🔴ติดเชื้อโควิดขยับขึ้นนิด 92 ราย "ชลบุรี" เจอพยาบาลติด 1ราย
ติดเชื้อในประเทศ 86 มาจากต่างประเทศอีก 6 ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม วันนี้หายป่วยกลับบ้านได้สูงกว่ารายใหม่ สมุทรสาครยังคงพบผู้ป่วยสูงสุด 60 ราย พบผู้ป่วยอายุน้อยสุด 7 ขวบ สูงสุด 71 ปี ทั้งพบมีนักเรียนวัย 10 ปีป่วยที่ขอนแก่น ขณะอันดับไทยขยับขึ้นเป็นที่ 113 โลก
เมื่อวันที่ 21 ก.พ.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92 ราย พบเป็นการติดเชื้อในประเทศ 86 ราย (แยกเป็นจากการเฝ้าระวังในระบบบริการสุขภาพ 48 ราย และจากการตรวจค้นหาเชิงรุกในชุมชน 38 ราย) และเดินทางมาจากต่างประเทศเข้าพักในสถานกักกันของรัฐแล้ว 6 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 25,415 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 83 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 156 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 24,285 ราย และยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,047 ราย ทั้งยังพบว่าวันนี้ สถานการณ์โรคโควิดในระดับโลก พบว่าไทยอยู่ในลำดับที่ 113 ขยับขึ้นจากเมื่อวานที่อยู่ลำดับที่ 114 ทั้งนี้ พบที่ชลบุรีมีพยาบาลติดเชื้อ 1 ราย
ทั้งนี้ สำหรับผู้ติดเชื้อในประเทศ 86 ราย แยกเป็นผู้ป่วยจากการเฝ้าระวังในระบบบริการสุขภาพ 48 ราย ประกอบด้วย จากสมุทรสาคร 33 ราย (คนไทย 19 เมียนมา 14 ราย อายุตั้งแต่ 19-69 ปี) กทม.3 ราย (คนไทยทั้งหมดอายุ 7-47 ปี) ปทุมธานี 7 ราย (คนไทยทั้งหมด อายุ 25-71 ปี) ชลบุรี 1 ราย (อาชีพพยาบาลอายุ 25 ปี) ขอนแก่น 1 ราย (เป็นนักเรียนอายุ 10 ปี) และอ่างทอง 3 ราย (คนไทยทั้งหมดอายุ 24-60 ปี)
จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 38 ราย ประกอบด้วย สมุทรสาคร 27 ราย (คนไทย 18 เมียนมา 9 อายุ 13-71 ปี) ปทุมธานี 10 ราย (คนไทย 7 เมียนมา 3 อายุ 17-68 ปี) และอ่างทอง 1 ราย (คนไทย)
ขณะที่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย พบเป็นคนไทย 2 ราย สัญชาติเยอรมัน 1 ราย ซิมบับเว 1 ราย และบาห์เรน 1 ราย โดยเดินทางมาจากประเทศเยอรมนี 1 ราย สหรัฐฯ 1 ราย บราซิล 1 ราย เอธิโอเปีย 1 ราย คูเวต 1 ราย และโอมาน 1 ราย
https://siamrath.co.th/n/221772
🔴"บิ๊กตู่" ร่วมรับ "วัคซีนโควิด-19" ลอตแรก 200,000 โดส 24 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า หลังจากที่ นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข ได้ยืนยันกำหนดการที่จะมีการขนส่ง และรับมอบ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ล็อตแรกของประเทศไทย จำนวน 200,000 โดส จาก บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด (SINOVAC BIOTECH CO., LTD.) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งขณะนี้ได้รับการยืนยันว่า จะทำการขนส่งมายังประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้า (Cargo) เที่ยวบินที่ ทีจี 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 ออกเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 06.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 10.00 น. ที่คลังสินค้า การบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับที่จะเข้าร่วม กิจกรรมดังกล่าวตามคำเชิญของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว โดยกิจกรรมดังกล่าวจะใช้ชื่อว่า "วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้ม ประเทศไทย" และจะจัดกิจกรรมรับมอบ ขึ้นโซน GH-4 คลังสินค้าการบินไทย โดยพิธีการจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ 09:00 น. จุดลงทะเบียนที่ อาคาร BFZ ชั้น 1 มีการเชิญสื่อมวลชน และผู้บริหารกระทรวง สาธารณสุข กระทรวงคมนาคมในฐานะที่กำกับดูแลท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าร่วมงาน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในการขนส่งวัคซีนไวรัส โควิด-19 ลอตแรก 200,000 โดส นอกจากกระทรวงสาธารณสุขจะมอบหมายให้การบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติ ดำเนินการขนส่งแล้ว ยังมีการมอบหมายหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยองค์การเภสัชกรรม , สํานักงานคณะกรรมการอาหารและ ยา (อย.) และด่านศุลกากร กรมศุลกากร รับผิดชอบการนำเข้าวัคซีนลอตดังกล่าวด้วย
https://siamrath.co.th/n/221833
🔴'อนุทิน' โชว์ภาพ 'วัคซีนซิโนแวค' ล็อตแรก ส่งถึง 'ไทย' 24 ก.พ.นี้
