คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1.กดเครื่องหมายสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านข้างเครื่องหมายปุ่มโฮม เพื่อเข้าหน้าRecent Appsที่มีมีการเปิดใช้แบบค้างคาการแย่งแรมไปใช้
2.กดเคลียร์แอปฯเหล่านั้นออกจากRecent Apps ยกเว้นแอปฯที่คุณกำลังใช้งานในขณะนั้นๆ
3.กดเข้าเมนูที่จะทำให้ลบแคชของแอปฯต่างๆได้ ที่อยู่ในเมนูการตั้งค่าเครื่องโทรศัพท์
4.กดลบแคชของทุกแอปฯเท่าที่มีให้กดได้
5.รีบู๊ต(รึสตาร์ท)เครื่อง 1 รอบ หลังลบแคชเรียบร้อย
ุ6. แอปฯไหนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ แล้วมีปุ่มให้ถอนการติดตั้งได้ ก็ควรถอนการติดตั้งออกไป
7.ถ้าเป็นรุ่นที่มีช่องใส่Micro SD Cardให้ใช้ ก็ควรหาMicro SD Cardของแท้ มาใช้เก็บไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ(ไฟล์ภาพ,เอกสาร,เพลง,คลิป) ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ควรเก็บไฟล์ภาพ,เพลง,คลิป,เอกสารไว้ในInternal Storageเครื่อง ถ้าไม่ใช้Micro SD Card ก็ใช้พวกCloud Storageต่างๆในการเก็บไฟล์พวกนั้นก็ได้ หรือ เก็บไฟล์พวกนั้นในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้ หรือ ต่อOTGกับFlash Driveเพื่อใช้เก็บไฟล์เหล่านั้นก็ได้ และไม่ควรเก็บไฟล์พวกนั้นไว้เพียงแหล่งเดียว ควรเก็บไว้อย่างน้อย 2 แหล่ง(ถ้าเป็นไฟล์ที่สำคัญ)
Storageเครื่องเอาไว้ติดตั้งพวกแอปฯและไฟล์ที่พวกแอปฯสร้างขึ้นขณะมีการใช้แอปฯ จะเหมาะกว่า(แต่ถ้าจำเป็น ก็ใช้เก็บพวกไฟล์มัลติมีเดียได้ล่ะนะ) แต่อย่าปล่อยให้Storageเหลือน้อยกว่า 3 GB เด็ดขาด
นี่คือวิธีบรรเทาความหน่วงของระบบAndroid OS
...
1.เลือกซื้อเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น และควรเป็นรุ่นที่เปิดตัวมานับถึงวันที่จะซื้อ ยังไม่เกิน 15 เดือน เพื่อจะได้ยังมีการรับประกันความปกติจากการใช้ปกติจากศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆ และจะได้รุ่นที่ติดตั้งOSที่ไม่ล้าสมัยด้วย และควรซื้อแบบไม่ติดสัญญาทาสใดๆทั้งนั้น
.
2.ไม่หลงเชื่อการอวยรุ่นมั่วๆในพันทิปของพวกหน้าม้าที่อวยแบบเกินจริงไปมาก
.
3.ถ้าซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ต้องไม่หลงโอนเงินให้มิจฉาชีพทางTrue Money Wallet และบัญชีธนาคารส่วนตัว ที่ชื่อบัญชีบ่งบอกว่าเป็นคนละชื่อคนละนามสกุลกับคนที่แชทสนทนาด้วย ถ้าซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ควรซื้อผ่านแอปฯสรรพสินค้าออนไลน์ในร้านที่ได้คะแนนความประพฤติดีๆมากๆในแอปฯเหล่านั้น และชำระเงินตามช่องทางที่แอปฯนั้นๆกำหนดไว้ให้เท่านั้น
.
4.ผู้จะใช้เครื่อง ควรหาโอกาสไปลองเครื่องจริงของรุ่นต่างๆยี่ห้อต่างๆในShopหรือBoothตามห้าง แล้วพิจารณาเลือกรุ่นที่คุณเอง ถือได้ถนัดมือตนเอง,คุณไม่งงเมนูการใช้ของรุ่นนั้นๆ,รุ่นนั้นๆโฆษณาว่าให้แรมไม่น้อยกว่า 4 GB(โฆษณาว่าให้แรมเยอะ ก็ย่อมโฆษณาว่าให้Storageมาเยอะด้วยเช่นกันอยู่แล้ว) โดยรุ่นนั้นๆเป็นรุ่นของยี่ห้อแบบInterbrandเท่านั้น , คุณพอใจผลของภาพถ่ายที่แสดงที่จอของรุ่นนั้นๆ , รุ่นนั้นๆมีระบุสเปคว่ารองรับคลื่นความถี่เทคโนโลยีสัญญาณโทรศัพท์ ของเครือข่ายที่คุณใช้ เช่น มีระบุว่ารองรับ 4G(LTE) TDD B41(2500 MHz.)[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
5.ไม่ควรหลงซื้อรุ่นที่โฆษณาว่าใช้Android แบบGo Edition และ รุ่นที่โฆษณาว่าใช้Huawei Mobile Service(HMS) แต่ควรซื้อรุ่นที่โฆษณาว่าใช้Androidแบบปกติและที่โฆษณาว่ามีGoogle Mobile Service(GMS)เท่านั้น
