บอกก่อนเลย เราเป็นคนชอบ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม แบบ อยู่บ้าน ตั้งสัจจะ อธิษฐาน และฟังธรรม ในยามว่าง เราแทบจะไม่ไปวัดเลย ที่ อยู่ ตปท มาสิบกว่าปี คือไป ครั้งเดียว และไปแบบไม่มั่นใจทำตัวไม่ถูก เวลาไครมีปัญหาชีวิต คุยกับเรานี่ เราจะถามว่า เป็นพุทธ หรือ เปล่า ทำไมไม่เอาแนวทางพระพุทธเจ้าไปใช้ หลายคน พ้น สภาวะซึมเศร้า เพราะคำพูดเราไปกระตุก ต่อมใต้สำนึกเขาให้หลุด จาก กรงแห่งความคิด ที่ขังตัวเอง น้อง คนนี้เราก็ ช่วยแบบตกกระได พลอยโจน และ เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่ตาขวาง จิตใจหนักหน่วง เครียดมาก จนเป็นคน ปกติ เราพูดได้เต็มปากคำสอน พระพุทธเจ้าใช้ได้ทุกกาล
เราทำงานอยู่ ตปท มีลูกวัยเล็กๆสองคน ทำงานบ้านงานนอกบ้าน พาลูกทำกิจกรรม อ่านพันทิป สวดมนต์ก็หมดเวลา ที่จะมีเพื่อนนอกบ้านแบบจริงจัง มีช่วงปิดเทอมและวันหยุดพักผ่อนยาว เราพาลูกไป เล่น Skate ตามปกติเราเจอน้องคนลาว ที่พูดไทยได้ดี (พูด อ่านอังกฤษได้นิดหน่อย เขาทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่สมัครเฟชบุค เปิด อีเมล์ อ่าน จม และอื่นๆ เราต้องทำให้เกือบหมด)และมีลูกรุ่นใกล้ๆกันได้ มาขอร้องให้เรา ไปฟัง ศาล เรื่องคดี ของเขา เราก็แบบ เอ่ออ คือ เสียเวลาและแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเค้าไม่มีไคร เลยยินยอมไป ด้วย ระหว่างนั้นน้องก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง เล่าไปร้องไห้ไปรวมถึง ค่าทนายที่จะต้องจ่ายเป็นจำนวนเริ่มต้นถึง $22,000 ประมาณ 5 แสนบาท ด้วยที่เราเคยมีประสพการณ์ ฟังเพื่อนๆเรื่องคดี นั่นนี่ และรู้จักพี่ คนอื่น ที่เขาเคยเจอเรื่องเเบบนี้โดยตรง ประกอบกับเราว่างพอ และสามารถช่วยเขาได้ เพราะเราพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดี ระดับหนึ่งและคล่องเรือ่งการโทรถามคนอื่น สุดท้ายเราบอกให้เขายกเลิกทนาย เรา ดำเนินการทุกอย่างให้เกือบทั้งหมดด้วยตัวเอง เพื่อไม่ต้องจ่ายเงินค่าทนายเพราะเขามีทนาย ช่วยเหลื่อจากรัฐบาลที่เราใช้เขาได้ คู่กรณีเสียเงินค่าทนายไปแสนกว่า$ คือ 3 ล้านกว่าบาท
เราก็ไม่แปลกใจค่าทนายความ เพราะ Affidavit ของเขามีเรื่องที่ไร้สาระเยอะมาก เนื้อหา ซำ้ไปมา เราก็สงสารคู่กรณี ( สามี) บางที เราคิดว่า ทนายเนียะ ไม่ต่างอะไรจาก scammer เลย ถือโอกาสหาเงินบนความทุกข์ ความหลง โมหะ คนอื่น
