▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
ภาพถ่ายทิวทัศน์
เที่ยวไทย
อำเภอเบตง
[CR] เบตง เมืองในหมอก
ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ความประทับใจในการไปเที่ยวอ.เบตงในช่วงตรุษจีนปี 2564 ที่ผ่านมานะคะ
ตอนแรกเราก็แอบกังวลว่าไปเที่ยวอำเภอที่อยู่ในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กันเองกับครอบครัวแบบนี้จะอันตรายรึเปล่า แต่บริษัทรถเช่าที่เราติดต่อไปเขาบอกว่าไม่อันตรายเลยสักนิด เราเลยลองเชื่อเขาดูค่ะ
เริ่มทริปโดยการขึ้นเครื่องบินจากดอนเมืองไปลงหาดใหญ่ เครื่องออก 8.30น. ถึงหาดใหญ่ประมาณ 10.00 น. ค่าตั๋วเครื่องบินถูกมากเพราะเป็นช่วงโควิดระบาดรอบ 2 เลยได้ราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับคนละแค่ 1500 กว่าบาท
หนึ่งวันก่อนเดินทางเราได้โทร.ไปจองรถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ไปเบตงไว้แล้ว ใช้บริการของบริษัทโพธิ์ทองทัวร์ (โทร. 074-424-460, 081-963-2168) ราคาค่าตั๋วรถตู้รวมค่ารับจากสนามบินหาดใหญ่แล้วอยู่ที่คนละ 410 บาท (ขาเดียว) พอลงเครื่อง รถตู้ก็มารอรับถึงสนามบินเลย แต่ต้องไปเปลี่ยนรถตู้ที่บขส.หาดใหญ่ 1 ครั้งก่อนลงเบตงค่ะ
รถตู้จากหาดใหญ่ไปเบตงใช้เวลานั่งกันนานถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว มีแวะจอดให้เข้าห้องน้ำ 2 ครั้ง ครั้งแรกประมาณ 1 ชั่วโมงหลังออกจากบขส. ครั้งที่ 2 คือประมาณอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง ถัดจากครั้งแรก แนะนำว่าใครไม่ชอบนั่งรถนานๆ ให้รอสนามบินเบตงเปิดแล้วค่อยมาเที่ยวจะสะดวกกว่ามาก
ระหว่างทางจากหาดใหญถึงอ.เมืองยะลา 2 ข้างทางส่วนใหญ่เป็นทุ่งโล่ง ไม่ค่อยเห็นบ้านคนมากมายนัก แตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด แต่นอกจากเรื่องที่ว่าดูเงียบเหงากว่าที่อื่นๆ แล้ว ก็ไม่รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรเลยค่ะ
จากอ.เมืองยะลาไปอ.เบตงเป็นทางโค้งเลียบไปตามภูเขา ใครเมารถง่าย แนะนำให้กินยาแก้เมารถดักไว้ล่วงหน้าได้เลยค่ะ โค้งที่นี่เยอะไม่แพ้ที่แม่ฮ่องสอน
มีด่านตรวจให้เห็นเป็นระยะๆ เห็นแล้วอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก 555
พอเข้าอ.เบตง ก็จะเห็นป้าย OK BETONG ก่อนเลย ตามด้วยเสาธงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยค่ะ
กว่าจะมาถึงเบตงก็เย็นแล้ว วันแรกจึงเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ชมเมืองเบตงแบบเบาๆ กันก่อน ผู้คนที่นี่เป็นมิตรดีค่ะ อยู่รวมกันทั้งไทยพุทธ ไทยจีน และไทยมุสลิม
คนไทยพุทธที่เบตงไม่พูดภาษาใต้แต่พูดภาษาภาคกลางกันหมด ไทยจีนยังพูดจีนอยู่มาก และไทยมุสลิมที่นี่พูดภาษายาวี แต่ก็พูภาษาไทยภาคกลางได้ด้วย การสื่อสารจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
วันที่ 2 เริ่มวันใหม่ด้วยการตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง(ทะเลหมอกเบตง) โชคดีที่วันนี้มีหมอกหนา ค่อยชื่นใจคุ้มค่าแก่การเดินทางมาไกลเพื่อการนี้จริงๆ
