(Mary Anning และ Tray สหายผู้ซื่อสัตย์ของเธอ)
Mary Anning เป็นนักล่าฟอสซิลที่ยากจนและเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการค้นพบที่น่าทึ่งของเธอได้ปูทางไปสู่บรรพชีวินวิทยาสมัยใหม่ ซึ่งจากการค้นพบเอกสารอย่างละเอียดของเธอ เธอได้ขยายความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับชีวิตในสมัยโบราณ แม้ว่างานของเธอจะถูกมองข้ามหรือถูกละทิ้งไป เนื่องจากเพศและสถานะทางสังคมของเธอ
Mary Anning เกิดเมื่อปี 1799 ในเมืองตากอากาศริมทะเลของ Lyme Regis ในเขต Dorset ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ปัจจุบัน Lyme Regis
เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ปัจจุบันเรียกว่า " Jurassic Coast " และยังคงมีการค้นพบฟอสซิลจนถึงทุกวันนี้ โดย King George III เป็นกษัตริย์ในขณะนั้น และสงครามระหว่างกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสของนโปเลียนกำลังดำเนินอยู่
ตามรายงานของ Hakai ระบุว่า ประมาณ 200 ล้านปีที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลาจูราสสิก แนวชายฝั่งแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยทะเลที่อบอุ่นที่เต็มไปด้วยชีวิตก่อนประวัติศาสตร์ ในที่สุดเมื่อทะเลนั้นถดถอยลง แต่หินตะกอนอ่อน ๆ ที่ก่อตัวขึ้นที่ก้นทะเลยังคงอยู่ และซากสัตว์ที่ถูกฝังอยู่ในก้นทะเลก็ค่อยๆกลาย
เป็นหินไปเอง และส่วนหนึ่งของก้นทะเลถูกกัดเซาะออกไปกลายเป็นหน้าผา เมื่อมีคลื่นหรือพายุรุนแรงกัดเซาะหน้าผาเหล่านั้น จึงเผยให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของฟอสซิล
แต่ Richard และ Molly Anning พ่อแม่ของ Mary ไม่น่าจะรู้เรื่องพวกนี้ เมื่อตอนที่พวกเขาย้ายไปอยู่ Lyme Regis ซึ่งจากชีวประวัติของ Anning ที่ Shelley Emling เขียนไว้บอกว่า Richard เป็นช่างทำตู้และที่เลือกไปอยู่ที่ Lyme Regis นั้นก็เพื่อต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ในทะเล
ชายฝั่งจูราสสิกที่ Charmouth , Dorset ซึ่ง Annings ได้ค้นพบฟอสซิลบางส่วน เนินเขาด้านหลังคือ Golden Cap
Cr.ภาพ Ballista // Wikimedia
แต่สุดท้าย เขาก็กลายเป็นนักเดินชายหาดที่เก็บฟอสซิลขนาดเล็กขายให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเป็นของที่ระลึกในวันหยุดพักผ่อน โดยตอนนั้น Anning ในวัย 6 ขวบได้อยู่เคียงข้างพ่อของเธอเป็นประจำ และช่วยเขาขุดค้นหาและทำความสะอาดซากฟอสซิลที่ได้
ไม่นานหลังจากนั้น Richard ก็เสียชีวิตในวันที่ 5 พฤศจิกายน 1810 โดย Emling ผู้เขียนหนังสือเรื่อง
" The Fossil Hunter: Dinosaurs, Evolution, and the Woman Whose Discoveries Changed the World " (St. Martin's Press, 2009) กล่าวไว้ว่า
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาเสียชีวิตจากวัณโรคและการบาดเจ็บจากการตกหน้าผา Lyme Regis ก่อนหน้านี้
การเสียชีวิตของเขาทำให้ Molly ที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สามต้องเป็นแม่หม้าย และต้องเลี้ยงลูกอีกสองคนสิ้นเนื้อประดาตัว รวมทั้งการที่ครอบครัว Anning เป็นโปรเตสแตนต์ที่แยกตัวออกจากคริสตจักรแห่งอังกฤษและยากจนมาก ทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก
