"ม็อบ 20 กุมภา" ปักหลักหน้ารัฐสภา ชูป้าย-เขียนจดหมายถึง ส.ส.ที่ไม่ไว้วางใจ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2036599
บรรยากาศช่วงเย็น "ม็อบ 20 กุมภา" ปักหลักบริเวณทางเข้ารัฐสภา สลับกันอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา พร้อมจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เขียนข้อความลงฟิวเจอร์บอร์ด-เขียนจดหมายส่งให้ ส.ส.ในรัฐสภา
วันที่ 20 ก.พ. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่เริ่มนัดหมายมวลชนมารวมตัวกันที่รัฐสภา เกียกกาย ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา โดยมีแกนนำสลับกันพูดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้จัดกิจกรรมเขียนความรู้สึกลงในฟิวเจอร์บอร์ดสีขาวแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะเป็นระยะ
ล่าสุด เวลา 18.00 น. มีรายงานว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยมาร่วมกิจกรรม ตั้งแต่บริเวณทางเข้ารัฐสภา ยาวไปบนถนนสามเสน ซึ่งได้มีการปิดช่องการจราจรแล้วทั้ง 4 เลน
นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการจัดกิจกรรมเขียนจดหมายถึง ส.ส.ที่ไม่ไว้วางใจ ส่งต่อจดหมายไปยังรัฐสภา เพื่อแสดงพลังของประชาชน รวมทั้งประกาศว่า จะปักหลักชุมนุมเพียงจุดเดียวไม่เคลื่อนไปไหน และจะยุติกิจกรรมชุมนุมในเวลา 21.30 น.
บริษัทนำเที่ยว ชี้วัคซีนคือคำตอบฟื้นธุรกิจ จี้รัฐบาลเปิดโอกาสเอกชนฉีดวัคซีนเอง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2588640
นาย
สุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวติดตามเรื่องความคืบหน้าการฉีดวัคซีนของคนไทย ว่าจะเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ และจำนวนเท่าไหร่ เพราะเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคท่องเที่ยว นั่นคือ ตอนนี้ทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว เบื้องต้นทั่วโลกมีการฉีดกันถึง 100 ล้านโดส เท่ากับมี 50 ล้านคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสแล้ว และน่าจะถึง 100 ล้านคนในกลางปีนี้ เท่ากัยคนจำนวนี้จะสามารถเดินทางระหว่างประเทศที่มีการวัคซีนป้องกันกันได้แล้ว แต่ประเทศไทยหากมีการฉีดล่าช้าหรือจำนวนคนที่ฉีดยังไม่ได้มากพอ ก็อาจเป็นข้อกังวลต่อการเดินทางมาไทยหรือเปิดให้คนต่างชาติมาไทย แม้ต่างชาติจะฉีดวัคซีนแล้ว
“
เอกชนท่องเที่ยวเราก็ติดตามการอภิปรายในเรื่องวัคซีน ก็ยังไม่เห็นอะไรที่คืบหน้ากว่าเราจะเบาใจได้ว่าเร็วๆนี้เราจะเข้าถึงวัคซีน และพร้อมจะเปิดให้ต่างชาติเข้ามาไทย ได้เมื่อไหร่แน่ แม้รัฐบาลพยายามให้มีวันหยุดหลายวันต่อเนื่อง ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์มี 2 ช่วง ช่วงแรกตรุษจีน 12-14 กุมภาพันธ์ พบว่าประชาชนยังไม่ตื่นตัวจะเดินทางหรือใช้จ่าย ก็เชื่อว่าช่วงสอง 26-28 กุมภาพันธ์นี้ตรงกับมาฆบูชา ก็น่าจะมีสถานการณ์เดียวกัน หากตอนนี้มีความชัดเจนเรื่องเข้าถึงวัคซีนได้ง่ายขึ้นก็จะช่วยฟื้นการท่องเที่ยวได้อีกทาง” นาย
สุรวัช กล่าว
นาย
สุรวัช กล่าวต่อว่า เรื่องวัคซีนนั้นรัฐบาลน่าจะทบทวนและเปิดกว้างให้คนไทยหรือต่างชาติในไทยได้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยรัฐก็เปิดให้บริษัทนำเข้ายาสามารถนำเข้าได้บนหลักเกณฑ์ของรัฐกำหนดว่าเป็นวัคซีนจากบริษัทใด ที่รัฐบาลรับรอง และสามารถให้คนที่อยู่ในไทยที่ยอมจ่าย สามารถฉีดได้ โดยที่รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณสำหรับคนต่างชาติหรือคนไทยที่พร้อมจ่ายเงินเพื่อได้ฉีดวัคซีน จากนั้นรัฐก็ทยอยเปิดแพคเกจจูงใจเที่ยวไทย เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน มาตรการกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐและหน่วยงานท้องถิ่นออกมาทำกิจกรรมและเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวที่มีการขึ้นทะเบียนกับกรมบัญชีกลาง เพื่อได้มีการตรวจสอบย้อนหลังจากการใช้มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ
