มนุษย์เงินเดือน นอกจากมาทำงานหาเงินกันแล้ว เขาโฟกัสหามิตรภาพกันบ้างไหมครับ

คือผมอายุ 21 ปีนะครับ
ผมมีประสบการณ์ตั้งแต่อายุ 18 ปี...

งานที่แรก
ผมเรียนจบ ม.6 มาปิดเทอมก็ออกมาทำงานที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
ด้วยความที่เราพึ่งเริ่มทำงาน ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรมาก ทำให้เพื่อนร่วมงานหลายคนติด่าผมเองก็พยายามปรับอะไรหลายๆอย่าง
ผมเองก็พยายามทำความสนิทกับเพื่อนร่วมงานแต่เขาก็แค่คุยกับผมแค่ผิวเผิน
และผมยอมรับเลยว่าผมทำงานนี้ไม่เก่งและไม่ใช่
เลยลาออก
ผมทำงานได้ 4 เดือนจึงลาออก
พอผมออกจากงานได้ 2 อาทิตย์ วันนั้นผมไปเดินตลาดแล้วบังเอิญเจอเพื่อนที่ทำงานเก่า ผมทักทายเรียกชื่อเขา เขาหันมามองผมนะ แต่เขาไม่ยิ้มอะไรให้เลย ทำหน้าเฉยๆให้แล้วหันกลับไป
ผมรู้สึกหน้าเสียมาก

งานที่สอง
ผมทำงานตำแหน่งแคชเชียร์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไปทำงานวันแรกก็พยายามทำความรู้จักกับเพื่อนๆในแผนก วันแรกก็คุยกันดีนะครับ แต่หลังๆก็เริ่มคุยแค่ผิวเผิน
วันหนึ่งผมเข้างานเกือบสาย งานเริ่ม 09.00 ผมแสกนนิ้วเข้า 08.57
พอเข้างานแล้ว เพื่อนๆที่แผนกก็ไม่อะไรนะ แต่มีป้าคนนึงอยู่แผนกเดียวกัน เขามามองหน้าผมด้วยสายตาอาฆาต และก็ถามผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ และหลังจากนั้นป้าคนนี้ก็ดูเหมือนไม่ชอบหน้าผม พยายามทักทายเขาก็เจือนหน้าใส่
แต่ผมก็ไม่ได้อะไรนะ
ผมทำงานนี่ได้แค่ 2 เดือน ก็ออกจากงาน

งานที่สาม
ผมทำงานในห้างสรรพสินค้าเดียวกัน แต่ทำงานร้านของเด็กเล่น/บ้านบอล เพื่อนร่วมงานก็ดีนะครับ ชวนไปเที่ยวไปร้านเหล้าเข้าผับบาร์
แต่พอถึงช่วงโควิด ผมได้พักงานและผู้จัดการเข้าให้ผมลาออก
พอช่วงโควิดมาก็กักตัวอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน
จนวันหนึ่ง ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านแล้วประสบอุบัติเหตุขับมอไซค์ชนหมากลางถนนในหมู่บ้านจนข้อศอกผมเป็นแผลใหญ่
ผมก็เลยโพสต์เรื่องราวที่ผมรถล้มลงสตอรี่เฟสบุ๊ค เพื่อนร่วมงานที่ผมคิดว่าสนิทกันจริงๆคือไม่มีใครทักตอบกลับมาหาผมเลยสักคนเดียว ผมน้อยใจมาก

งานที่สี่
หลังช่วงโควิดงานแถวบ้านหายาก 
ผมเลยตัดสินใจลงจากอีสานมาทำงานที่กรุงเทพฯ และลงทะเบียนเรียนรามคำแหง
ผมมาทำงานที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งคนงานส่วนใหญ่เป็นคนลาว
ด้วยความที่ผมไม่เคยทำงานเสิร์ฟมาก่อน ผมก็ยังทำงานไม่คล่อง แต่หัวหน้าแผนกเสิร์ฟเขาด่าแรงมาก ด่าผมข้ามหัวลูกค้าอย่างดัง จนเพื่อนงานบางคนไม่พอใจผม และผมเองก็พยายามปรับตัวเองหลายๆอย่างด้วย
และวันนึงผมเสิร์ฟอาหารผิดโต๊ะ หัวหน้าแผนกเขาด่าผมว่า “สมองโง่ๆอย่างนี้จะเรียนรามรอดเหรอ” ผมก็เลยไม่พอใจหัวหน้าคนนี้มาก
ผมพยายามทำความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆแต่เขาดูเหมือนไม่อยากสนิทด้วย และมีคนนึงไม่ชอบผมครับ เป็นคนลาวและพูดเหยียบผมสารพัด จนผมรู้สึกว่าทำงานที่นี่ไม่ค่อยโอเค และระบบการทำงานแย่มากๆ
ผมเลยตัดสินใจลาออก และก่อนที่ผมจะออก เพื่อนร่วมงานคนลาวคนนี้ เขาด่าไล่ส่งใส่ด้วย

งานที่ห้า
ผมก็ทำงานที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งอยู่ในห้าง เพื่อนร่วมงานทุกคนเป็นคนไทย
ทำงานที่นี่เพื่อนร่วมงานค่อนข้างโอเคมาก แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก
พอโควิดรอบสองมา ผู้จัดการเขาให้ผมพักงาน
และผมเองก็อยู่ตำแหน่งรายวัน ถ้าพักงานคือผมไม่ได้เงินในวันนั้นเลย 
ผมเลยตัดสินใจลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้านญาติ ช่วยกิจการที่นี่

นี่ผมเองก็ลงทะเบียนเรียนรัฐศาสตร์ รามคำแหง หวังว่าจบไปผมจะทำงานราชการ ไม่ก็งาน Office 
เลยอยากทราบว่าสังคมเพื่อนร่วมงานราชการ กับ Office เขาเป็นแบบนี้ไหม โอเคไหม
แล้วมนุษย์เงินเดือนสังคมราชการ Office นอกจากมาทำงานหาเงินแล้ว เขาหามิตรภาพกันบ้างไหมครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ผมแนะนำว่าหามิตรภาพนอกที่ทำงานเอาครับ เอาคนที่ Lifestyle ไปในแนวทางเดียวกันดีกว่า

ในที่ทำงานก็สนิทได้ แต่ไม่ต้องขนาดไปกินเที่ยวหลังเลิกงานก็ได้

สนิทน้อย เรื่องดระทบการทั่งก็น้อยลงไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่