คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ก่อนหน้านี้
เคยคิดว่าท่าน จขกท.คนนี้ งมงาย เหมือนกับคนที่งมงายทั่วไป
แต่พอมาถึงกระทู้นี้ ผมว่า จขกท.ท่านนี้มีความผิดปกติ
เพราะมีแนวโน้มย้ำคิดย้ำทำ คือความเชื่อพื้นฐานย่ำแย่ งมงายอยู่แล้ว
แต่มีภาวะย้ำคิดย้ำทำร่วมด้วย ...... ดังนั้น ผมว่าทุกท่านควรเลิกสนทนา
เลิกตอบกระทู้จะดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะคุยกับคนที่ผิดปกติ
มันไม่มีความสร้างสรรค์ ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่เสียเวลาเปล่า
เคยคิดว่าท่าน จขกท.คนนี้ งมงาย เหมือนกับคนที่งมงายทั่วไป
แต่พอมาถึงกระทู้นี้ ผมว่า จขกท.ท่านนี้มีความผิดปกติ
เพราะมีแนวโน้มย้ำคิดย้ำทำ คือความเชื่อพื้นฐานย่ำแย่ งมงายอยู่แล้ว
แต่มีภาวะย้ำคิดย้ำทำร่วมด้วย ...... ดังนั้น ผมว่าทุกท่านควรเลิกสนทนา
เลิกตอบกระทู้จะดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะคุยกับคนที่ผิดปกติ
มันไม่มีความสร้างสรรค์ ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่เสียเวลาเปล่า
แสดงความคิดเห็น
นักวิทย์ที่เชื่อว่า "หลังความตายเป็นไปไม่ได้&ไม่มีอยู่จริง" ต้องทำความดีต่อมนุษยชาติมากขนาดไหน ตอนตายถึงจะรอดครับ
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_6018056
ผมยังคิดไม่ออกเลยว่า ผู้คนมากมายที่คิดแบบนี้ ตอนตายแล้วจะรอดจากด้านมืดของจักรวาลได้ยังไง
ในกึ่งพุทธกาล กลุ่มผู้ที่ปฏิบัติธรรมจะมีเรื่องนึงที่สำคัญที่เฝ้ามอนิเตอร์กันมาตลอด200กว่าปี
ก็คือ จะมีพระโพธิสัตว์ท่านนึง คือ พระธรรมิกราช
การมอนิเตอร์ก็คือ เทสกับด้านมืดว่าพลังอำนาจลดลงหรือยัง
ผลที่ได้คือ ด้านมืดก็ยังเฮียและสุดสยองเหมือนเดิม(ขอภัยที่ใช้คำหยาบ)
มันหมายความว่า พระโพธิสัตว์ท่านนั้นยังไม่มาและยังเก็บงานไม่สำเร็จ
ในถิ่นกาขาว ทุกอย่างจะกลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ ผู้คนจะแยกแยะมารกับพระโพธิสัตว์ไม่ออกเลย
เพราะมาร สร้างภาพเป็นพระโพธิสัตว์ พระพุทธรูปทั่วประเทศ มีมารสิงอยู่
ถ้าคนคิดว่า สิ่งที่สิงอยู่ในนั้นเป็นพระพุทธเจ้าก็มีเสร็จมารเท่านั้น
ฝ่ายธรรมกับอธรรมในกึ่งพุทธกาล เป็นเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่ขนาดตาบัวก็ยังแยกแยะไม่ออกและเรียบร้อย
ผมจึงประเมินว่า คนทั่วๆไป โอกาสที่จะรอดจากด้านมืดหรือมารเกือบเท่า0เลยน่ะครับ