เราทำงานด้วยความหนักใจเพราะเราไม่เคยทำ บางที่เราก็พูด ขึ้น มึ๊ง กู๊ บอกให้หยุด มีเขวี้ยงของใส่ด้วย เพราะ เราบอกให้ เขา Sh, sh... จน Shut Up ก็ยังไม่หยุด คืองานจะไม่เสร็จเพราะเราตอบคำถามออกไปทะเลกัน เลิกรากันไป เราก็ขอโทษเขา และเราบอกให้เขา หายใจ แบบพุทธ- โธ ไป ห้ามพูด จนกว่าเราจะเขียนงานเสร็จ ไม่งั้นจะเสียเวลา
การหายใจเป็นสำคัญมาก ความคิดที่เข้าหัวไม่สำคัญไม่ตรงประเด็น คือหายใจทิ้งไป และ เวลาเขาพูดกับเรา แรกๆก็ตาแข็งหลบตา เราบอกว่า วาง วาง ว๊างงง มองตา พี่ แล้ว วางๆ ว๊างงงก่อน หายใจไปก่อน พอโล่งแล้วเราคุยต่อ ห้ามหลบตาไปคิดอย่างอื่น ให้มองตาหายใจไป พุทธ โธ พุทธ โธ วางความคิดไปเรื่อยๆห้ามพูดมากให้ ตอบเท่าที่เราถาม
เราต้องเขียนตอบ affidavit ให้ น้องตอบไม่ค่อยตรงคำถาม ก็เรียนรู้กันไป เพื่อประมวลผลข้อมูลโต้แย้งอีกฝั่ง แต่โชคเข้าข้างฝั่งเรามีหลักฐานสำคัญโดยบังเอิญ โอกาสชนะเลยสูงมาก
ขึ้นศาล เรา ก็ต้องไปกับเขาค่ะ สองสามครั้ง วันทั้งวัน บอกเลยว่าเราไม่เคยทำอะไรให้ไครแบบนี้มาก่อนจะ เลิกกลางทางก็ไม่ได้ สงสาร กลัวกระทบกับเด็ก กลัวเข้าแพ้แล้วจะลำบาก ก็ต้องทนๆไป ไม่สบายก็ต้องตื่นมาเขียนตอบให้จบ โดยซักถามเขา และ ทำความเข้าใจ จน จบ ฮูเรรร สี่สิบกว่า ข้อ ดีใจมากค่ะ เเละเราต้องประสานงานกับหน่วยงานอื่นให้เสร็จก่อน dead line จากศาล
จนถึงวันนี้ เราประหยัดค่าทนาย ไปราวๆ $30,000 plus +++++
......ตอนนี้ เรา ก็ได้เพื่อนกินข้าวเหนียว ส้มตำ คนช่วย เลี้ยงลูก ลูกๆเราก็มีเพื่อน เรามีอาหารของฝาก สมำ่เสมอ น้องเค้าเก่งเรื่องทำอาหาร ปลูกต้นไม้ ผลไม้ ซึ่งเราทำไม่เป็น น้องวางแผนจะพาเราไปวัดไทย เป็นการตอบแทน.
.Happy Ending ka
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน
ตกกระไดพลอยโจน
เราทำงานอยู่ ตปท มีลูกวัยเล็กๆสองคน ทำงานบ้านงานนอกบ้าน พาลูกทำกิจกรรม อ่านพันทิป สวดมนต์ก็หมดเวลา ที่จะมีเพื่อนนอกบ้านแบบจริงจัง มีช่วงปิดเทอมและวันหยุดพักผ่อนยาว เราพาลูกไป เล่น Skate ตามปกติเราเจอน้องคนลาว ที่พูดไทยได้ดี (พูด อ่านอังกฤษได้นิดหน่อย เขาทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่สมัครเฟชบุค เปิด อีเมล์ อ่าน จม และอื่นๆ เราต้องทำให้เกือบหมด)และมีลูกรุ่นใกล้ๆกันได้ มาขอร้องให้เรา ไปฟัง ศาล เรื่องคดี ของเขา เราก็แบบ เอ่ออ คือ เสียเวลาและแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเค้าไม่มีไคร เลยยินยอมไป ด้วย ระหว่างนั้นน้องก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง เล่าไปร้องไห้ไปรวมถึง ค่าทนายที่จะต้องจ่ายเป็นจำนวนเริ่มต้นถึง $22,000 ประมาณ 5 แสนบาท ด้วยที่เราเคยมีประสพการณ์ ฟังเพื่อนๆเรื่องคดี นั่นนี่ และรู้จักพี่ คนอื่น ที่เขาเคยเจอเรื่องเเบบนี้โดยตรง ประกอบกับเราว่างพอ และสามารถช่วยเขาได้ เพราะเราพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดี ระดับหนึ่งและคล่องเรือ่งการโทรถามคนอื่น สุดท้ายเราบอกให้เขายกเลิกทนาย เรา ดำเนินการทุกอย่างให้เกือบทั้งหมดด้วยตัวเอง เพื่อไม่ต้องจ่ายเงินค่าทนายเพราะเขามีทนาย ช่วยเหลื่อจากรัฐบาลที่เราใช้เขาได้ คู่กรณีเสียเงินค่าทนายไปแสนกว่า$ คือ 3 ล้านกว่าบาท
เราก็ไม่แปลกใจค่าทนายความ เพราะ Affidavit ของเขามีเรื่องที่ไร้สาระเยอะมาก เนื้อหา ซำ้ไปมา เราก็สงสารคู่กรณี ( สามี) บางที เราคิดว่า ทนายเนียะ ไม่ต่างอะไรจาก scammer เลย ถือโอกาสหาเงินบนความทุกข์ ความหลง โมหะ คนอื่น
เราทำงานด้วยความหนักใจเพราะเราไม่เคยทำ บางที่เราก็พูด ขึ้น มึ๊ง กู๊ บอกให้หยุด มีเขวี้ยงของใส่ด้วย เพราะ เราบอกให้ เขา Sh, sh... จน Shut Up ก็ยังไม่หยุด คืองานจะไม่เสร็จเพราะเราตอบคำถามออกไปทะเลกัน เลิกรากันไป เราก็ขอโทษเขา และเราบอกให้เขา หายใจ แบบพุทธ- โธ ไป ห้ามพูด จนกว่าเราจะเขียนงานเสร็จ ไม่งั้นจะเสียเวลา
การหายใจเป็นสำคัญมาก ความคิดที่เข้าหัวไม่สำคัญไม่ตรงประเด็น คือหายใจทิ้งไป และ เวลาเขาพูดกับเรา แรกๆก็ตาแข็งหลบตา เราบอกว่า วาง วาง ว๊างงง มองตา พี่ แล้ว วางๆ ว๊างงงก่อน หายใจไปก่อน พอโล่งแล้วเราคุยต่อ ห้ามหลบตาไปคิดอย่างอื่น ให้มองตาหายใจไป พุทธ โธ พุทธ โธ วางความคิดไปเรื่อยๆห้ามพูดมากให้ ตอบเท่าที่เราถาม
เราต้องเขียนตอบ affidavit ให้ น้องตอบไม่ค่อยตรงคำถาม ก็เรียนรู้กันไป เพื่อประมวลผลข้อมูลโต้แย้งอีกฝั่ง แต่โชคเข้าข้างฝั่งเรามีหลักฐานสำคัญโดยบังเอิญ โอกาสชนะเลยสูงมาก
ขึ้นศาล เรา ก็ต้องไปกับเขาค่ะ สองสามครั้ง วันทั้งวัน บอกเลยว่าเราไม่เคยทำอะไรให้ไครแบบนี้มาก่อนจะ เลิกกลางทางก็ไม่ได้ สงสาร กลัวกระทบกับเด็ก กลัวเข้าแพ้แล้วจะลำบาก ก็ต้องทนๆไป ไม่สบายก็ต้องตื่นมาเขียนตอบให้จบ โดยซักถามเขา และ ทำความเข้าใจ จน จบ ฮูเรรร สี่สิบกว่า ข้อ ดีใจมากค่ะ เเละเราต้องประสานงานกับหน่วยงานอื่นให้เสร็จก่อน dead line จากศาล
จนถึงวันนี้ เราประหยัดค่าทนาย ไปราวๆ $30,000 plus +++++
......ตอนนี้ เรา ก็ได้เพื่อนกินข้าวเหนียว ส้มตำ คนช่วย เลี้ยงลูก ลูกๆเราก็มีเพื่อน เรามีอาหารของฝาก สมำ่เสมอ น้องเค้าเก่งเรื่องทำอาหาร ปลูกต้นไม้ ผลไม้ ซึ่งเราทำไม่เป็น น้องวางแผนจะพาเราไปวัดไทย เป็นการตอบแทน.
.Happy Ending ka
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน