การสำรวจทางโบราณคดีครั้งล่าสุด  นักดำน้ำได้ดำลงไปยังซากเรือ " Mentor " ซึ่งจมลงจากการชนโขดหินนอกชายฝั่ง Avlemonas ใกล้เกาะ Kythera  (สะกดแบบเดียวกับ Kithira ) ในปี 1802 และได้พบชิ้นส่วนของเรือหลายชิ้น ได้แก่ เหรียญ, รองเท้าหนัง, พื้นรองเท้าโลหะ, หัวเข็มขัด, โลหะที่ใช้แทนเงิน (token)สำหรับเล่นไพ่ และตัวหมากรุกสองชิ้น รวมทั้ง ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ทำอาหารและสิ่งของอื่น ๆ ที่ดูธรรมดาทั่วไป และเหรียญทองจากเมืองเก่า Utrecht ในฮอลแลนด์, สเปน และเหรียญจากจักรวรรดิออตโตมันด้วย
 
ซึ่งเมื่อตอนที่เรือจมนั้น เรือกำลังบรรทุกรูปแกะสลักหินอ่อนที่บิ่นจากวิหารพาร์เธนอนที่เสียหายอย่างหนักในเอเธนส์ พร้อมด้วยโบราณวัตถุอื่นๆอีก 17 หีบซึ่งโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงที่สุดในเหล่านี้คือ  " Parthenon Marbles" (หินอ่อนพาร์เธนอน) เป็นประติมากรรมที่งดงามที่แสดงถึงเทพเจ้ากรีก วีรบุรุษและสัตว์ต่างๆและกำลังจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ British Museum ที่อังกฤษ 

โดยนักโบราณคดีทางทะเล Dimitris Kourkoumelis จากองค์การโบราณคดีใต้น้ำ Ephorate of Underwater Antiquities (EUA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงวัฒนธรรมและการกีฬาของกรีก ระบุว่า วัตถุขนาดเล็กที่ถูกกู้คืนจากซากเรือนั้น เผยให้เห็นแง่มุมที่น่าสนใจของชีวิตของผู้คนบนเรือทั้งผู้โดยสาร และลูกเรือด้วย  ซึ่ง Kourkoumelis ได้กล่าวว่า บนเรือ " Mentor " อาจเป็นที่รวมกลุ่มของผู้คนหลายชาติที่อยู่รวมกัน

" Mentor " เป็นเรือสำเภาที่สร้างโดยชาวอเมริกัน แต่เจ้าของคือนักการทูตชาวอังกฤษที่ชื่อ Thomas Bruce ในตำแหน่งขุนนางชาวสก็อต Earl of Elgin ที่เจ็ด โดย Elgin ได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาใช้เรือบรรทุกโบราณวัตถุที่นำออกมาจากวิหาร Parthenon, Acropolis และแหล่งมรดกกรีกอื่น ๆขณะประจำการในคอนสแตนติโนเปิล ไปยังประเทศอังกฤษ

โดยขณะนั้น Elgin ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำจักรวรรดิออตโตมัน และเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวหาจากหลายฝ่ายรวมถึงรัฐบาลกรีก ในการปล้นโบราณวัตถุมีค่าจากนครเอเธนส์ในช่วงทศวรรษแรกของปี 1800 ซึ่งแม้ว่าผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 12 คนจะรอดชีวิตบนเกาะ Kythera ได้ แต่ในที่สุด
เรือ " Mentor " ก็จมลงสู่ใต้น้ำทะเลที่ประมาณ 65 ฟุต (20 เมตร) 
 
จากนั้นเกือบสองปีที่ William Hamilton เลขานุการของ Elgin ใช้เวลาในการดูแลการกอบกู้ประติมากรรมใน Kythera โดยจ้างนักดำน้ำ sponge divers
ในการกู้คืนจากซากเรือโดยไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำใด ๆ ซึ่งในภารกิจกอบกู้นี้ Elgin ได้กู้คืนโบราณวัตถุส่วนใหญ่ที่สูญหายไปหลายครั้ง และที่สำคัญที่สุดในรายการเหล่านี้เป็นประติมากรรมที่เรียกว่า
" Parthenon Marbles " และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ Elgin Marbles  ที่ในขณะนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ British Museum มาตั้งแต่ปี 1816 ในลอนดอน
หลังจากที่รัฐบาลกรีซออกกฎหมายเพื่อปกป้องเรืออับปาง และสั่งให้นักโบราณคดีของรัฐขุดค้นอย่างเป็นทางการ Kourkoumelis ได้นำการสำรวจดำน้ำไปยังซากเรือของ Mentor ในทุกฤดูร้อนโดยเริ่มตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน
 
ซึ่งจากการดำเนินการสำรวจที่ผ่านมา Kourkoumelis ระบุว่า การก่อสร้างเรือ Mentor นั้นแตกต่างจากเรือที่คล้ายกันที่สร้างในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอื่นๆ เนื่องจาก เรืออเมริกันจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเดินทางในมหาสมุทรเปิด พวกมันจึงแข็งแกร่งมากเวลาอยู่ในทะเล  แต่ตอนนี้เรือไม้ได้เน่าเปื่อยไปแล้วหลังจากอยู่ใต้คลื่นมากว่า 200 ปี
 
ปัจจุบัน แม้ไม่เคยมีการพบประติมากรรมของ Elgin อีกเลย แต่ซากเรือดังกล่าว ได้ให้วัตถุชิ้นเล็กจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงเครื่องประดับทอง เหรียญโบราณและเครื่องปั้นดินเผากรีก ที่อาจเป็นข้าวของส่วนตัวของผู้โดยสารบางคนที่อยู่บนเรือเมื่อมันจม และจากการค้นพบล่าสุดในปีที่แล้ว จากก่อนหน้าที่พบตัวหมากรุกไม้สองชิ้น Kourkoumelis พบอีกหกชิ้นจากชุดเดียวกัน และ token โลหะหรือเหรียญที่อาจใช้ในเกมไพ่เพิ่มด้วย 

 
แน่นอนว่า สิ่งประดิษฐ์ที่เพิ่งค้นพบนี้เป็นสมบัติของรัฐบาลกรีก แต่สถานะของ Elgin Marbles ที่รู้จักกันดี ยังคงเป็นประเด็นขัดแย้งโดยทั้งบริเตนใหญ่และกรีซต่างก็อ้างสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ ซึ่งการถกเถียงเรื่องหิน Elgin Marbles ได้เกิดขึ้นระหว่างสองชาติมานานหลายทศวรรษ และในปี 2009 กรีซได้เปิดพิพิธภัณฑ์ใกล้วิหารพาร์เธนอนโดยมีจุดที่สงวนไว้สำหรับส่วนที่ขาดหายไปหากได้คืน

โดยเมื่อไม่นานมานี้ กรีซได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนชั่วคราวกับ British Museum เพื่อฉลองครบรอบ 200 ปีของการเริ่มต้นสงครามกรีกเพื่ออิสรภาพ
ซึ่งในปี 2021 มีรายงานว่า กรีซได้เสนอที่จะแลกเปลี่ยนโบราณวัตถุหลายชิ้นที่ไม่เคยอนุญาตให้ออกนอกประเทศมาก่อน เพื่อแลกกับการส่งคืน Parthenon marbles

ทั้งนี้มีรายงานว่า นักโบราณคดีวางแผนที่จะตรวจสอบสิ่งของทั้งหมดในทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งหลายชิ้นยังถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Acropolis Museum ในเอเธนส์ ซึ่ง Kourkoumelis ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า
" เรากำลังขุดพบเรือที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งในตอนที่เจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์ล่าสุดของกรีซ "