข้างทาง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็ถึงน้ำตกถ้ำพระ

ด้านในของน้ำตก จะเป็นถ้ำพระ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บริเวณชะง่อนผา

เดินลึกเข้ามาด้านใน จะพบกับลานกว้างๆ และน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภูเขา พร้อมแอ่งน้ำที่ให้เล่นน้ำได้ เสมือนเป็นสวนสนุกกลางป่า

ไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ กับ สไลเดอร์ธรรมชาติ สนุกสนานกับการปล่อยร่างกายให้ไหลไปตามแนวร่องน้ำและโขดหิน คนนิยมเล่น ถึงขนาดต่อคิวกันเล่นเลยค่ะ

ธารน้ำตกด้านบน ไหลลงสู่แอ่งน้ำกว้างบริเวณด้านล่าง บางช่วงน้ำจะลึก ควรระมัดระวังกันด้วยนะคะ

ขอหลบคน...มาหามุมส่วนตัวเล่นน้ำเย็นๆ คลายร้อนก่อนกลับ

จบทริปบึงกาฬแบบสบายใจ พร้อมร่างกายที่ได้เติมพลังจากธรรมชาติแบบเต็มร้อย...
ทริปหน้า...เราจะเดินทางไปที่ไหน ฝากติดตามด้วยนะคะ : )
#บึงกาฬ #สวัสดีคนแปลกหน้า #HelloStranger
[CR] สวัสดีคนแปลกหน้า l พาร่างกายและหัวใจไปเยียวยาที่ "บึงกาฬ"
https://www.facebook.com/hellostrangerpage/
.
เพราะร่างกายต้องการ…”ธรรมชาติ”
ห่างหายจากการเดินทางท่องเที่ยวไปนาน...ดูเหมือนว่า ตอนนี้ร่างกายต้องการธรรมชาติ อยากที่จะสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์
สูดกลิ่นไอดิน และมองวิวเขียวขจีแบบไกลสุดลูกหูลูกตา
ทริปนี้...เราจะพาคนแปลกหน้าไปเที่ยวกันที่ “จังหวัดบึงกาฬ” จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ดินแดนอีสานที่น่าค้นหา
กับ 3 สถานที่ที่จะช่วยเยียวยาร่างกายและหัวใจ ด้วยธรรมชาติที่สวยงามถึง 3 อย่าง ครบจบในทริปเดียวมีทั้ง ภูเขา ป่า และน้ำตก
ปลดปล่อยร่างกาย เตรียมรับพลังจากธรรมชาติให้เต็มที่ สูดหายใจให้เต็มปอด แล้วออกเดินทางไปบึงกาฬพร้อมกันนะคะ
3 สถานที่ท่องเที่ยว
01 ภูทอก วัดเจติยาศรีวิหาร
02 หินสามวาฬ
03 น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกถ้ำพระภูวัว
หินสามวาฬ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าภูสิงห์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์คยอดฮิต ที่ใครไม่ได้มาที่นี่...เหมือนมาไม่ถึงบึงกาฬ
จุดเด่นคือหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน เรียงตัวกันอยู่ติดริมหน้าผา รูปร่างคล้ายปลาวาฬ
วัดภูทอก หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดบึงกาฬเลยก็ว่าได้ โดดเด่นด้วยลักษณะของภูเขาลูกใหญ่
ที่มีบันไดและสะพานไม้ล้อมรอบ
จุดชมวิวมุมสูง มองลงไปจะเห็น “พุทธวิหาร” มีลักษณะเป็นสะพานไม้กับสะพานหินเชื่อมต่อกัน แปลกตาและน่าอัศจรรย์กับก้อนหินขนาดใหญ่
ที่ตั้งอยู่โดยไม่หล่นบนหลังคาวิหาร
.
เกริ่นมาพอสมควร....ถ้าพร้อมแล้ว เรามาออกเดินทางไปบึงกาฬพร้อมกันนะคะ
ที่แรกที่เราจะไปกัน นั่นก็คือ วัดภูทอก หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามและพิชิตยอดภูทอกกันค่ะ
เมื่อเข้ามาถึงด้านในวัดภูทอก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความร่มรื่นและเงียบสงบ เพราะที่นี่คือสถานที่ปฏิบัติธรรมนั่นเอง
ไฮไลท์ของการเที่ยวที่นี่ คือการเดินบันไดและสะพานไม้ ที่สร้างยื่นออกมาริมหน้าผา ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์โดยรอบได้แบบ 360 องศา วิวสวย อากาศดี ดีต่อใจมากๆ ค่ะ