ชมทะเลหมอกเสร็จก็ต่อด้วยการไปเที่ยวสวนหมื่นบุปผาซึ่งเป็นสวนดอกไม้ของเอกชนที่คิดค่าบัตรเข้าชมถูกแสนถูก ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท แต่เราแอบได้ยินมาว่าดอกไม้ของที่นี่จะสวยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะๆ ถ้าใครชอบเที่ยวแบบไม่ตรงกับช่วงวันหยุดเทศกาลก็ต้องทำใจสักนิดว่าที่นี่อาจจะไม่สวยอย่างในรีวิวนี้นะคะ
ออกจากสวนดอกไม้ เราแวะกินข้าวกลางวันที่บ่อน้ำพุร้อนเบตง ซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับไปยังตัวเมืองเบตง เนื่องจากเป็นช่วงโควิดร้านอาหารส่วนใหญ่จึงค่อนข้างเงียบเหงา ร้านอาหารแถวนี้มีให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวและข้าวเหนียวส้มตำ เราเลือกกินข้าวเหนียวส้มตำค่ะ รสชาติพอใช้ได้ เที่ยวกันมาเหนื่อยๆ จังหวะนี้มีอะไรก็กินได้หมด ที่บ่อน้ำพุร้อนนี้มีไข่ดิบในชะลอมเล็กๆ ขายหลายร้าน สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อไปลวกที่น้ำพุร้อนเป็นไข่ออนเซ็น
ที่นี่เขาแยกบ่อลวกไข่ออนเซ็นออกจากบริเวณที่ให้คนลงไปแช่น้ำพุร้อนแบบเป็นสัดเป็นส่วน จุดลวกไข่อยู่ทางต้นน้ำจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดของน้ำที่เราใช้ลวกไข่ค่ะ ส่วนที่ให้ลงแช่น้ำได้ เขาทำเป็นสระว่ายน้ำแบบตื้นๆ เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่แช่ดี
หลังกินอาหารกลางวันกันเรียบร้อย พวกเราก็ไปเที่ยววัดถ้ำทองและบ้านโบราณอายุ 150 ปีกันต่อ แต่เสียดายที่วันนี้บ้านโบราณปิด เลยอดเข้าชมตัวบ้านด้านใน ได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น ส่วนวัดถ้ำทอง จริงๆ แล้วไม่ใช่วัดแต่เป็นสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่บนเขา และมีถ้ำให้เดินชม 2 ถ้ำด้วยกัน ทั้ง 2 ถ้ำเข้าไปได้ไม่ลึกมาก (ความจริงถ้าจะเข้าไปก็เข้าได้ลึกนะคะ แต่เราไม่ได้พกไฟฉายกันมา และไม่มีคนนำทางด้วย จึงชมกันเฉพาะด้านนอกๆ ถ้ำแบบพอผอมปากหอมคอก็พอ)
หมดวันแรกไปกับโปรแกรมเที่ยวที่แน่นเอี้ยด ตอนเย็นก็พักผ่อนกันในโรงแรม และหาอะไรกินกันง่ายๆ ในเมืองเบตง อ้อ ลืมบอกไปว่าเราพักที่โรงแรมแกรนด์แมนดารินค่ะ ห้องพักสะอาดสะอ้าน ราคาลดแลกแจกแถมเพราะโควิดอีกเช่นกัน ขอไม่ลงราคาค่าห้องพักนะคะ เพราะหลังหมดโควิดคงไม่ได้ราคานี้แล้ว ใครจะมาเที่ยวก็เช็คราคากันเองเน้อ
ส่วนรถ เราเช่ารถกระบะของร้าน 111 Betong Car Rental (จากเพจรถเช่าเบตง โทร. 097 149 0036) เช่าวันละแค่ 900 บาทเท่านั้น ที่ไม่เช่ารถเก๋งก็เพราะช่วงที่เราไปเที่ยวตรงกับตรุษจีนรถเก๋งมีคนเช่าไปหมดแล้ว เหลือแต่รถกระบะที่ยังว่าง ได้เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งกระบะท้ายบ้างก็สนุกดีค่ะ เบตงอากาศเย็นตลอดปี อากาศก็สะอาดไร้ฝุ่น PM 2.5 ลูกสาวเราฟินกับการนั่งกระบะท้ายมาก
รูปถ่ายเยอะมาก เดี๋ยวค่อยมารีวิวของวันที่ 3 ต่อนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้