อัพแล้ว Ep.2 !!! ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านบทความครับ
Ep.2 Lao Pai Loei : ธรรมชาติพิศวงบนหมู่เกาะชวา
หลังจากที่ผมได้รู้จักกับความงดงามของ Kawah Ijien กันแล้ว ผมก็เดินทางต่อไปยังอีกสถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นความสวยงามอีกที่หนึง่งของอินโดนีเซีย ซึ่งใครที่มาเที่ยวอินโดนีเซียแล้วไม่มาที่นี่ถือว่าพลาดมาก กับความงดงามของ"Mount Bromo" ซึ่งการเดินทางจะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อได้เลยครับ
สำหรับใครที่พลาด Ep.ก่อนหน้านี้ไปสามารถกลับไปอ่านย้อนหลังได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ
Ep.1 Lao Pai Loei : ธรรมชาติพิศวงบนหมู่เกาะชวา
https://pantip.com/topic/40504204
หากทุกท่านอยากอ่านเรื่องราวหรือบทความที่ดีมีสาระ สามารถเข้าไปติดตามเพื่อเป็นกำลังใจได้ที่
Blockdit page "Lao Pai Loei : เล่าไปเลย" สามารถคลิ๊กลิ้งค์เพจข้างนี้เลยครับ
https://www.blockdit.com/pages/600c2774647af50ce03da413

หากพูดถึงภูเขาไฟ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็คงจินตนาการถึงความน่าเกรงขาม และความน่ากลัวเมื่อภูเขาไฟเกิดการระเบิดและพ่นลาวาสูงเฉียดฟ้า ทั้งๆ ที่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ภูเขาไฟถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าพิศวงด้วยมีทัศนียภาพที่สวยงามซับซ้อน ดูน่าค้นหายิ่งนัก ผมเดินทางจาก Kawah Ijien มายัง Mount Bromo ใช้เวลาเดินทาวกว่า 5-6 ชั่วโมงเพราะการสัญจรที่นี่ค่อนข้างติดขนัด รถยนต์ส่วนตัวไม่สามารถทำความเร็วได้เท่าที่ควร เมื่อมาถึงที่หมู่บ้าน Ceromo Village เราก็จัดการเก็บข้าวของเข้าที่พัก ซึ่งระหว่างทางที่มานั้นจะต้องขับรถไต่ขึ้นภูเขาทำระดับมาเรื่อยๆ วิวข้างทางนั้นเต็มไปด้วยสีเขียวของธรรมชาติกับอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นโบกปลิวสไวยมันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆเลย ในหมู่บ้านก็จะเป็นถนนที่แคบเล็กน้อย บรรยากาศก็จะเงียบเหงานิดหน่อย แต่ผู้คนที่หมู่บ้านแห่งนี้ อัธยาศัยดีกันมากเลย ต่างคนก็พากันเข้ามาทักทายนักท่องเที่ยวกันใหญ่ อาชีพของคนท้องถิ่นที่นี่ก็จะทำไร่ ทำสวน

ผมพักที่ Cemara Indah hotel ซึ่งเป็นที่พักที่อยู่ใกล้กับ Mount Bromo มากเลย เมื่อเก็บข้าวของเข้าที่พักเรียบร้อย ผมก็ได้เดินสำรวจบริเวณรอบโรงแรม ซึ่งด้านหน้าของโรงแรมนั้น จะหันหน้าไปยัง Mount Bromo เราสามารถมองเห็นวิวของภูเขาไฟโบรโม่ได้อย่างชัดเจน ภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมนั้นก็คือ Mount Bromo มันสวยยิ่งใหญ่อลังการมาก ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง ผมและเพื่อนก็ได้นั่งชมความสวยงามอยู่บริเวณหน้าโรงแรมกันสักพักใหญ่เลย และเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เราก็ได้เห็นความอัศจรรย์ของ Mount Bromo ก็คือ ระหว่างที่เรานั่งชมความสวยงามอยู่นั้น จู่ๆก็มีกลุ่มก้อนเมฆเข้ามาปกคลุมรอบภูเขาไฟเยอะมากจนทำให้เราไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย ผ่านไปสักพักกลุ่มก้อนเมฆนั้นก็ได้เคลื่อนตัวหายไปและบริเวณภูเขาไฟก็เกิดเป็นกลุ่มเมฆหมอกคล้ายวงแหวนเกิดขึ้น และบริเวณรอบข้างของภูเขาไฟยังมีคลื่นหมอกเคลื่อนตัวอยู่บนหน้าผา ตามภาพที่ผมได้ถ่ายไว้ ผมกับเพื่อนๆรู้สึกได้ถึงความมหัสจรรย์ของที่นี่เป็นอย่างมาก