ในเวลานั้น ผู้หญิงและเด็กหญิงหลายคนใน Lyme Regis รวมทั้ง Mary ที่มีการศึกษาอย่างเป็นทางการเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอสามารถอ่านและสอนตัวเองเกี่ยวกับธรณีวิทยาและกายวิภาคศาสตร์ได้ และ Richard เองก็สอนลูกสาวของเขาถึงวิธีการค้นหาและทำความสะอาดซากดึกดำบรรพ์ที่พบบนชายหาด ซึ่งนำมาจัดแสดงและขายที่ร้านของพวกเขา
แอมโมไนต์ทั้งสองนี้ถูกพบในหน้าผาใกล้เมือง Lyme Regis เมืองบ้านเกิดของ Mary Anning ทางตอนใต้ของอังกฤษ
(Cr.ภาพ: Rob Stothard / Getty Images)
เพียงไม่กี่เดือนหลังจากการตายของ Richard Maryได้ค้นพบฟอสซิลแอมโมไนต์ขนาดใหญ่ และได้ขายให้แก่นักท่องเที่ยวผู้หญิงคนหนึ่งในราคาที่
มากกว่าที่เคยขายทั้งหมด ดังนั้นเมื่อ Mary รู้ว่าเธอสามารถหารายได้ให้กับครอบครัวได้จากการล่าฟอสซิล เธอจึงไปที่ชายหาดเป็นประจำ
และไม่ถึงหนึ่งปีต่อมา ประมาณปี 1811 Mary Anning และ Joseph พี่ชายได้ค้นพบฟอสซิลกะโหลกศีรษะที่มีลักษณะแปลก ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์งงงัน มันมีความยาว 17 ฟุต (5.2 เมตร) มีกระดูกสันหลัง 60 ชิ้นและใช้เวลาหลายเดือนในการขุดค้น ต่อมาข่าวแพร่กระจายไปทั่วเมืองว่า เธอได้ค้นพบสัตว์ประหลาด
ในขณะที่ นักวิทยาศาสตร์คิดว่านี่คือจระเข้ แต่คนส่วนใหญ่สันนิษฐานว่า สิ่งมีชีวิตที่ถูกขุดพบได้อพยพมาจากดินแดนที่ห่างไกล โดยส่วนหนึ่งดูเหมือนปลา แต่ส่วนหนึ่งดูเหมือนจระเข้ ตัวอย่างลึกลับได้รับการศึกษาและถกเถียงกันมานานหลายปี ในที่สุดมันก็ถูกตั้งชื่อว่า Ichthyosaurus หรือ 'fish lizard'
แม้ว่าตอนนี้เราจะรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ปลาหรือจิ้งจก แต่เป็นสัตว์เลื้อยคลานในทะเลที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 201-194 ล้านปีก่อน ซึ่งแม้ว่าเคยพบฟอสซิล Ichthyosaurus มาก่อน แต่ตัวอย่างฟอสซิลของ Mary เป็นโครงกระดูกชิ้นแรกที่สมบูรณ์ และทำให้โลกวิทยาศาสตร์ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน
เพราะในสมัยนั้น นักวิทยาศาสตร์หลายคนยังคงเชื่อในทฤษฎีการสร้างปฐมกาล และไม่เชื่อเรื่องวิวัฒนาการหรือการสูญพันธุ์ (ทำให้หนังสือสุดแหวกแนว "On the Origin of Species" ของ Charles Darwin ได้รับการตีพิมพ์ในอีก 48 ปีต่อมา )
นี่คือ plesiosaur ตัวแรกที่ Mary Anning พบ
และเป็นหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ โดยมีความยาว 2.9 เมตรพบใน Lyme Regis, Dorset
ภาพวาดทางวิทยาศาสตร์ของกะโหลกศีรษะของ ichthyosaur พบโดย Mary และ Joseph Anning
(Cr.ภาพ: Everard Home / Philosophical Transactions of the Royal Society 1814)
ฟอสซิลของ Ichthyosaurus ที่พิเศษนี้ Mary ได้ขายให้กับนักสะสมที่ร่ำรวยในราคา 23 ปอนด์ ซึ่งเพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวของเธอได้เป็นเวลาถึง
