Shiprock แห่งนิวเม็กซิโกตำนาน "หินมีปีก" ของชนเผ่านาวาโฮอินเดียน




Shiprock เป็นภูเขาหินที่มีความสูง 7,177 ฟุต (2,188 เมตร) เหนือที่ราบทะเลทรายสูงของประเทศนาวาโฮ ใน San Juan County นิวเม็กซิโก, สหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนิวเม็กซิโกประมาณ 20 ไมล์ และทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองShiprock และมีการก่อตัวเป็นปลั๊กภูเขาไฟสูง 1,600 ฟุตเหนือที่ราบทะเลทรายอันแห้งแล้งทางตอนใต้ของแม่น้ำซานฮวน 

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Shiprock คือเขื่อนหรือแผ่นลาวาที่มีลักษณะคล้ายผนังซึ่งแผ่ออกมาจากคอหินตรงกลางของภูเขาไฟ ที่ประกอบด้วยหินหนืดที่
มีโพแทสเซียมสูงผิดปกติที่เรียกว่า "minette" ที่ขึ้นมาจากใต้ดินหลายชนิด ซึ่งบางส่วนสะสมอยู่ในรอยแตกบนพื้นดินในช่วงเวลาหนึ่งของการปะทุ

หลังจากที่มันเย็นตัวลงและตกผลึกในรอยแตกนั้นจึงก่อตัวขึ้นเป็นเขื่อน โดยมีเขื่อนอย่างน้อยหกเขื่อนที่แผ่ออกไปจาก Ship Rock ซึ่งเขื่อนหลักสามตัวแผ่ออกจากแนวหลักไปทางตะวันตก,ตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันออกเฉียงใต้
และการพังทลายของชั้นบนของภูเขาไฟในเวลาต่อมารวมทั้งหินตะกอนโดยรอบ ทำให้เหลือเป็นโครงสร้างเสาหินที่ทนต่อการกัดเซาะอยู่เบื้องหลังจนเป็นเหมือนปลั๊กภูเขาไฟ  โดย Ship Rock ที่เห็นในปัจจุบันถูกทับถมจากใต้พื้นผิวโลกในระหว่าง 2,000 ถึง 3,000 ฟุตในขณะที่มันก่อตัวขึ้น 
 



ในภาษานาวาโฮเรียก Ship Rock ว่า Tsé Bitʼaʼí  แปลว่า "หินมีปีก" (Winged Rock) เป็นรูปแบบการก่อตัวที่เด่นชัดในตำนานนาวาโฮอินเดียน
ในฐานะนกยักษ์ ที่พานาวาโฮจากดินแดนทางเหนืออันหนาวเหน็บไปยังภูมิภาค Four Corners ซึ่งเมื่อมองจากบางมุมจะมีลักษณะคล้ายกับนกตัวใหญ่
กำลังนั่งพับปีกอยู่ 

แต่เดิมบนสุดของยอดแหลม Ship Rock ถูกเรียกว่า The Needles โดยนักสำรวจกัปตัน JF McComb ในปี 1986  อย่างไรก็ตามชื่อเรียกนี้ไม่เป็นที่นิยม
เพราะบนแผนที่ในยุค 1870 ชื่อนี้มีความคล้ายคลึงกับชื่อเมืองที่ใกล้กับภูเขาหิน ที่เรือ clipper ออกเดินทางในศตวรรษที่ 19  ดังนั้น จึงเรียกมันว่า Shiprock, Shiprock Peak และ Ship Rock แทน

ในตำนานของของชาวนาวาโฮ Ship Rock เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าถึง นกตัวใหญ่ที่พาบรรพบุรุษนาวาโฮจากทางเหนือสุดไปยังบ้านเกิดในปัจจุบัน
ในอเมริกาตะวันตกเฉียงใต้  โดยนานมาแล้ว ที่ Diné ชาวนาวาโฮโบราณกำลังหลบหนีจากเผ่าอื่น หมอผีจึงอธิษฐานขอการช่วยให้รอด