“
ธุรกิจท่องเที่ยวขอเรื่องโคเพย์หรือรัฐช่วยค่าใช้จ่ายพนักงาน50% ก็ยังไม่ยังคืบหน้า ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ช่วงคุมเข้มโควิด ประเมินว่าอุตสาหกรรรมสูญอย่างต่ำ 1 แสนล้านบาทต่อเดือน หากไทยเปิดรับต่างชาติและเตรียมตัวไม่พร้อม นักท่องเที่ยวที่อั้นเที่ยวมานาน ก็หันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน ซึ่งกว่าจะดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยอีกครั้งอาจไม่ทันปลายปีนี้ตามที่คาดหวังกันไว้ก็ได้ ตอนนี้บอกตรงๆธุรกิจท่องเที่ยวทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่พยุงแรงงานเท่าที่ทำได้ ” นาย
สุรวัช กล่าว
นาย
สุรวัช กล่าวว่า การที่ครม.เห็นชอบให้ธนาคารออมสินออกมาตรการปล่อยกู้ช่วยธุรกิจท่องเที่ยวนั้น การปล่อยกู้หากยังเป็นเงื่อนไขเดิมๆ ก็ยากจะเข้าถึงแหล่งกู้ จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร การให้เอกชนทำธุรกิจได้เร็วจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้
ทีม 'คิดเพื่อไทย' เดินสายรับสมัครคนรุ่นใหม่ ร่วมแคมเปญ 'The Change Maker'
https://voicetv.co.th/read/vWYad0FIF
"คิดเพื่อไทย" ลงพื้นที่รับสมัครคนไฟแรงร่วมโครงการ The Change Maker ชี้ขอเป็นอีกพื้นที่หนึ่งในการรวบรวมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาประเทศ
ทีมคิดเพื่อไทยนำโดย
คณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการโครงการ พร้อมด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่
กวีวงศ์ อยู่วิจิตร,
วรรณะ เดชรา,
พชร ธรรมมล,
สรพันธ์ คุณากรวงศ์,
ใจพิชญ์ สุขุมาลจันทร์ และ
ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ลงพื้นที่ ณ อาคารที่ทำการชุมชนจัดสรรยาสูบ เขตบางนา-พระโขนง กรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงโครงการ The Change Maker พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนที่สนใจปัญหาบ้านเมืองและอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ร่วมสมัครเข้าโครงการ ซึ่งจัดโดยแพลตฟอร์ม Think คิดเพื่อไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ คนรุ่นใหญ่สนใจตอบรับเข้าร่วมโครงการอย่างมากมาย ภายในงานมีมาตรการการตรวจคัดกรองอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ของผู้มาร่วมรับฟังโครงการ และให้ทุกคนสวมหน้ากากอย่างเคร่งครัด
ปรับตัวครั้งใหญ่ท่ามกลางมหาวิกฤติ
ทั้งนี้
คณาพจน์ระบุว่าโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการ Disrupt ตนเองของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการปรับตัวครั้งใหญ่ท่ามกลางมหาวิกฤติที่สังคมไทยกำลังเผชิญ โดยการเปิดพื้นที่ให้กับคนกลุ่มใหม่ๆ ที่สนใจและตื่นตัวกับปัญหาบ้านเมือง และอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยตนเอง ให้มีโอกาสเข้ามาทำงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกับบุคลากรมากความสามารถทั้งจากในและนอกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป้าหมายของโครงการดังกล่าวคือการระดมสรรพกำลังของคนรุ่นใหม่และคนทุกรุ่นที่ยังมีไฟเข้ามาผนึกกำลังกับบุคลากรของพรรค เพื่อร่วมกันสร้างและออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์กับปัญหาหลากหลายด้านของสังคมไทยในปัจจุบัน ให้เป็นนโยบายที่สามารถลงมือทำได้จริง โดย
คณาพจน์ยังได้กล่าวอีกว่า
"
การแสดงออกความคิดเห็นทางการเมืองมีหลายรูปแบบ การร่วมโครงการนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะนำเอาความคิดมาแปลงเป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง จึงอยากให้ทุกคนที่มีไฟ มีความใฝ่ฝันในการกำหนดอนาคตประเทศเข้ามาสมัครก่อน 28 กพ. นี้ที่ช่องทาง fb.com/thinkpheuthai "
JJNY : 5in1 ม็อบ 20 กุมภา│บ.นำเที่ยวชี้วัคซีนคือคำตอบ│'คิดเพื่อไทย'เดินสายรับสมัคร│ป้อมฉุน 6 ดาวฤกษ์│ตร.เมียนมายิงม็อบ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2036599
บรรยากาศช่วงเย็น "ม็อบ 20 กุมภา" ปักหลักบริเวณทางเข้ารัฐสภา สลับกันอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา พร้อมจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เขียนข้อความลงฟิวเจอร์บอร์ด-เขียนจดหมายส่งให้ ส.ส.ในรัฐสภา
วันที่ 20 ก.พ. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่เริ่มนัดหมายมวลชนมารวมตัวกันที่รัฐสภา เกียกกาย ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา โดยมีแกนนำสลับกันพูดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้จัดกิจกรรมเขียนความรู้สึกลงในฟิวเจอร์บอร์ดสีขาวแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะเป็นระยะ
ล่าสุด เวลา 18.00 น. มีรายงานว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยมาร่วมกิจกรรม ตั้งแต่บริเวณทางเข้ารัฐสภา ยาวไปบนถนนสามเสน ซึ่งได้มีการปิดช่องการจราจรแล้วทั้ง 4 เลน
นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการจัดกิจกรรมเขียนจดหมายถึง ส.ส.ที่ไม่ไว้วางใจ ส่งต่อจดหมายไปยังรัฐสภา เพื่อแสดงพลังของประชาชน รวมทั้งประกาศว่า จะปักหลักชุมนุมเพียงจุดเดียวไม่เคลื่อนไปไหน และจะยุติกิจกรรมชุมนุมในเวลา 21.30 น.
บริษัทนำเที่ยว ชี้วัคซีนคือคำตอบฟื้นธุรกิจ จี้รัฐบาลเปิดโอกาสเอกชนฉีดวัคซีนเอง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2588640
นายสุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวติดตามเรื่องความคืบหน้าการฉีดวัคซีนของคนไทย ว่าจะเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ และจำนวนเท่าไหร่ เพราะเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคท่องเที่ยว นั่นคือ ตอนนี้ทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว เบื้องต้นทั่วโลกมีการฉีดกันถึง 100 ล้านโดส เท่ากับมี 50 ล้านคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสแล้ว และน่าจะถึง 100 ล้านคนในกลางปีนี้ เท่ากัยคนจำนวนี้จะสามารถเดินทางระหว่างประเทศที่มีการวัคซีนป้องกันกันได้แล้ว แต่ประเทศไทยหากมีการฉีดล่าช้าหรือจำนวนคนที่ฉีดยังไม่ได้มากพอ ก็อาจเป็นข้อกังวลต่อการเดินทางมาไทยหรือเปิดให้คนต่างชาติมาไทย แม้ต่างชาติจะฉีดวัคซีนแล้ว
“เอกชนท่องเที่ยวเราก็ติดตามการอภิปรายในเรื่องวัคซีน ก็ยังไม่เห็นอะไรที่คืบหน้ากว่าเราจะเบาใจได้ว่าเร็วๆนี้เราจะเข้าถึงวัคซีน และพร้อมจะเปิดให้ต่างชาติเข้ามาไทย ได้เมื่อไหร่แน่ แม้รัฐบาลพยายามให้มีวันหยุดหลายวันต่อเนื่อง ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์มี 2 ช่วง ช่วงแรกตรุษจีน 12-14 กุมภาพันธ์ พบว่าประชาชนยังไม่ตื่นตัวจะเดินทางหรือใช้จ่าย ก็เชื่อว่าช่วงสอง 26-28 กุมภาพันธ์นี้ตรงกับมาฆบูชา ก็น่าจะมีสถานการณ์เดียวกัน หากตอนนี้มีความชัดเจนเรื่องเข้าถึงวัคซีนได้ง่ายขึ้นก็จะช่วยฟื้นการท่องเที่ยวได้อีกทาง” นายสุรวัช กล่าว
นายสุรวัช กล่าวต่อว่า เรื่องวัคซีนนั้นรัฐบาลน่าจะทบทวนและเปิดกว้างให้คนไทยหรือต่างชาติในไทยได้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยรัฐก็เปิดให้บริษัทนำเข้ายาสามารถนำเข้าได้บนหลักเกณฑ์ของรัฐกำหนดว่าเป็นวัคซีนจากบริษัทใด ที่รัฐบาลรับรอง และสามารถให้คนที่อยู่ในไทยที่ยอมจ่าย สามารถฉีดได้ โดยที่รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณสำหรับคนต่างชาติหรือคนไทยที่พร้อมจ่ายเงินเพื่อได้ฉีดวัคซีน จากนั้นรัฐก็ทยอยเปิดแพคเกจจูงใจเที่ยวไทย เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน มาตรการกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐและหน่วยงานท้องถิ่นออกมาทำกิจกรรมและเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวที่มีการขึ้นทะเบียนกับกรมบัญชีกลาง เพื่อได้มีการตรวจสอบย้อนหลังจากการใช้มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ
