เมื่อก่อนเคยอุปทานหมู่เหมือนหลายๆคนนะว่า Blockchain เป็นแค่แชร์ลูกโซ่ แต่วันนี้ผมคิดว่า มันคือการปลดแอกอำนาจการเงินรัฐ

กราบเรียนเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน อันนี้ผมมาแนวเล่าให้ฟังนะครับ ประเด็น Blockchain
 ยสตน. ย้ำนี้เป็นความเชื่อความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้มีเจตนาชี้นำอุปทานหมู่ เอาไว้ประกอบการอ่าน หรือ ฟังเพื่อความบันเทิง อย่าเชื่อผม ทุกอย่างที่ผ่านมาทางอายนตนะ ทั้ง 6 จงพิจารณาพิเคราะห์ สังเคราะห์ เคาะและแคะให้ถี่ด้วยตัวเอง
มะๆ เล่าให้ฟัง ฟามรุ้เท่าหางอึ่งกลายพันธ์ุ นะครับ ฟามรู้บ้านๆ สตูปิดๆ เท่าที่ผมเข้าใจนะครับเพื่อนๆ

การปลดแอกสู่อิสระภาพอำนาจการควบคุมของสถาบันการเงินใหญ่ๆ ที่ควบคุมภายใต้การควบคุมรัฐบาลแต่ละรัฐ
อันนี้ขอกล่าวถึงประเด็น เทคโนโลยี Blockchain นะครับ ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่วันนี้ผมพอเข้าใจคอนเซปของมันบ้างแล้วว่า
Blockchain ที่เหล่ามนุยชาติด้านเทคโนโลยีและไอที ได้สมคบคิด เรื่องเงินดิจิตอลขึ้น มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้ ผมก็โดนเหมือนหลายๆ คนล้างสมองว่า เห้ยมันสร้างมาเพื่อการซื้อขายพวกสิ่งผิดกฏหมาย ฟอกเงิน ค้าอาวุธสงคราม หรือยาเสพติด บลาๆ แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงมุมนึงของผู้ที่มองโลกด้านเดียว ไบแอสอคติ เอียงซ้ายจัด-เอียงขวาจัด ก็เป็นไปได้ อารมณ์เหมือนยุคล่าแม่มด ที่งมงาย และไม่ได้ศรัทธาในวิทยาศาสตร์ ซัมติงไร้แดด!
แต่พอมาตรอง ดูดีๆ นี่มันคือการล้มล้างสถาบันการเงินที่ไม่มีความยุติธรรมกับมนุษยชาติแมนไคน์มากพอ เพราะเนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจการล้มครืนใหญ่ๆ ในประวัติศาสตร์ มักมาจากน้ำมือของคนกลุ่มน้อยที่อยู่บนยอดฐานพรีระมิด วิฤติใหญ่ๆ ของเศรษฐกิจโลกพัง Cpu หาย มาจากน้ำมือคนไม่กี่คน ซึ่งรู้ตัวและชิ่งก่อนเกิดวิกฤติทุกครั้ง ทำให้คนหมู่มากต้องเผชิญชะตากรรมวิฤติแฮมเบอ์เกอร์ฮอทดอกไครซิส ซับไพร์ม
ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์แบงค์กาโม่เองตามอำเภอใจ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ
และสถาบันการเงินใหญ่ๆ รวมหัวกันเพื่อออกกฏเอื้อประโยชน์ต่อคนกลุ่มน้อยมากกว่าคนส่วนใหญ่ มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นมหากาฟย์ การปลดแอกครั้งยิ่งใหญ่ของระบบการเงินโลก อย่างเทคโนโลยี Blockchain 
สรุปแบบบ้านๆ Blockchain ใช้วิธีแบบประชาธิปไตยในการโหวตยืนยันข้อมูล ด้วยการใช้เสียงคนส่วนมากเป็นที่ตั้ง ในการยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ไม่สามารถรอบบี้กันได้
อย่าเพิ่งงง  ตามความเข้าใจของผม Blockchain มันเป็นเหมือนคอนเซป วิธีการ กลไก แมกกานิซึม อัลกอลิทึ่ม หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นแนวทางด้านการเงินรูปแบบใหม่
การเงิน การแลกเปลี่ยนซื้อขาย คือ ยึดหลักความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือ ความจริงใจ นั่นแปลว่า ทุกวันนี้เราใช้เงินตราในการซื้อขายแลกเปลี่ยน เราเชื่อใจสถาบันการเงินที่รับรองได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ขึ้นอยู่อำนาจการต่อรองของแต่ละรัฐบาล
ยกตัวอย่างระดับมหาภาค ทำไม ทำไม ทำไม เราถึงไว้ใจสกุลเงิน USD ในทั่วโลก สัญชาติอเมริกาโน่
เอากันตรงๆ เพราะอเมริกาโน่ มีเทคโนโลยีปืนเทคโนโลยีอาวุธ มีนิวเคลียร์ มีเทคโนโลยีมากมาย ข้ายิ่งใหญ่ ข้าคือเจ้าโลก ข้าสามารถพิมพ์แบงค์กาโม่ คิวอี เท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ข้าพอใจ ฮ่าๆๆๆๆ (เท้าสะเอวและหัวเราะก้องกังวาน น้ำเสียงศักรินทร์ด้วยร้าย) ไม่ว่าจะสถาบันการเงินของรัฐบาลประเทศไหนสามารถควบคุมออกกฏได้ตามที่พวกเขาต้องการได้นั่นเอง
ซึ่งจุดนี้ทำให้ชาวมนุยชาติเทคโนโลยีทั่วโลกริเริ่มปลดแอกระบบการเงินที่ควบคุมเพียงรัฐใดรัฐนึง แต่ให้ทุกคนทั่วโลกมีส่วนร่วมในระบบการเงินในการดูแลซึ่งกันและกัน จึงได้เกิดมาเป็นกลไกระบบการเงินในคอนเซฟ Blockchain นั่นเอง  สร้างระบบการเงินเพื่อมนุษยชาติ หรือรูปแบบ Global ทั่วโลกนั่นเอง
ย้อนไปยุคดึกดำบรรพ์ ยุคที่มนุษย์ยุคโบราณสามารถทำเกษตรและเลี้ยงสัตว์ได้เอง จนมาถึงการแลกเปลี่ยน เอาเนื้อแลกผัก เอาผักแลกปลา บลาๆ จนมาถึงสัญลักษณ์วัตุถุต่างๆ ในการสร้างขึ้นมาของมนุษย์ในการแลกเปลี่ยนที่สะดวกมากขึ้นนั้น สิ่งที่เรียกว่าเงินตราแลกเปลี่ยน มันก็คือสิ่งที่อุปโลกน์ สร้างขึ้นมากำหนดเงื่อนไขขอบเขตนั่นเอง ซึ่ง Blockchain ในโลกอนาคตจะทำให้ระบบการเงินเข้าสู่โลก Global ทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ในการแลกเปลี่ยน ซึ่งในอนาคตอาจจะไม่ต้องพึ่งสถาบันการเงินของแต่ละประเทศเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สถาบันการเงินขวัญผวาไม่อยากเสียอำนาจตรงจุดนี้ไป ผมมิงว่าอย่างนั้น พยายามเข้ามาควบคุมสร้างกฏเกณฑ์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันจะมาแน่นอนในโลกอนาคต 
อ่อ ทำความเข้าใจกันแบบบ้านๆ ก่อนว่า Blockchain กับ Bitcoin มันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
Blockchain คือประมาณคอนเซฟแนวทาง วิธีการ กลไก หลักการทำงาน แต่ Bitcoin เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่นำเทคโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้