จากนั้นพื้นดินใต้นาวาโฮก็กลายเป็นนกขนาดใหญ่ที่แบกพวกเขาไว้บนหลัง และบินไปเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนก่อนที่จะบินลงในเวลาพระอาทิตย์ตกและกลายเป็นหินในทันที ซึ่งก็คือ Shiprock ในตอนนี้ จากนั้นนาวาโฮเหล่านี้ก็อาศัยอยู่บนยอดเขาใหม่นี้เพียงเพื่อปลูกไร่และรับน้ำที่ตกลงมา


ภาพระยะใกล้ของส่วนของเขื่อนหรือสันแผ่นลาวา

 
อย่างไรก็ตาม วันหนึ่ง Shiprock ถูกพายุฟ้าผ่าขนาดใหญ่เหลือเพียงหน้าผาสูงชัน ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างมาก ทำให้ผู้หญิงและเด็ก ๆและคนชราที่อยู่ด้านบนค่อยๆอดตายโดยทิ้งร่างของพวกเขาไว้ที่นั่น ดังนั้น นาวาโฮจึงถือว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดและห้ามปีนหินเพราะกลัวคนตายจะถูกรบกวน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสาหินจึงถูกห้ามไม่ให้ผู้คนเข้าชมตามที่ผู้เฒ่าชาวนาวาโฮกล่าวไว้ว่า ผู้มาเยือนอาจรบกวนวิญญาณผีของผู้ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ซึ่งตามประเพณีนาวาโฮการก่อตัวของ Shiprock มีบทบาทสำคัญในศาสนา ตำนานและวัฒนธรรมของนาวาโฮ

ในช่วง 30 ปีแรกของการปีนเขาไม่มีปัญหาในการเข้าถึง โดยเสาหินนี้เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการปีนเขาของชาวอเมริกันในช่วงทศวรรษที่ 1930 ซึ่งมีข่าวลือว่าในการปีนขึ้นครั้งแรกจะได้เงินรางวัลถึง 1,000 ดอลลาร์ แต่ทั้งหมดล้มเหลวรวมถึง Robert Ormes นักปีนเขาชาวโคโลราโดกับ Dobson West  ที่พยายามปีน Ship Rock หลายครั้งระหว่างปี 1936 และ 1938 

จนถึงในปลายเดือนมีนาคม 1970 มีอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต ทำให้ประเทศนาวาโฮสั่งห้ามปีนหน้าผาอีกต่อไป และถือว่าในการปีน Ship Rock เป็นสิ่งผิดกฎหมายรวมถึงดินแดนนาวาโฮทั้งหมด แต่นักปีนเขาก็ยังคงปีน Ship Rock ต่อไปแม้จะมีการห้าม ซึ่งมักจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่น
 
และเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2017 มีภาพใหม่จากอวกาศของ Shiprock ที่ถ่ายโดย Operational Land Imager บนดาวเทียม Landsat 8 ของ NASA
เป็นคอภูเขาไฟและแนวรัศมีที่น่าประทับใจ และด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่นและแปลกตามาก จนเป็นแรงบันดาลใจให้กับภูมิประเทศที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่อง
"John Carter on Mars"



Shiprock แนวหินที่สวยงามในนิวเม็กซิโกโดดเด่นแม้กระทั่งจากอวกาศ
ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2017 โดยเครื่องมือบนดาวเทียม Landsat 8 ของ NASA (Cr.ภาพ: NASA Earth Observatory)
 


Cr.ภาพ unusualplaces.org/



Mitch Dobrowner เป็นที่ยอมรับในระดับสากลที่มีศิลปะในการถ่ายภาพทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่
และนี่คือภาพถ่ายขาวดำที่น่าทึ่ง ซึ่งได้รับการยกย่องจาก National Geographic
และได้รับรางวัลชนะเลิศจาก International Photography Awards ในปี 2009 และ 2010



ที่มา: Dr.Vic Camp (San Diego State University) / New Mexico Bureau of Geology & Mineral Resources / Lawrence Kuss (Emporia State University)


(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่