“ธุรกิจท่องเที่ยวขอเรื่องโคเพย์หรือรัฐช่วยค่าใช้จ่ายพนักงาน50% ก็ยังไม่ยังคืบหน้า ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ช่วงคุมเข้มโควิด ประเมินว่าอุตสาหกรรรมสูญอย่างต่ำ 1 แสนล้านบาทต่อเดือน หากไทยเปิดรับต่างชาติและเตรียมตัวไม่พร้อม นักท่องเที่ยวที่อั้นเที่ยวมานาน ก็หันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน ซึ่งกว่าจะดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยอีกครั้งอาจไม่ทันปลายปีนี้ตามที่คาดหวังกันไว้ก็ได้ ตอนนี้บอกตรงๆธุรกิจท่องเที่ยวทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่พยุงแรงงานเท่าที่ทำได้ ” นายสุรวัช กล่าว
นายสุรวัช กล่าวว่า การที่ครม.เห็นชอบให้ธนาคารออมสินออกมาตรการปล่อยกู้ช่วยธุรกิจท่องเที่ยวนั้น การปล่อยกู้หากยังเป็นเงื่อนไขเดิมๆ ก็ยากจะเข้าถึงแหล่งกู้ จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร การให้เอกชนทำธุรกิจได้เร็วจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้
ทีม 'คิดเพื่อไทย' เดินสายรับสมัครคนรุ่นใหม่ ร่วมแคมเปญ 'The Change Maker'
https://voicetv.co.th/read/vWYad0FIF
"คิดเพื่อไทย" ลงพื้นที่รับสมัครคนไฟแรงร่วมโครงการ The Change Maker ชี้ขอเป็นอีกพื้นที่หนึ่งในการรวบรวมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาประเทศ
ทีมคิดเพื่อไทยนำโดย คณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการโครงการ พร้อมด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ กวีวงศ์ อยู่วิจิตร, วรรณะ เดชรา, พชร ธรรมมล, สรพันธ์ คุณากรวงศ์, ใจพิชญ์ สุขุมาลจันทร์ และ ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ลงพื้นที่ ณ อาคารที่ทำการชุมชนจัดสรรยาสูบ เขตบางนา-พระโขนง กรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงโครงการ The Change Maker พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนที่สนใจปัญหาบ้านเมืองและอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ร่วมสมัครเข้าโครงการ ซึ่งจัดโดยแพลตฟอร์ม Think คิดเพื่อไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ คนรุ่นใหญ่สนใจตอบรับเข้าร่วมโครงการอย่างมากมาย ภายในงานมีมาตรการการตรวจคัดกรองอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ของผู้มาร่วมรับฟังโครงการ และให้ทุกคนสวมหน้ากากอย่างเคร่งครัด
ปรับตัวครั้งใหญ่ท่ามกลางมหาวิกฤติ
ทั้งนี้ คณาพจน์ระบุว่าโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการ Disrupt ตนเองของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการปรับตัวครั้งใหญ่ท่ามกลางมหาวิกฤติที่สังคมไทยกำลังเผชิญ โดยการเปิดพื้นที่ให้กับคนกลุ่มใหม่ๆ ที่สนใจและตื่นตัวกับปัญหาบ้านเมือง และอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยตนเอง ให้มีโอกาสเข้ามาทำงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกับบุคลากรมากความสามารถทั้งจากในและนอกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป้าหมายของโครงการดังกล่าวคือการระดมสรรพกำลังของคนรุ่นใหม่และคนทุกรุ่นที่ยังมีไฟเข้ามาผนึกกำลังกับบุคลากรของพรรค เพื่อร่วมกันสร้างและออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์กับปัญหาหลากหลายด้านของสังคมไทยในปัจจุบัน ให้เป็นนโยบายที่สามารถลงมือทำได้จริง โดยคณาพจน์ยังได้กล่าวอีกว่า
"การแสดงออกความคิดเห็นทางการเมืองมีหลายรูปแบบ การร่วมโครงการนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะนำเอาความคิดมาแปลงเป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง จึงอยากให้ทุกคนที่มีไฟ มีความใฝ่ฝันในการกำหนดอนาคตประเทศเข้ามาสมัครก่อน 28 กพ. นี้ที่ช่องทาง fb.com/thinkpheuthai "