หกเดือน และจากการบันทึกของ Emling ระบุว่า นักสะสมคนนั้นได้บริจาคตัวอย่างให้กับพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว จนไปถึงพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษ
และในที่สุดก็ไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในกรุงลอนดอนที่วันนี้เพียงซากกะโหลกศีรษะ
ในระหว่างปีค. ศ. 1815 - 1819 Mary Anning ยังคงล่าฟอสซิลตลอดช่วงวัยรุ่นของเธอ โดยพบโครงกระดูกของ ichthyosaur ที่แตกต่างและสมบูรณ์กว่าแรกๆ ซึ่งส่วนใหญ่จบลงในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งมีการจัดบรรยายเกี่ยวกับทฤษฎีกายวิภาคศาสตร์หรือต้นกำเนิดของพวกมัน แต่ผู้บรรยายกลับละเลยที่จะพูดถึงผู้หญิงที่ค้นพบ, สกัด และทำความสะอาดซากดึกดำบรรพ์เหล่านั้น
โดยการค้นพบครั้งสำคัญครั้งต่อไปของ Mary Anning นั้น เป็นที่ถกเถียงกันมากกว่า ichthyosaur ตัวแรกของเธอ ซึ่งตามชีวประวัติที่ตีพิมพ์โดยพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของสหราชอาณาจักร ระบุว่า Mary ได้ค้นพบโครงกระดูกที่สมบูรณ์ของ plesiosaurus ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานสี่ขาในทะเลที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
และเพียงไม่กี่ปีต่อมาในปี 1828 เธอก็ได้ค้นพบ pterosaur ตัวแรก ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานมีปีกที่อาศัยอยู่ในยุคไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ตัวแรกที่ค้นพบนอกประเทศเยอรมนี ซึ่งในช่วงชีวิตของ Mary เธอจะได้พบกับปลาที่สูญพันธุ์ไปแล้วหลายชนิด รวมทั้งสัตว์ทะเลอื่น ๆ อีกมากมาย โดยร่วมกับ William Buckland นักบรรพชีวินวิทยาชาวอังกฤษ ที่เป็นผู้บุกเบิกการศึกษา coprolites (อุจจาระฟอสซิล) ด้วย
Mary's first pterosaur
ในที่สุด Mary Anning ได้รับการยอมรับในฐานะนักล่าฟอสซิล แต่หลักฐานชี้ให้เห็นว่าเธอมีความรู้มากกว่าการค้นหาและเตรียมซากโบราณ โดยเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านมเมื่ออายุ 47 ปีในปี 1847 และข่าวมรณกรรมของเธอได้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Geological Society ลอนดอน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ถือว่าพวกเขาให้เกียรติคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ที่ในตอนนั้นสังคมไม่ยอมรับผู้หญิงจนกระทั่งปี 1904-57 ปีต่อมา
การค้นพบของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักธรณีวิทยาชื่อดังหลายคน เช่น
- Henry De la Beche ที่วาดภาพ 'Duria Antiquior - A More Ancient Dorset' (ภาพสิ่งมีชีวิตก่อนประวัติศาสตร์) ในปี 1830 และนำไปขายเพื่อช่วย Mary
- Thomas Hawkins's Book of the Great Sea Dragons ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1840
และมรดกของ Mary ยังคงอยู่ตามชายฝั่งจูราสสิกที่ขรุขระ ซึ่งปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2001 ที่ซึ่งนักวิทยาศาสตร์มือสมัครเล่นและผู้ที่ชอบผจญภัยมารวมตัวกันตลอดทั้งปีเพื่อค้นหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป
ชื่อของ MARY ANNING ไปไกลถึงดาวอังคาร