#ศรัทธาเทคโลยี 
#พลังBlockchainจงสถิตอยู่กับท่าน
ปล.ผมไม่ได้บ้านะครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
Blockchain เป็นแค่ชื่อเทคโนโลยีเฉยๆ แล้วแต่ว่าจะเอาไปประยุกต์ในเรื่องใดก็แล้วแต่
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การประยุกต์มาเป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือ cryptocurrency

โดยเจ้า cryptocurrency นี้เอง ที่ถูกนำมาปั่นราคาให้เป็นเสมือนหนึ่งของหายาก ประโยชน์นานัปการ ฯลฯ
ทำให้บางครั้งราคาถูกปั่นขึ้นจนสูงลิบ แล้วก็ทำท่าจะดิ่งเหว โดยที่ผ่านมาก็ขึ้นๆลงๆตามกระแสการปั่น
ไม่รู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงเป็นเท่าไหร่กันแน่

ซึ่งอิสรภาพทางการเงินอะไรที่ว่านั้น ก็ไม่ได้ยั่งยืนอะไร มีค่าไม่ต่างจากคูปองศูนย์อาหารฟาสฟู้ดทั่วไป
เพราะใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในวงจำกัดเฉพาะร้านที่เขารับเท่านั้น จะเอาไปใช้ที่อื่นก็ไม่ได้ เขาไม่รับ
วันดีคืนดีผู้ให้บริการอาจเจ๊งเลิกไปเสียเฉยๆก็เป็นได้ ผู้ถือคูปองก็ต้องเสี่ยงดวงเอาเอง
ความคิดเห็นที่ 2
blockchain เป็นเทคโนโลยี ใช้งานได้จริง เอาไปประยุกต์ใช้ได้หลายเรื่อง

แต่การเอาประยุกต์ใช้ใน cryptocurrency เป็นร้อยเป็นพันสกุลนี่ มันจะไม่ใช้งานได้จริงทุกสกุล

คนที่รู้น้อย จะคิดว่า bitcoin/cryptocurrency กับ blockchain นี่คือสิ่งเดียวกัน ซึ่ง ผิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่