มองลงไปด้านล่างจะเห็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้ก่อตั้งวัดเจติยาศรีวิหาร และสร้างสะพานไม้เวียนขึ้นสู่ยอดภูทอก เพื่อใหเ้ป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
ยิ่งสูงยิ่งเสียว...บันไดแต่ละชั้นค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ตอนลงนี้ ไม่ได้จับกล้องถ่ายรูปเลยค่ะ มือจับราวอย่างเดียว 555
ระหว่างทางเดิน จะมีรูปปั้นพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้ก่อตั้งวัดภูทอก
มุมถ่ายรูปกับกำแพงภูเขา...เท่ห์ไปอีกแบบ
ด้านบนจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ตลอดตามช่องทางเดินจะมีถ้ำต่างๆ อยู่หลายจุด
หากมีเวลามากพอ อยากให้ทุกคนได้เดินชมธรรมชาติโดยรอบให้ครบทั้ง 7 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 7 ชั้นบนสุด จะมีเส้นทางเดินป่าสั้นๆ
เดินวนจนครบรอบก็จะเจอจุดชมวิว
ลุยกันต่อ กับวันที่ 2 .....จากที่ทำการภูสิงห์ เราขึ้นรถโฟวิลของเจ้าหน้าที่ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วเดินเท้าต่อเข้ามา
ก็จะพบกับหินสามวาฬ และวิวของผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ สวยงามมากๆ
ถึงแล้วจ้า...หินสามวาฬ แลนด์มาร์คสุดฮิตกับมุมมหาชน ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องมาเช็คอินกัน หากใช้โดรนถ่ายภาพมุมสูง ก็จะพบกับหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน ลักษณะคล้ายปลาวาฬ 3 ตัว พ่อ แม่ ลูก
ตรงจุดนี้...เรายืนอยู่บนหินวาฬพ่อ หินที่อยู่ริมสุด ใหญ่ที่สุด และถ่ายรูปสวยที่สุด (หินวาฬแม่ จะอยู่ตรงกลางถัดไป ส่วนหินวาฬลูก
ไม่สามารถเดินเข้าไปได้)
ใกล้ๆ กับหินสามวาฬ เจ้าหน้าที่แนะนำให้เราเข้าไปดู หินช้าง คือเป็นหินขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายช้างนั่นเอง
จุดสุดท้าย คือ ประตูภูสิงห์ มีลักษณะคล้ายช่องประตู อีกหนึ่งมุมที่ถ่ายรูปสวยและเห็นวิวของจังหวัดบึงกาฬได้เช่นกัน
ลุยกันต่อที่ น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกภูวัว ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว โดยเราจะจอดรถไว้ที่ท่าเรือ แล้วนั่งเรือชาวบ้านต่อเข้าไปที่น้ำตก
คนละ 20 บาท
นั่งเรือชิวๆ สัมผัสกับวิวธรรมชาติสองข้างทาง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็ถึงน้ำตกถ้ำพระ
ด้านในของน้ำตก จะเป็นถ้ำพระ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บริเวณชะง่อนผา
เดินลึกเข้ามาด้านใน จะพบกับลานกว้างๆ และน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภูเขา พร้อมแอ่งน้ำที่ให้เล่นน้ำได้ เสมือนเป็นสวนสนุกกลางป่า
ไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ กับ สไลเดอร์ธรรมชาติ สนุกสนานกับการปล่อยร่างกายให้ไหลไปตามแนวร่องน้ำและโขดหิน คนนิยมเล่น ถึงขนาดต่อคิวกันเล่นเลยค่ะ
ธารน้ำตกด้านบน ไหลลงสู่แอ่งน้ำกว้างบริเวณด้านล่าง บางช่วงน้ำจะลึก ควรระมัดระวังกันด้วยนะคะ
ขอหลบคน...มาหามุมส่วนตัวเล่นน้ำเย็นๆ คลายร้อนก่อนกลับ
จบทริปบึงกาฬแบบสบายใจ พร้อมร่างกายที่ได้เติมพลังจากธรรมชาติแบบเต็มร้อย...
ทริปหน้า...เราจะเดินทางไปที่ไหน ฝากติดตามด้วยนะคะ : )
#บึงกาฬ #สวัสดีคนแปลกหน้า #HelloStranger
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้