ในปี 2020 ทีมปฏิบัติการ Curiosity rover ได้ตั้งชื่อสถานที่ขุดเจาะบนดาวอังคารตามชื่อของ Mary Anning ซึ่งตามรายงานของ NASA การให้เกียรตินี้
มีขึ้นเพื่อให้ความสนใจกับงานของ Anning มากขึ้นในเรื่อง " ความพยายามในการสำรวจ "
นอกจากนั้น ทีม Curiosity ไม่ได้หยุดเพียงแค่ชื่อของ Mary Anning เท่านั้น โดยจากข้อมูลของ USGS ในขณะที่พวกเขายังอยู่ที่ไซต์บนดาวอังคาร พวกเขาได้ตั้งชื่อกล้องที่กำลังมองหาเป้าหมายอยู่ว่า "Tray" ตามชื่อสุนัขคู่ใจของ Mary ซึ่งมันมักจะไปกับเธอในการล่าฟอสซิลอีกด้วย
Ammonite (2020)
นอกจากนั้น ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับถาพยนตร์เรื่อง Ammonite (2020) โดยผู้กำกับ Francis Lee ที่นำแสดงโดย Kate Winslet และ Saoirse Ronan โดยเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่สิบเก้า
ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่มืดครึ้มของ Lyme Regis ประมาณปี 1840 โดยเน้นไปที่บุคคลจริง โดย Mary Anning รับบทโดย Kate Winslet
ที่มีความมุ่งมั่น ที่ใช้เวลาทั้งวันในการรวบรวมและทำความสะอาดฟอสซิลให้กับนักท่องเที่ยว และมีความรักที่แปลกประหลาดกับ Charlotte Murchison (Saoirse Ronan) ซึ่ง Francis Lee ผู้สร้างภาพยนตร์ได้จินตนาการถึง ชีวิตที่เปลี่ยนแมรี่ให้กลายเป็นผู้บุกเบิก proto-feminist ที่แข็งแกร่ง
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
Mary Anning นักล่าฟอสซิลดึกดำบรรพ์ที่ยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 19
Mary Anning เกิดเมื่อปี 1799 ในเมืองตากอากาศริมทะเลของ Lyme Regis ในเขต Dorset ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ปัจจุบัน Lyme Regis
เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ปัจจุบันเรียกว่า " Jurassic Coast " และยังคงมีการค้นพบฟอสซิลจนถึงทุกวันนี้ โดย King George III เป็นกษัตริย์ในขณะนั้น และสงครามระหว่างกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสของนโปเลียนกำลังดำเนินอยู่
ตามรายงานของ Hakai ระบุว่า ประมาณ 200 ล้านปีที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลาจูราสสิก แนวชายฝั่งแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยทะเลที่อบอุ่นที่เต็มไปด้วยชีวิตก่อนประวัติศาสตร์ ในที่สุดเมื่อทะเลนั้นถดถอยลง แต่หินตะกอนอ่อน ๆ ที่ก่อตัวขึ้นที่ก้นทะเลยังคงอยู่ และซากสัตว์ที่ถูกฝังอยู่ในก้นทะเลก็ค่อยๆกลาย
เป็นหินไปเอง และส่วนหนึ่งของก้นทะเลถูกกัดเซาะออกไปกลายเป็นหน้าผา เมื่อมีคลื่นหรือพายุรุนแรงกัดเซาะหน้าผาเหล่านั้น จึงเผยให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของฟอสซิล
แต่ Richard และ Molly Anning พ่อแม่ของ Mary ไม่น่าจะรู้เรื่องพวกนี้ เมื่อตอนที่พวกเขาย้ายไปอยู่ Lyme Regis ซึ่งจากชีวประวัติของ Anning ที่ Shelley Emling เขียนไว้บอกว่า Richard เป็นช่างทำตู้และที่เลือกไปอยู่ที่ Lyme Regis นั้นก็เพื่อต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ในทะเล