"อนุทิน" โพสต์ภาพ วัคซีน "Sinovac" ล็อตแรก เตรียมส่งถึงสุวรรณภูมิ 24 ก.พ.นี้ ก่อนทยอยส่งมอบต่อเนื่องจนครบ 2 ล้านโดส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ทั้งข้อความและรูปภาพวัคซีนโควิดที่เตรียมจัดส่งมาให้ประเทศ ว่า "ผู้ผลิตวัคซีน Sinovac ส่งภาพนี้มาให้ผม เพื่อยืนยันว่าวัคซีนโควิด ล็อตแรกสำหรับประเทศไทยพร้อมจะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ตามที่ผมได้แจ้งต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งมาอย่างต่อเนื่องจนครบ 2 ล้านโดส ตามที่องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งซื้อไปภายในเดือนเมษายน คนไทยต้องปลอดภัย"
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/923752
🔴'นักการเมือง'รั้งท้ายสุด กลุ่มอาชีพที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19
21 ก.พ. 2564 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ใครก่อนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15 – 17 กุมภาพันธ์ 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงจังหวัดที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.90 ระบุว่า จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมากในรอบที่ 2 ที่ผ่านมา รองลงมา ร้อยละ 16.77 ระบุว่า เริ่มทุกจังหวัดพร้อม ๆ กัน ร้อยละ 10.70 ระบุว่า จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ร้อยละ 10.39 ระบุว่า จังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนทั้งหมด และร้อยละ 5.24 ระบุว่า จังหวัดที่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสูง
ด้านกลุ่มอายุที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.01 ระบุว่า กลุ่มวัยทำงาน ตั้งแต่ 20 – 59 ปี รองลงมา ร้อยละ 37.10 ระบุว่า กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) ร้อยละ 15.10 ระบุว่า เริ่มทุกกลุ่มอายุพร้อม ๆ กัน และร้อยละ 9.79 ระบุว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุไม่เกิน 20 ปี
เมื่อถามถึงกลุ่มอาชีพที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก พบว่า....✏
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.48 ระบุว่าเป็น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุข
รองลงมา ร้อยละ 14.41 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน
ร้อยละ 8.87 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ร้อยละ 7.59 ระบุว่าเป็น เริ่มทุกกลุ่มอาชีพพร้อม ๆ กัน
ร้อยละ 5.29 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการเดินทางและขนส่งทุกชนิด
ร้อยละ 4.93 ระบุว่าเป็น กลุ่มนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 4.85 ระบุว่าเป็น กลุ่มเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ
ร้อยละ 4.38 ระบุว่าเป็น กลุ่มข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ร้อยละ 3.82 ระบุว่าเป็น กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน
ร้อยละ 3.49 ระบุว่าเป็น กลุ่มพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน
ร้อยละ 1.41 ระบุว่าเป็น กลุ่มเกษตรกร ประมง
📣และร้อยละ 0.48 ระบุว่าเป็น กลุ่มนักการเมือง
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อการบังคับให้ชาวต่างชาติทุกคนในประเทศ ไทยฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.54 ระบุว่า ควรบังคับชาวต่างชาติทุกคนให้ฉีดวัคซีน รองลงมา ร้อยละ 28.22 ระบุว่า ควรเป็นไปตามความสมัครใจในการฉีดวัคซีน ร้อยละ 26.25 ระบุว่า ควรบังคับเฉพาะชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงให้ฉีดวัคซีน และร้อยละ 0.99 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ให้กับชาวต่างชาติในประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.92 ระบุว่า ชาวต่างชาติทุกคนต้องเสียเงินในการฉีดวัคซีนเอง รองลงมา ร้อยละ 31.72 ระบุว่า ชาวต่างชาติที่เสียภาษีถูกต้องเท่านั้นที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ร้อยละ 25.72 ระบุว่า ชาวต่างชาติทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ร้อยละ 0.68 ระบุว่า ชาวต่างชาติกับรัฐบาลจ่ายคนละครึ่ง และร้อยละ 2.96 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
https://www.thaipost.net/main/detail/93714
วัคซีนใกล้เข้ามาแล้วนะคะ.....คืนรอยยิ้มให้คนไทยทุกคนค่ะ 😁
แต่ยังต้องระมัดระวังตามแพทย์แนะนำนะคะ

ปล. ขออภัยนะคะ กระทู้แรกผิดพลาดค่ะ...
