คือก็อย่างชื่อกระทู้เลยครับคือผมเป็นลูกคนเล็กสุดนะแล้วก็เห็นอะไรมามากพอสมควรอายุ17
เรื่องราวก็ประมาณว่าพ่อผมขี้เกียจแบบสุดๆเลยครับวันๆไม่ทำอะไรเลยจนนานวันแม่ผมก็ทนไปเรื่อยจน
ทนไม่ไหวก็มาบ่นให้ลูกฟังผมกับพี่ทุกวันทุกเวลาที่มีเวลาอยู่กัน3คน(มีวันนึงมีปากเสียงจนเกือบคอขาดบาดตาย)
พอไปซักพัก(หลายเดือน)ผมก็เห็นแบบนี้แล้วก็ทนไม่ไหวเหมือนกันเลยเสนอแม่ว่าควรแยกไปอยู่ที่อื่นแต่
ไม่ได้ทิ้งนะครับแบบแยกกันอยู่เพื่อความสบายใจของแม่(ถ้ามีเรื่องอะไรหรือเทศกาลก็ไปเที่ยวกันปกติหรือกลับมาช่วยเรื่องต่างๆบ้างไรงี้แต่ไม่คอยทำอะไรให้แล้ว(งานบ้าน,ส่วนตัว)เพราะแม่เหนื่อยมากแต่ก็ยังมีเรื่องขัดหลายอย่างครับคือบ้านผมเป็นครอบครัว
ใหญ่อยู่ระดับนึงก็ถ้าแยกไปอยู่อาจจะคุยกับครอบครัวได้ยากอยู่เลยยังยากที่จะไปแต่สำหรับความคิดผมคือก็แค่จับเข่าคุยกันกับผู้หลักผู้ใหญ่แล้วบอกความในใจและประเด็นที่จะย้ายแบบจริงๆจากใจผมว่าเป็นไปได้นะเพราะอยู่อย่างงี้ทุกข์ใจป่าวๆคนเราเกิดมาไม่ควรจมปักกับความทุกข์ทุกวันนะ
ประมาณนั้นครับทุกคนเห็นด้วยไหมครับ
ลองบอกผมหน่อยถ้าไม่เพราะอะไรเปิดใจรับเหตุผลครับ
พ่อขี้เกียจมากไม่ทำอะไรเลย >> แม่ทุกข์ทรมานจนมาบ่นให้ลูกฟังทุกวัน
เรื่องราวก็ประมาณว่าพ่อผมขี้เกียจแบบสุดๆเลยครับวันๆไม่ทำอะไรเลยจนนานวันแม่ผมก็ทนไปเรื่อยจน
ทนไม่ไหวก็มาบ่นให้ลูกฟังผมกับพี่ทุกวันทุกเวลาที่มีเวลาอยู่กัน3คน(มีวันนึงมีปากเสียงจนเกือบคอขาดบาดตาย)
พอไปซักพัก(หลายเดือน)ผมก็เห็นแบบนี้แล้วก็ทนไม่ไหวเหมือนกันเลยเสนอแม่ว่าควรแยกไปอยู่ที่อื่นแต่
ไม่ได้ทิ้งนะครับแบบแยกกันอยู่เพื่อความสบายใจของแม่(ถ้ามีเรื่องอะไรหรือเทศกาลก็ไปเที่ยวกันปกติหรือกลับมาช่วยเรื่องต่างๆบ้างไรงี้แต่ไม่คอยทำอะไรให้แล้ว(งานบ้าน,ส่วนตัว)เพราะแม่เหนื่อยมากแต่ก็ยังมีเรื่องขัดหลายอย่างครับคือบ้านผมเป็นครอบครัว
ใหญ่อยู่ระดับนึงก็ถ้าแยกไปอยู่อาจจะคุยกับครอบครัวได้ยากอยู่เลยยังยากที่จะไปแต่สำหรับความคิดผมคือก็แค่จับเข่าคุยกันกับผู้หลักผู้ใหญ่แล้วบอกความในใจและประเด็นที่จะย้ายแบบจริงๆจากใจผมว่าเป็นไปได้นะเพราะอยู่อย่างงี้ทุกข์ใจป่าวๆคนเราเกิดมาไม่ควรจมปักกับความทุกข์ทุกวันนะ
ประมาณนั้นครับทุกคนเห็นด้วยไหมครับ
ลองบอกผมหน่อยถ้าไม่เพราะอะไรเปิดใจรับเหตุผลครับ