พอตกเย็นผมกับเพื่อนก็ได้นัดกันทานข้าวเย็นที่ห้องรับประทานอาหารของโรงแรม และคุยเรื่องการเตรียมตัวตะลุย Mount Bromo กันในวันพรุ่งนี้ ไกด์นัดเรา ตี3 เพื่อขึ้นรถจิ๊บและเดินทางไปยังหน้าผา Penanjakan เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่นกัน
เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นผมก็จัดการเตรียมอุปกรณ์กล้อง โทรศัพท์ ให้พร้อมและเดินมารอไกด์ที่รถจิ๊บ ต้องร้องโอ้ว!! ดังๆเพราะไม่คิดเลยว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ต่างคนก็ต่างมารอที่รถจิ๊บของตัวเองเพื่อเดินทางขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นเช่นกัน จากตอนที่เรามาเหมือนไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวกัน ไม่รู้ว่าผู้คนมากจากไหนกันเยอะมาก เมื่อขึ้นรถแล้วไกด์ท้องถิ่นก็พาเราขับไต่เขาขึ้นไปยัง Penanjakan view point ผมคิดว่าผมมาเร็วแล้ว แต่ที่ไหนได้มีผู้คนขึ้นมาถึงจุดชมวิวนี้กันก่อนเยอะมากเพื่อมาจับจองจุดถ่ายรูปกัน

เมื่อผมเชยชมความงดงามของภูเขาไฟบนจุดชมวิวเรียบร้อยแล้ว ไกด์บอกว่าจะพาเราไปชมกันใกล้ๆเลย หลังจากนั้นเองเราก็ขับรถลงไปใกล้ๆกับภูเขาไฟ ซึ่งทางลงเขาเองก็น่ากลัวไม่แพ้ที่ใด เป็นทางสองเลยเล็กๆด้านข้างเป็นเหวมีเพียงไม้กั้นเท่านั้น แต่ผมชอบธรรมชาติที่นี่มากเลย ทั้งๆที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟแท้ๆแต่ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ก็ยังมีให้เห็น สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้ายังคงงดงามเช่นเคย

ไกด์ได้จอดรถไปยังจุดจอด โดยให้นักท่องเที่ยวได้เดินไปชมภูเขาไฟกันใกล้ๆ ซึ่งถ้าใครขี้เกียจเดินก็จะมีม้าคอยบริการนั่งท่องเที่ยวด้วย ผมเดินเท้ามายัง Mount Batok ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกถึงความพิศวงและน่าเกร็งขามเพราะว่ามันใหญ่มาก บริเวณของภูเขาเองยังร่องลอยของลาวาที่ไหลลงมายังพื้น เป็นทางลาวาที่กว้างและยาวมาก

เมื่อเดินเท้ามาถึงหน้าภูเขาไฟโบรโม่ ก็ต้องตกตะลึงกับความอัศจรรย์เพราะทางเดินขึ้นเขานั้นเป็นร่องลึกของการไหลลาวา บางล่องนั้นลึกเกือบ 3 ได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ปริมาณลาวาตอนที่ภูเขาไฟปะทุจะมีปริมาณเยอะมากเพียงใด แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ ณ จุดขึ้นไปยังปากปล่องภูเขาไฟ ผมไม่สามารถขึ้นไปได้เพราะได้มีการปิดปรับปรุงบันไดทางขึ้นอยู่ แต่ไม่เป็นไรแค่ได้เดินทางมายังจุดนี้ สำหรับผมก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว

การเดินทางมาเที่ยวที่เกาะชวาของผมครั้งนี้ ผมได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนพื้นเมือง ได้ทานอาหารประจำถิ่น ได้มุมมองการใช้ชีวิตใหม่เพิ่มเติม ผมเองอยากแนะนำให้เพื่อนๆทุกท่าน มาเที่ยว ณ สถานที่แห่งนี้เพราะมันสวยงามมาก เหมือนกับเราหลงเข้าไปอยู่ดินแดนไหนสักแห่งเลย ประสบการณ์อันล้ำค่าสำหรับชีวิต
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตามแล้วพบกันกับการเดินทางครั้งใหม่ ผมจะพาไปที่ไหนนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะครับ _/\_
Lao Pai Loei : เล่าไปเลย
Ep.2 Lao Pai Loei : ธรรมชาติพิศวงบนหมู่เกาะชวา
Ep.2 Lao Pai Loei : ธรรมชาติพิศวงบนหมู่เกาะชวา
หลังจากที่ผมได้รู้จักกับความงดงามของ Kawah Ijien กันแล้ว ผมก็เดินทางต่อไปยังอีกสถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นความสวยงามอีกที่หนึง่งของอินโดนีเซีย ซึ่งใครที่มาเที่ยวอินโดนีเซียแล้วไม่มาที่นี่ถือว่าพลาดมาก กับความงดงามของ"Mount Bromo" ซึ่งการเดินทางจะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อได้เลยครับ
สำหรับใครที่พลาด Ep.ก่อนหน้านี้ไปสามารถกลับไปอ่านย้อนหลังได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ
Ep.1 Lao Pai Loei : ธรรมชาติพิศวงบนหมู่เกาะชวา https://pantip.com/topic/40504204
หากทุกท่านอยากอ่านเรื่องราวหรือบทความที่ดีมีสาระ สามารถเข้าไปติดตามเพื่อเป็นกำลังใจได้ที่
Blockdit page "Lao Pai Loei : เล่าไปเลย" สามารถคลิ๊กลิ้งค์เพจข้างนี้เลยครับ https://www.blockdit.com/pages/600c2774647af50ce03da413
หากพูดถึงภูเขาไฟ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็คงจินตนาการถึงความน่าเกรงขาม และความน่ากลัวเมื่อภูเขาไฟเกิดการระเบิดและพ่นลาวาสูงเฉียดฟ้า ทั้งๆ ที่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ภูเขาไฟถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าพิศวงด้วยมีทัศนียภาพที่สวยงามซับซ้อน ดูน่าค้นหายิ่งนัก ผมเดินทางจาก Kawah Ijien มายัง Mount Bromo ใช้เวลาเดินทาวกว่า 5-6 ชั่วโมงเพราะการสัญจรที่นี่ค่อนข้างติดขนัด รถยนต์ส่วนตัวไม่สามารถทำความเร็วได้เท่าที่ควร เมื่อมาถึงที่หมู่บ้าน Ceromo Village เราก็จัดการเก็บข้าวของเข้าที่พัก ซึ่งระหว่างทางที่มานั้นจะต้องขับรถไต่ขึ้นภูเขาทำระดับมาเรื่อยๆ วิวข้างทางนั้นเต็มไปด้วยสีเขียวของธรรมชาติกับอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นโบกปลิวสไวยมันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆเลย ในหมู่บ้านก็จะเป็นถนนที่แคบเล็กน้อย บรรยากาศก็จะเงียบเหงานิดหน่อย แต่ผู้คนที่หมู่บ้านแห่งนี้ อัธยาศัยดีกันมากเลย ต่างคนก็พากันเข้ามาทักทายนักท่องเที่ยวกันใหญ่ อาชีพของคนท้องถิ่นที่นี่ก็จะทำไร่ ทำสวน
ผมพักที่ Cemara Indah hotel ซึ่งเป็นที่พักที่อยู่ใกล้กับ Mount Bromo มากเลย เมื่อเก็บข้าวของเข้าที่พักเรียบร้อย ผมก็ได้เดินสำรวจบริเวณรอบโรงแรม ซึ่งด้านหน้าของโรงแรมนั้น จะหันหน้าไปยัง Mount Bromo เราสามารถมองเห็นวิวของภูเขาไฟโบรโม่ได้อย่างชัดเจน ภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมนั้นก็คือ Mount Bromo มันสวยยิ่งใหญ่อลังการมาก ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง ผมและเพื่อนก็ได้นั่งชมความสวยงามอยู่บริเวณหน้าโรงแรมกันสักพักใหญ่เลย และเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เราก็ได้เห็นความอัศจรรย์ของ Mount Bromo ก็คือ ระหว่างที่เรานั่งชมความสวยงามอยู่นั้น จู่ๆก็มีกลุ่มก้อนเมฆเข้ามาปกคลุมรอบภูเขาไฟเยอะมากจนทำให้เราไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย ผ่านไปสักพักกลุ่มก้อนเมฆนั้นก็ได้เคลื่อนตัวหายไปและบริเวณภูเขาไฟก็เกิดเป็นกลุ่มเมฆหมอกคล้ายวงแหวนเกิดขึ้น และบริเวณรอบข้างของภูเขาไฟยังมีคลื่นหมอกเคลื่อนตัวอยู่บนหน้าผา ตามภาพที่ผมได้ถ่ายไว้ ผมกับเพื่อนๆรู้สึกได้ถึงความมหัสจรรย์ของที่นี่เป็นอย่างมาก