นี่คือวิธีการเลือกซื้อโทรศัพท์ ให้ได้รุ่นที่เหมาะกับแต่ละบุคคลที่มีงบไม่เกิน 5,000 บาท ได้จริงๆ ได้
2.กดเคลียร์แอปฯเหล่านั้นออกจากRecent Apps ยกเว้นแอปฯที่คุณกำลังใช้งานในขณะนั้นๆ
3.กดเข้าเมนูที่จะทำให้ลบแคชของแอปฯต่างๆได้ ที่อยู่ในเมนูการตั้งค่าเครื่องโทรศัพท์
4.กดลบแคชของทุกแอปฯเท่าที่มีให้กดได้
5.รีบู๊ต(รึสตาร์ท)เครื่อง 1 รอบ หลังลบแคชเรียบร้อย
ุ6. แอปฯไหนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ แล้วมีปุ่มให้ถอนการติดตั้งได้ ก็ควรถอนการติดตั้งออกไป
7.ถ้าเป็นรุ่นที่มีช่องใส่Micro SD Cardให้ใช้ ก็ควรหาMicro SD Cardของแท้ มาใช้เก็บไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ(ไฟล์ภาพ,เอกสาร,เพลง,คลิป) ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ควรเก็บไฟล์ภาพ,เพลง,คลิป,เอกสารไว้ในInternal Storageเครื่อง ถ้าไม่ใช้Micro SD Card ก็ใช้พวกCloud Storageต่างๆในการเก็บไฟล์พวกนั้นก็ได้ หรือ เก็บไฟล์พวกนั้นในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้ หรือ ต่อOTGกับFlash Driveเพื่อใช้เก็บไฟล์เหล่านั้นก็ได้ และไม่ควรเก็บไฟล์พวกนั้นไว้เพียงแหล่งเดียว ควรเก็บไว้อย่างน้อย 2 แหล่ง(ถ้าเป็นไฟล์ที่สำคัญ)
Storageเครื่องเอาไว้ติดตั้งพวกแอปฯและไฟล์ที่พวกแอปฯสร้างขึ้นขณะมีการใช้แอปฯ จะเหมาะกว่า(แต่ถ้าจำเป็น ก็ใช้เก็บพวกไฟล์มัลติมีเดียได้ล่ะนะ) แต่อย่าปล่อยให้Storageเหลือน้อยกว่า 3 GB เด็ดขาด
นี่คือวิธีบรรเทาความหน่วงของระบบAndroid OS
...
1.เลือกซื้อเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น และควรเป็นรุ่นที่เปิดตัวมานับถึงวันที่จะซื้อ ยังไม่เกิน 15 เดือน เพื่อจะได้ยังมีการรับประกันความปกติจากการใช้ปกติจากศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆ และจะได้รุ่นที่ติดตั้งOSที่ไม่ล้าสมัยด้วย และควรซื้อแบบไม่ติดสัญญาทาสใดๆทั้งนั้น
.
2.ไม่หลงเชื่อการอวยรุ่นมั่วๆในพันทิปของพวกหน้าม้าที่อวยแบบเกินจริงไปมาก
.
3.ถ้าซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ต้องไม่หลงโอนเงินให้มิจฉาชีพทางTrue Money Wallet และบัญชีธนาคารส่วนตัว ที่ชื่อบัญชีบ่งบอกว่าเป็นคนละชื่อคนละนามสกุลกับคนที่แชทสนทนาด้วย ถ้าซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ควรซื้อผ่านแอปฯสรรพสินค้าออนไลน์ในร้านที่ได้คะแนนความประพฤติดีๆมากๆในแอปฯเหล่านั้น และชำระเงินตามช่องทางที่แอปฯนั้นๆกำหนดไว้ให้เท่านั้น
.
4.ผู้จะใช้เครื่อง ควรหาโอกาสไปลองเครื่องจริงของรุ่นต่างๆยี่ห้อต่างๆในShopหรือBoothตามห้าง แล้วพิจารณาเลือกรุ่นที่คุณเอง ถือได้ถนัดมือตนเอง,คุณไม่งงเมนูการใช้ของรุ่นนั้นๆ,รุ่นนั้นๆโฆษณาว่าให้แรมไม่น้อยกว่า 4 GB(โฆษณาว่าให้แรมเยอะ ก็ย่อมโฆษณาว่าให้Storageมาเยอะด้วยเช่นกันอยู่แล้ว) โดยรุ่นนั้นๆเป็นรุ่นของยี่ห้อแบบInterbrandเท่านั้น , คุณพอใจผลของภาพถ่ายที่แสดงที่จอของรุ่นนั้นๆ , รุ่นนั้นๆมีระบุสเปคว่ารองรับคลื่นความถี่เทคโนโลยีสัญญาณโทรศัพท์ ของเครือข่ายที่คุณใช้ เช่น มีระบุว่ารองรับ 4G(LTE) TDD B41(2500 MHz.)[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
5.ไม่ควรหลงซื้อรุ่นที่โฆษณาว่าใช้Android แบบGo Edition และ รุ่นที่โฆษณาว่าใช้Huawei Mobile Service(HMS) แต่ควรซื้อรุ่นที่โฆษณาว่าใช้Androidแบบปกติและที่โฆษณาว่ามีGoogle Mobile Service(GMS)เท่านั้น
นี่คือวิธีการเลือกซื้อโทรศัพท์ ให้ได้รุ่นที่เหมาะกับแต่ละบุคคลที่มีงบไม่เกิน 5,000 บาท ได้จริงๆ ได้
แสดงความคิดเห็น
ช่วยแนะนำโทรศัพท์ ไม่เกินห้าพันหน่อยค่ะ