🇹🇭มาลาริน/21ก.พ.พบโควิด92รายรักษาอยู่1,047ราย/นายกฯร่วมรับวัคซีน 24ก.พ.นี้/อนุทินโชว์วัคซีนส่งไทย/โพลให้นกม.ฉีดสุดท้าย
ติดเชื้อในประเทศ 86 มาจากต่างประเทศอีก 6 ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม วันนี้หายป่วยกลับบ้านได้สูงกว่ารายใหม่ สมุทรสาครยังคงพบผู้ป่วยสูงสุด 60 ราย พบผู้ป่วยอายุน้อยสุด 7 ขวบ สูงสุด 71 ปี ทั้งพบมีนักเรียนวัย 10 ปีป่วยที่ขอนแก่น ขณะอันดับไทยขยับขึ้นเป็นที่ 113 โลก
เมื่อวันที่ 21 ก.พ.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92 ราย พบเป็นการติดเชื้อในประเทศ 86 ราย (แยกเป็นจากการเฝ้าระวังในระบบบริการสุขภาพ 48 ราย และจากการตรวจค้นหาเชิงรุกในชุมชน 38 ราย) และเดินทางมาจากต่างประเทศเข้าพักในสถานกักกันของรัฐแล้ว 6 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 25,415 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 83 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 156 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 24,285 ราย และยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,047 ราย ทั้งยังพบว่าวันนี้ สถานการณ์โรคโควิดในระดับโลก พบว่าไทยอยู่ในลำดับที่ 113 ขยับขึ้นจากเมื่อวานที่อยู่ลำดับที่ 114 ทั้งนี้ พบที่ชลบุรีมีพยาบาลติดเชื้อ 1 ราย
ทั้งนี้ สำหรับผู้ติดเชื้อในประเทศ 86 ราย แยกเป็นผู้ป่วยจากการเฝ้าระวังในระบบบริการสุขภาพ 48 ราย ประกอบด้วย จากสมุทรสาคร 33 ราย (คนไทย 19 เมียนมา 14 ราย อายุตั้งแต่ 19-69 ปี) กทม.3 ราย (คนไทยทั้งหมดอายุ 7-47 ปี) ปทุมธานี 7 ราย (คนไทยทั้งหมด อายุ 25-71 ปี) ชลบุรี 1 ราย (อาชีพพยาบาลอายุ 25 ปี) ขอนแก่น 1 ราย (เป็นนักเรียนอายุ 10 ปี) และอ่างทอง 3 ราย (คนไทยทั้งหมดอายุ 24-60 ปี)
จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 38 ราย ประกอบด้วย สมุทรสาคร 27 ราย (คนไทย 18 เมียนมา 9 อายุ 13-71 ปี) ปทุมธานี 10 ราย (คนไทย 7 เมียนมา 3 อายุ 17-68 ปี) และอ่างทอง 1 ราย (คนไทย)
ขณะที่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย พบเป็นคนไทย 2 ราย สัญชาติเยอรมัน 1 ราย ซิมบับเว 1 ราย และบาห์เรน 1 ราย โดยเดินทางมาจากประเทศเยอรมนี 1 ราย สหรัฐฯ 1 ราย บราซิล 1 ราย เอธิโอเปีย 1 ราย คูเวต 1 ราย และโอมาน 1 ราย
https://siamrath.co.th/n/221772
🔴"บิ๊กตู่" ร่วมรับ "วัคซีนโควิด-19" ลอตแรก 200,000 โดส 24 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า หลังจากที่ นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข ได้ยืนยันกำหนดการที่จะมีการขนส่ง และรับมอบ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ล็อตแรกของประเทศไทย จำนวน 200,000 โดส จาก บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด (SINOVAC BIOTECH CO., LTD.) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งขณะนี้ได้รับการยืนยันว่า จะทำการขนส่งมายังประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้า (Cargo) เที่ยวบินที่ ทีจี 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 ออกเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 06.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 10.00 น. ที่คลังสินค้า การบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับที่จะเข้าร่วม กิจกรรมดังกล่าวตามคำเชิญของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว โดยกิจกรรมดังกล่าวจะใช้ชื่อว่า "วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้ม ประเทศไทย" และจะจัดกิจกรรมรับมอบ ขึ้นโซน GH-4 คลังสินค้าการบินไทย โดยพิธีการจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ 09:00 น. จุดลงทะเบียนที่ อาคาร BFZ ชั้น 1 มีการเชิญสื่อมวลชน และผู้บริหารกระทรวง สาธารณสุข กระทรวงคมนาคมในฐานะที่กำกับดูแลท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าร่วมงาน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในการขนส่งวัคซีนไวรัส โควิด-19 ลอตแรก 200,000 โดส นอกจากกระทรวงสาธารณสุขจะมอบหมายให้การบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติ ดำเนินการขนส่งแล้ว ยังมีการมอบหมายหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยองค์การเภสัชกรรม , สํานักงานคณะกรรมการอาหารและ ยา (อย.) และด่านศุลกากร กรมศุลกากร รับผิดชอบการนำเข้าวัคซีนลอตดังกล่าวด้วย
https://siamrath.co.th/n/221833
🔴'อนุทิน' โชว์ภาพ 'วัคซีนซิโนแวค' ล็อตแรก ส่งถึง 'ไทย' 24 ก.พ.นี้
"อนุทิน" โพสต์ภาพ วัคซีน "Sinovac" ล็อตแรก เตรียมส่งถึงสุวรรณภูมิ 24 ก.พ.นี้ ก่อนทยอยส่งมอบต่อเนื่องจนครบ 2 ล้านโดส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ทั้งข้อความและรูปภาพวัคซีนโควิดที่เตรียมจัดส่งมาให้ประเทศ ว่า "ผู้ผลิตวัคซีน Sinovac ส่งภาพนี้มาให้ผม เพื่อยืนยันว่าวัคซีนโควิด ล็อตแรกสำหรับประเทศไทยพร้อมจะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ตามที่ผมได้แจ้งต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งมาอย่างต่อเนื่องจนครบ 2 ล้านโดส ตามที่องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งซื้อไปภายในเดือนเมษายน คนไทยต้องปลอดภัย"
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/923752
🔴'นักการเมือง'รั้งท้ายสุด กลุ่มอาชีพที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19
21 ก.พ. 2564 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ใครก่อนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15 – 17 กุมภาพันธ์ 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงจังหวัดที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.90 ระบุว่า จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมากในรอบที่ 2 ที่ผ่านมา รองลงมา ร้อยละ 16.77 ระบุว่า เริ่มทุกจังหวัดพร้อม ๆ กัน ร้อยละ 10.70 ระบุว่า จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ร้อยละ 10.39 ระบุว่า จังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนทั้งหมด และร้อยละ 5.24 ระบุว่า จังหวัดที่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสูง
ด้านกลุ่มอายุที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.01 ระบุว่า กลุ่มวัยทำงาน ตั้งแต่ 20 – 59 ปี รองลงมา ร้อยละ 37.10 ระบุว่า กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) ร้อยละ 15.10 ระบุว่า เริ่มทุกกลุ่มอายุพร้อม ๆ กัน และร้อยละ 9.79 ระบุว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุไม่เกิน 20 ปี
เมื่อถามถึงกลุ่มอาชีพที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก พบว่า....✏
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.48 ระบุว่าเป็น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุข
รองลงมา ร้อยละ 14.41 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน
ร้อยละ 8.87 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ร้อยละ 7.59 ระบุว่าเป็น เริ่มทุกกลุ่มอาชีพพร้อม ๆ กัน
ร้อยละ 5.29 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการเดินทางและขนส่งทุกชนิด
ร้อยละ 4.93 ระบุว่าเป็น กลุ่มนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 4.85 ระบุว่าเป็น กลุ่มเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ
ร้อยละ 4.38 ระบุว่าเป็น กลุ่มข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ร้อยละ 3.82 ระบุว่าเป็น กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน
ร้อยละ 3.49 ระบุว่าเป็น กลุ่มพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน
ร้อยละ 1.41 ระบุว่าเป็น กลุ่มเกษตรกร ประมง
📣และร้อยละ 0.48 ระบุว่าเป็น กลุ่มนักการเมือง
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อการบังคับให้ชาวต่างชาติทุกคนในประเทศ ไทยฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.54 ระบุว่า ควรบังคับชาวต่างชาติทุกคนให้ฉีดวัคซีน รองลงมา ร้อยละ 28.22 ระบุว่า ควรเป็นไปตามความสมัครใจในการฉีดวัคซีน ร้อยละ 26.25 ระบุว่า ควรบังคับเฉพาะชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงให้ฉีดวัคซีน และร้อยละ 0.99 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ให้กับชาวต่างชาติในประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.92 ระบุว่า ชาวต่างชาติทุกคนต้องเสียเงินในการฉีดวัคซีนเอง รองลงมา ร้อยละ 31.72 ระบุว่า ชาวต่างชาติที่เสียภาษีถูกต้องเท่านั้นที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ร้อยละ 25.72 ระบุว่า ชาวต่างชาติทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ร้อยละ 0.68 ระบุว่า ชาวต่างชาติกับรัฐบาลจ่ายคนละครึ่ง และร้อยละ 2.96 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
https://www.thaipost.net/main/detail/93714
วัคซีนใกล้เข้ามาแล้วนะคะ.....คืนรอยยิ้มให้คนไทยทุกคนค่ะ 😁
แต่ยังต้องระมัดระวังตามแพทย์แนะนำนะคะ
ปล. ขออภัยนะคะ กระทู้แรกผิดพลาดค่ะ...