ถามความเห็นจากร้านค้าเราชนะว่าเจอปัญหาแบบเดียวกับเราไหม

เราเป็นร้านขายของชำ ทั่วไป ที่เข้าร่วมโครงการของรัฐหลายโครงการทั้งรัฐบาลชุดก่อน จนถึงรัฐบาลชุดนี้ และโครงการที่มีปัญหามาที่สุดคือ เราชนะ  ที่มีปัญหาตั้งแต่เข้าร่วมโครงการ เราจะแบ่งเป็นสองส่วนสะท้อนจากฝั่งร้านค้าและลูกค้า 
สำหรับร้านค้าเอง  เช่น
1. ลูกค้าเเสกนจ่ายแต่ยอดไม่ขึ้นตรงประวัติการรับชำระเงินในส่วนของร้านค้า แต่ของลูกค้ายอดถูกตัดออกไปแล้ว เราเจอกรณีอย่างนี้ครั้งนึงในโครงการคนละครึ่งที่ยอดของลูกค้าโอนออกมาแล้ว แต่เงินไม่เข้าร้านค้า จำนวน 200 กว่าบาท (ถึงแม้ว่ามันจะไม่เยอะแต่เทียบสัดส่วนกำไร มันก็มีความสำคัญต่อร้านค้ามาก)  และอีกครั้งเราเจอที่โครงการเราชนะ ยอด 500 กว่าบาท ซึ่งเงินลูกค้าโอนออกมาแล้ว แต่ยอดไม่ขึ้น
2. สืบเนื่องจากข้างบน การเช็คติดตามยอดเงิน เราไม่รู้ว่าจะติดต่อใคร  เราก็โทรไปcall center แต่โทรไม่ติด หรือตามเรื่องไปเรื่องก็เงียบ  เราอยากฝากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ช่วยจัดให้มีcall center แบบreal time เหมือนหน่วยบริการเพื่อให้สามารถติดตามยอดเงินได้ทันเวลา เพราะบางครั้งร้านค้าหลายร้านในระเเวกเดียวกับเรา ไม่เคยเช็คยอดเงินเวลาโอนเข้า โดยดูจากฝั่งของลูกค้าอย่างเดียวว่ามีการทำรายการสำเร็จ แต่พอมาดูอีกทีเงินเงินและประวัติกลับไม่ขึ้น อันนี้อยากให้มี หน่วยงานเฉพาะด้านนี้ไปเลย เพราะโครงการนี้ไม่ได้อยู่แค่วันสองวันแต่หลายเดือน
3. การโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของร้านค้า ใช้เวลานานข้ามวัน  โดยปกติโครงการคนละครึ่งจะมีระยะการจ่ายเงิน นับตั้งแต่วันที่ลูกค้าซื้อสินค้าในร้าน และแสกนจ่าย เงินจะถุกโอนให้ร้านค้าประมาณ ตีสองถึงตีสามในวันถัดไป ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งจะโอนให้ตอนสี่โมงเย็นในวันเดียวกัน ซึ่งสำหรับร้านค้าเราก็พอรับได้ เพราะร้านค้าของชำรายย่อมๆ (เรายกกรณีร้านของชำ เพราะธรรมชาติของร้านค้ามันต่างกันมาก เช่น ร้านชำรายย่อมต้องมีการหมุนเงินซื้อสินค้าทุกวัน แต่ร้านเสื้อผ้า ก็ปช็อป จะเป็นการสต็อกสินค้าไว้ ปัญหาเรื่องการโอนเงินจึงเกิดกับร้านของชำมากกว่า)  สามารถนำเงินที่ได้จากครึ่งนึงตอนตีสองมาสำรองจ่ายไปก่อน แต่ที่มีปัญหามากที่สุดคือ โครงการเราชนะ ที่รัฐจะโอนเงินเข้าทีเดียวคือตอน สี่โมงเย็นของวันถัดไป (ในช่วงแรกเริ่มโครงการคือ 4 ทุ่ม) ซึ่งในระหว่างนั้น ร้านค้าก็จะไม่มีเงินซื้อสินค้ามาเติมเพิ่ม เพราะต้องรอเงินเข้าซึ่งก็เป็นเวลาเย็นไปแล้ว แต่ก็จะมีบางคนเถียงว่า ถ้าไม่มีเงินก็ไปเอาของจากร้านส่งมาก่อนแล้วจ่ายทีหลัง ( คิดเอาใจเขาใจเรา ร้านส่งก็เงินหมุนเหมือนกัน เพราะขายสินค้าหมดโกดังแต่ไม่มีเงินใช้ ต้องรอเงินเข้าจากร้านชำ ซึ่งก็ต้องรอเงินรัฐเช่นกัน ) บางคนสิ้นคิดกว่านั้นบอกว่า รัฐไม่ได้บังคับให้เข้าร่วมไม่พอใจก็ไม่ต้องเข้า อันนี้เราต้องบอกว่าตาบอดข้างเดียวมาก เพราะโครงการที่รัฐออกมาในฐานะรัฐก็ต้องสามารถดูแลคนที่ประสบปัญหากับเศรษฐกิจได้ทุกคนเพราะมีหน้าบัตรเป็นคนไทยและเสียภาษีให้รัฐ  และถ้าไม่มีร้านค้าปลีกเข้าร่วมโครงการ คนที่ได้รับเงินจะเอาเงินไปใช้ที่ไหน ปัญหาที่จริงๆไม่ได้อยู่ที่ร้านค้าแต่เป็นที่รัฐทีไม่ดูปัญหาให้ครอบคลุมมากกว่าจะมาโทษร้านค้า  ดังนั้นสำหรับร้านค้าที่จะเข้าโครงการเหล่านี้ จำเป็นต้องมีเงินทุนสำรองจ่ายอย่างน้อยสองวัน โดยคำนวณจากปริมาณการขายเฉลี่ยนั้นละ และถ้าอยากเสนอต่อรัฐ รัฐควรจะกำหนดให้มีการจ่ายเงินแบบ real time เลย แทนที่จะมารอเวลาการโอนเข้า (เราก็สงสัยเหมือนกันนะว่า ทำไมรัฐถึงต้องรอเวลาการโอนเข้า ในระหว่างนั้นเม็ดเงินต่างๆ ไปอยู่ส่วนไหนของประเทศ???)
 