พอตกเย็นผมกับเพื่อนก็ได้นัดกันทานข้าวเย็นที่ห้องรับประทานอาหารของโรงแรม และคุยเรื่องการเตรียมตัวตะลุย Mount Bromo กันในวันพรุ่งนี้ ไกด์นัดเรา ตี3 เพื่อขึ้นรถจิ๊บและเดินทางไปยังหน้าผา Penanjakan เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่นกัน
เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นผมก็จัดการเตรียมอุปกรณ์กล้อง โทรศัพท์ ให้พร้อมและเดินมารอไกด์ที่รถจิ๊บ ต้องร้องโอ้ว!! ดังๆเพราะไม่คิดเลยว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ต่างคนก็ต่างมารอที่รถจิ๊บของตัวเองเพื่อเดินทางขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นเช่นกัน จากตอนที่เรามาเหมือนไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวกัน ไม่รู้ว่าผู้คนมากจากไหนกันเยอะมาก เมื่อขึ้นรถแล้วไกด์ท้องถิ่นก็พาเราขับไต่เขาขึ้นไปยัง Penanjakan view point ผมคิดว่าผมมาเร็วแล้ว แต่ที่ไหนได้มีผู้คนขึ้นมาถึงจุดชมวิวนี้กันก่อนเยอะมากเพื่อมาจับจองจุดถ่ายรูปกัน
เมื่อผมเชยชมความงดงามของภูเขาไฟบนจุดชมวิวเรียบร้อยแล้ว ไกด์บอกว่าจะพาเราไปชมกันใกล้ๆเลย หลังจากนั้นเองเราก็ขับรถลงไปใกล้ๆกับภูเขาไฟ ซึ่งทางลงเขาเองก็น่ากลัวไม่แพ้ที่ใด เป็นทางสองเลยเล็กๆด้านข้างเป็นเหวมีเพียงไม้กั้นเท่านั้น แต่ผมชอบธรรมชาติที่นี่มากเลย ทั้งๆที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟแท้ๆแต่ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ก็ยังมีให้เห็น สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้ายังคงงดงามเช่นเคย
ไกด์ได้จอดรถไปยังจุดจอด โดยให้นักท่องเที่ยวได้เดินไปชมภูเขาไฟกันใกล้ๆ ซึ่งถ้าใครขี้เกียจเดินก็จะมีม้าคอยบริการนั่งท่องเที่ยวด้วย ผมเดินเท้ามายัง Mount Batok ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกถึงความพิศวงและน่าเกร็งขามเพราะว่ามันใหญ่มาก บริเวณของภูเขาเองยังร่องลอยของลาวาที่ไหลลงมายังพื้น เป็นทางลาวาที่กว้างและยาวมาก
เมื่อเดินเท้ามาถึงหน้าภูเขาไฟโบรโม่ ก็ต้องตกตะลึงกับความอัศจรรย์เพราะทางเดินขึ้นเขานั้นเป็นร่องลึกของการไหลลาวา บางล่องนั้นลึกเกือบ 3 ได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ปริมาณลาวาตอนที่ภูเขาไฟปะทุจะมีปริมาณเยอะมากเพียงใด แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ ณ จุดขึ้นไปยังปากปล่องภูเขาไฟ ผมไม่สามารถขึ้นไปได้เพราะได้มีการปิดปรับปรุงบันไดทางขึ้นอยู่ แต่ไม่เป็นไรแค่ได้เดินทางมายังจุดนี้ สำหรับผมก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
การเดินทางมาเที่ยวที่เกาะชวาของผมครั้งนี้ ผมได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนพื้นเมือง ได้ทานอาหารประจำถิ่น ได้มุมมองการใช้ชีวิตใหม่เพิ่มเติม ผมเองอยากแนะนำให้เพื่อนๆทุกท่าน มาเที่ยว ณ สถานที่แห่งนี้เพราะมันสวยงามมาก เหมือนกับเราหลงเข้าไปอยู่ดินแดนไหนสักแห่งเลย ประสบการณ์อันล้ำค่าสำหรับชีวิต
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตามแล้วพบกันกับการเดินทางครั้งใหม่ ผมจะพาไปที่ไหนนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะครับ _/\_
Lao Pai Loei : เล่าไปเลย