(ภาพแรกจากพื้นดาวอังคาร ถ่ายโดยกล้องที่ติดตั้งบนตัวหุ่นยนต์ ซึ่งสามารถมองเห็นเงาของแขนกลได้ด้วย)
Cr.NASA
องค์การนาซาประสบความสำเร็จในการนำหุ่นยนต์ตระเวนสำรวจตัวใหม่ "เพอร์เซเวียแรนซ์" (Perseverance) ลงสู่พื้นผิวของดาวอังคาร บริเวณแอ่งหลุมอุกกาบาต Jezero Crater เมื่อเวลาเช้าตรู่ราว 3.55 น. ของวันนี้ (19 ก.พ.)
โดยหุ่นยนต์ตระเวนสำรวจ 6 ล้อ ที่สร้างด้วยงบประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเริ่มปฏิบัติงานค้นหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตโบราณ ในแอ่งหลุมที่เคยเป็นทะเลสาบมาก่อนเป็นเวลา 1 ปีดาวอังคาร หรือเท่ากับ 687 วันบนโลก
และในทันทีที่ได้รับสัญญาณแจ้งว่า ยานนำส่งหย่อนหุ่นยนต์ลงสู่พื้นได้โดยปลอดภัยแล้ว ทีมวิศวกรผู้ควบคุมที่ห้องปฏิบัติการเครื่องยนต์ขับดันไอพ่น (JPL) ของนาซา ต่างปรบมือและโห่ร้องด้วยความยินดี เนื่องจากภารกิจลงจอดในครั้งนี้ถือว่า ทำได้ยากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการสำรวจอวกาศ
ภาพประกอบที่แสดงให้เห็นว่า " Perseverance " ของ NASA กำลังมุ่งสู่พื้นผิวดาวอังคาร ภาพ: NASA / JPL
หุ่นยนต์ " Perseverance " หนัก 1 ตัน ที่ติดตั้งอุปกรณ์สำรวจ 7 ชิ้น กล้องหลายตัวและหัวเจาะขนาดใหญ่
Cr.NASA/JPL-CALTECH
สิ่งแรกที่ " Perseverance " ส่งกลับมายังโลกได้แก่ ภาพถ่าย 2 ภาพจากบริเวณที่มันลงแตะพื้นดาวอังคาร โดยภาพยังมีความละเอียดคมชัดไม่มากนัก เพราะถ่ายจากกล้องสำหรับงานวิศวกรรม ซึ่งมีฝุ่นจับฝาครอบเลนส์โปร่งแสงอยู่มากพอสมควร
ผลวิเคราะห์หลังการลงจอดพบว่า ยานนำหุ่นยนต์ลงสู่พื้นห่างจากตำแหน่งของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโบราณ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่คลาดเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 2 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ถือว่ายานนำหุ่นยนต์ลงสู่พื้นได้โดยปลอดภัยในที่ราบที่ไม่ใช่พื้นทราย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ได้
ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากใช้ระบบนำร่อง Terrain Relative Navigation (TRN) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยคอมพิวเตอร์ในยานนำส่ง จะสำรวจภูมิประเทศที่พบจริงขณะร่อนลง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับภาพเก่าในฐานข้อมูล เพื่อตัดสินใจหาจุดลงจอดที่เหมาะสมอย่างรวดเร็วที่สุด โดยกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาทั้งสิ้นไม่กี่สิบนาทีหรือไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ที่ลูกศรชี้ แสดงจุดที่หุ่นยนต์ลงสู่พื้น ซึ่งห่างจากเป้าหมายเดิม 2 กม.
แต่ก็สามารถลงสู่ที่ราบ (สีฟ้า) และหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตราย (สีแดง) อย่างเช่น หล่มทรายได้
โดยในช่วงสองสามสัปดาห์ถัดจากนี้ ทีมควบคุมหุ่นยนต์ " Perseverance " จะยังคงตรวจสอบต่อไปว่า มีระบบการทำงานของอุปกรณ์ใดขัดข้องบ้างหรือไม่ รวมทั้งดำเนินการกางเสาหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของกล้องขนาดใหญ่บนตัวหุ่นยนต์ออกมา และเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการลงจอดเป็นซอฟต์แวร์เพื่อการขับเคลื่อนปฏิบัติงานบนพื้นผิวดาวแทน โดยหุ่นยนต์จะเริ่มสำรวจหินปูนที่ฐานของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโบราณก่อน แล้วจึงเคลื่อนไปยังริมขอบของแอ่งหลุมอุกกาบาตในภายหลัง
นอกจากนี้ ยังมีเรดาร์เจาะพื้นดินเพื่อศึกษาธรณีวิทยาใต้พื้นผิวของภูมิภาค และการทดลองที่ออกแบบมาเพื่อผลิตออกซิเจนจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของดาวอังคาร ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงแนวคิดของเทคโนโลยี ที่น่าจะเป็นองค์ประกอบสำคัญของภารกิจบนดาวอังคารในอนาคต โดยรถแลนด์โรเวอร์จะเก็บตัวอย่างที่ NASA หวังว่าจะกลับมายังโลกโดยใช้ภารกิจร่วมในอนาคตกับ องค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency)
การสำรวจครั้งนี้ ยังเป็นภารกิจแรกในประวัติศาสตร์ โดยคาดว่าภารกิจร่วมของนาซาและองค์การอวกาศยุโรปที่น่าจะมีขึ้นในปี 2026 อาจเป็นการส่งจรวดไปรับตัวอย่างดังกล่าวกลับมายังโลกในปี 2031 ก็ได้
ภาพที่สอง ซึ่งหุ่นยนต์ส่งมาจากภายในแอ่งหลุมอุกกาบาต Jezero Crater
Cr.NASA
ขั้นตอนสำคัญในการลงจอดบนดาวอังคาร (Cr.ภาพ: NASA / JPL-Caltech)
NASA's Perseverance Rover Lands Successfully on Mars (Highlight Reel)
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
2 ภาพแรกบนดาวอังคารของภารกิจแรกในประวัติศาสตร์