สำหรับลูกค้า เช่น
1.  อย่างที่รู้กันดีว่ามีปัญหาตั้งแต่เริ่มโครงการโดยเฉพาะแอฟล่มบ่อยมาก (ความเห็นส่วนตัวว่า แม้คนทำรายการจะเยอะ แต่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็น่าจะเรียนรู้มาแล้วจาก โครงการคนละครึ่ง ซึ่งก็มีเวลาให้เรียนรู้หลายเดือนก่อนที่จะเริ่มโครงการเราชนะด้วยซ้ำ แต่เหมือนไม่มีการพัฒนาให้รองรับการใช้งานกับคนจำนวนเยอะๆ )
2.  การสแกนจ่ายบางครั้งลูกค้าที่ไม่มีมือถือราคาแพงๆ หรือกล้องด้านหลังเสีย มัว เป็นฝ้า อันนี้น่าเห็นใจนะ เราเจอหลายคน อย่าลืมว่าเป้าหมายโครงการนี้ไม่ใช่สำหรับผู้ใช้มือถือใหม่ๆ ราคาสูง แต่มันครอบคลุมไปถึงผู้ไม่มีฐานะอะไรมากมาย (เราอิงจากผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ ม 33) ที่ส่วนใหญ่ก็ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้วันต่อวัน ควรเห็นใจพวกเขาด้วย ถ้าทำไม่ได้ ก็เพิ่มระบบการใส่รหัสหรือโค้ดเพื่อจ่ายเงิน แทนการแสกนจ่ายเพื่อให้ตัวเลขไปอ้างอิงกับตัวเลขที่ลงทะเบียน ลักษณะเหมือนการจ่ายบิลที่ใส่แค่ตัวเลขของลูกค้าก็สามารถทำรายการต่างๆได้ อันนี้ฝากให้รัฐและเจ้าหน้าที่เก็บไปคิด เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่มีปัญหาด้านนี้ 
 
สรุป 
จากปัญหาที่เราเจอ ทั้งหมดก็อยากให้เก็บไปคิด ว่าโครงการนี้มีความพร้อมหรือศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับคนหมู่มากไหม และรัฐรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียนรู้ปัญหาอะไรบ้างจากโครงการที่ผ่านๆ มา ว่านอกจากทำให้คนลงทะเบียนแอฟไม่ล่มแล้ว ปัญหาต่อจากนั้นคือ เมื่อมีการใช้แอฟแล้วมันจะล่ม และเป็นปัญหาสำคัญเพราะมันเกี่ยวข้องกับการเงิน นี่ยังไม่ต้องไปโยงถึงปัญหาหลายอย่างที่มันมีจุดอ่อนหลายอย่างในโครงการนี้ เช่น การเอื้อให้เกิดการทุจจริต (อย่างที่เราเห็นในข่าวบ่อยๆว่า มีการเเลกเป็นเงินสด) ขายสินค้าผิดๆ หลายอย่างมาก เราคิดว่าร้านค้าและลูกค้าเองก็รู้ดี เช่น เวลาทำรายการไม่มีรายการขึ้น สินค้าที่ขายเป็นอะไร ดังนั้นหากร้านค้าจะมีการจำหน่ายพวกสุรา บุหรี่ ก็ไม่มีใครรู้   (เราไม่ได้อยากจะตัดขาใครนะ แต่เราแค่อยากจะบอกว่าเราควรมีสำนึกรู้ว่า เป้าหมายโครงการนี้คือ ช่วยในเรื่องสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันจริง และอิงจากกฎของโครงการที่ออกมา และมันก็น่าคิดอยู่ว่า ถ้ามีการเปิดยอดการจำหน่ายสุรา ยาสูบของบริษัทต่างๆ ในช่วงโครงการช่วยเหลือของรัฐที่ผ่านมา ยอดจะสวนกระแสกับเศรษฐกิจไหม???)  
 
และนี่คือสิ่งที่เราเห็นจากโครงการนี้ทั้งหมด 
ท้ายที่สุดอยากฝากถึงร้านค้าใหม่ที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ก็เอาสิ่งเหล่านี้ไปพิจารณา ก่อนว่ามีผลได้ผลเสียยังไง เพราะถึงยังไง เมื่อเข้าร่วมแล้ว ก็มีความจำเป็นต้องเสียภาษี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน คิดถึงความคุ้มได้เสีย และเรียกร้องต่อรัฐอย่างตรงไปตรงมาจริงๆ ฉันเป็นคนหนึงที่อยากเห็นสังคมนี้มันดี ช่วยเหลือกัน เอื้อเฟื้อกัน มากกว่าเป็นสังคมที่สร้างนิสัยมือใครยาวสาวได้สาวเอา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่