แต่สุดท้าย เขาก็กลายเป็นนักเดินชายหาดที่เก็บฟอสซิลขนาดเล็กขายให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเป็นของที่ระลึกในวันหยุดพักผ่อน โดยตอนนั้น Anning ในวัย 6 ขวบได้อยู่เคียงข้างพ่อของเธอเป็นประจำ และช่วยเขาขุดค้นหาและทำความสะอาดซากฟอสซิลที่ได้
ไม่นานหลังจากนั้น Richard ก็เสียชีวิตในวันที่ 5 พฤศจิกายน 1810 โดย Emling ผู้เขียนหนังสือเรื่อง
" The Fossil Hunter: Dinosaurs, Evolution, and the Woman Whose Discoveries Changed the World " (St. Martin's Press, 2009) กล่าวไว้ว่า
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาเสียชีวิตจากวัณโรคและการบาดเจ็บจากการตกหน้าผา Lyme Regis ก่อนหน้านี้
การเสียชีวิตของเขาทำให้ Molly ที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สามต้องเป็นแม่หม้าย และต้องเลี้ยงลูกอีกสองคนสิ้นเนื้อประดาตัว รวมทั้งการที่ครอบครัว Anning เป็นโปรเตสแตนต์ที่แยกตัวออกจากคริสตจักรแห่งอังกฤษและยากจนมาก ทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก
ในเวลานั้น ผู้หญิงและเด็กหญิงหลายคนใน Lyme Regis รวมทั้ง Mary ที่มีการศึกษาอย่างเป็นทางการเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอสามารถอ่านและสอนตัวเองเกี่ยวกับธรณีวิทยาและกายวิภาคศาสตร์ได้ และ Richard เองก็สอนลูกสาวของเขาถึงวิธีการค้นหาและทำความสะอาดซากดึกดำบรรพ์ที่พบบนชายหาด ซึ่งนำมาจัดแสดงและขายที่ร้านของพวกเขา
การค้นพบของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักธรณีวิทยาชื่อดังหลายคน เช่น
- Henry De la Beche ที่วาดภาพ 'Duria Antiquior - A More Ancient Dorset' (ภาพสิ่งมีชีวิตก่อนประวัติศาสตร์) ในปี 1830 และนำไปขายเพื่อช่วย Mary
- Thomas Hawkins's Book of the Great Sea Dragons ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1840
และมรดกของ Mary ยังคงอยู่ตามชายฝั่งจูราสสิกที่ขรุขระ ซึ่งปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2001 ที่ซึ่งนักวิทยาศาสตร์มือสมัครเล่นและผู้ที่ชอบผจญภัยมารวมตัวกันตลอดทั้งปีเพื่อค้นหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป
มีขึ้นเพื่อให้ความสนใจกับงานของ Anning มากขึ้นในเรื่อง " ความพยายามในการสำรวจ "
นอกจากนั้น ทีม Curiosity ไม่ได้หยุดเพียงแค่ชื่อของ Mary Anning เท่านั้น โดยจากข้อมูลของ USGS ในขณะที่พวกเขายังอยู่ที่ไซต์บนดาวอังคาร พวกเขาได้ตั้งชื่อกล้องที่กำลังมองหาเป้าหมายอยู่ว่า "Tray" ตามชื่อสุนัขคู่ใจของ Mary ซึ่งมันมักจะไปกับเธอในการล่าฟอสซิลอีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่มืดครึ้มของ Lyme Regis ประมาณปี 1840 โดยเน้นไปที่บุคคลจริง โดย Mary Anning รับบทโดย Kate Winslet
ที่มีความมุ่งมั่น ที่ใช้เวลาทั้งวันในการรวบรวมและทำความสะอาดฟอสซิลให้กับนักท่องเที่ยว และมีความรักที่แปลกประหลาดกับ Charlotte Murchison (Saoirse Ronan) ซึ่ง Francis Lee ผู้สร้างภาพยนตร์ได้จินตนาการถึง ชีวิตที่เปลี่ยนแมรี่ให้กลายเป็นผู้บุกเบิก proto-feminist ที่แข็งแกร่ง
Cr.https://en.wikipedia.org/wiki/Mary_Anning