'ยุทธพงศ์' แฉ 'ณัฏฐพล' แก้เกณฑ์คุณสมบัติ ตั้งคนสนิทนั่งเลขา สกสค. อัดแค่คนขายนม
https://www.khaosod.co.th/politics/news_5981163
‘ยุทธพงศ์’ แฉ ‘ณัฏฐพล’ ตั้งคนสนิทนั่ง เลขา สกสค. อัดแค่คนขายนม คุณสมบัติไม่ได้ แต่ยังแอบแก้หลักเกณฑ์ให้
เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 18 ก.พ. 2564 ที่รัฐสภา นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขออภิปรายไม่วางใจนาย
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ในการประชุมมอบนโยบายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการแต่งชุดข้าราชการ แต่ครูตั้นใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ นึกว่าอยู่เวที กปปส. นอกจากนี้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไร้ประสิทธิภาพ ไร้สำนึก ขาดวุฒิภาวะ ไร้ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งข้าราชการ
นาย
ยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า การแบ่งงานในกระทรวง ท่านดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานปลัดศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ทั้งนี้ สกสค.มีเงินฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อนครูเป็นหมื่นล้าน เป็นที่มาของผลประโยชน์
นาย
ยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน สกสค. มีคณะกรรมการ 9 คน โดยมีนาย
ธนพร สมศรี เลขา สกสค.หรืออ๋อ รวมอยู่ด้วย เส้นทางของนาย
ธนพรได้รับแต่งตั้งข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.62 เมื่อไปดูข้อมูลพบว่าชื่อเดิมคือนายเอกพร อายุ 42 ปี จบ ป.ตรี ม.สุโขทัยธรรมาธิราช คณะเกษตรศาสตร์บัณฑิต เคยเป็นพนักงานขายนม บ.นมหมอ ที่ จ.อุบลราชธานี และเจ๊งปิดกิจการไปแล้ว ซึ่งนาย
ธนพรเป็นเลขาครู
ตั้นมาตั้งแต่ปี 54 สมัยทำทีมฟุตบอลมาด้วยกัน
นาย
ยุทธพงศ์ อภิปรายต่อว่า ต่อมามีประกาศสำนักนายกฯ โดย พล.อ.
ประยุทธ์ลงนามเมื่อ 30 ส.ค.62 ให้นายธนพรมาเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ หลังจากนั้นครู
ตั้นวางแผนแต่งตัวเด็กขายนมมาเป็นเลขา สกสค. โดยให้นาย
ประเสริฐ บุญเรือง รักษาการปลัดกระทรวงศึกษาธิการขณะนั้น ตั้งนาย
ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เป็นเลขา สกสค. เมื่อ 22 ต.ค.62 โดยครูตั้นออกคำสั่งให้นาย
อรรถพล ตรึกตรอง ออก เพื่อให้นาย
ดิศกุลเข้ามาแทน แล้วไปแก้คุณสมบัติเลขา สกสค.จากจบ ป.โท เป็น ป.ตรี ในวันที่ 13 พ.ย.62 แก้วุฒิแล้วยังไม่พอ ยังแก้ให้ประกอบอาชีพภาคเอกชนไม่น้อยกว่า 12 ปีได้ ทั้งๆ ที่นาย
ธนพรเพิ่งเรียนจบเมื่อปี 48 และเป็นผู้จัดการขายนม
“
ต่อมา 20 พ.ย.62 นายกฯ เซ็นให้นายธนพรออก จากนั้นนายดิศกุลก็เซ็นตั้งนายธนพรมาเป็นรองเลขา สกสค. ในวันเดียวกันนายดิศกุลมอบงานให้นายธนพรคุมงานใหญ่ในหลายสำนัก วันต่อมาครูตั้นไปเยี่ยมนายธนพรเลย แสดงว่าต้องสนิทกันมาก ขอให้ครูชุดดำและนักเรียนเลวรู้ว่านายธนพรมีวันนี้เพราะครูตั้นให้”
นาย
ยุทธพงศ์ อภิปรายอีกว่า ต่อมา 13 ก.ค.63 มีการออกเกณฑ์ใหม่สรรหาเลขา สกสค.และเลขาคุรุสภา โดยให้นายประเสริฐออกหลักเกณฑ์ใหม่ จากนั้นครูตั้นเซ็นประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ ซึ่งต้องไปออกในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่มีการนำหลักเกณฑ์การตั้งเลขา สกสค.ไปออกในราชกิจจานุเบกษา มีแค่ประกาศเฉพาะ จึงไม่มีผลในทางกฎหมาย ต่อมามีประกาศ 21 ส.ค.63 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับคัดเลือกเป็นเลขา สกสค. ซึ่งนาย
กฤตชัย อรุณรัตน์และนาย
ธนพรซึ่งเป็นคู่ชิงขณะนั้น
“
นายกฤตชัยคือว่ามีคุณสมบัติเหนือกว่านายธนพรทุกด้านแต่กลับไม่ได้เป็น และหลังการคัดเลือกวันที่ 1 ก.ย.63 ซึ่งตรงกับการประชุม ครม.วันนั้นครูตั้นเซ็นตั้งนายธนพรเป็นเลขา สกสค.ทันที ไม่รู้ว่าทำไมรีบร้อน พอ 2 ก.ย.63 ครูตั้นเรียกนายธนพรมาเซ็นสัญญาเป็นเลขา สกสค.ทันที และนายประเสริฐให้นายดิศกุลลาออกจากราชการในตำแหน่งเลขา กศน. ในวันที่ 1 ก.ย.63 และครูตั้นเซ็นในวันที่ 2 ก.ย.63 ให้นายดิศกุลไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภาเพื่อตอบแทน ซึ่งเส้นทาง 1 ปี 4 วันครูตั้นสามารถบันดาลให้นายธนพรมาเป็นเลขา สกสค.ได้”
นาย
ยุทธพงศ์ อภิปรายต่อว่า เรื่องที่ส่อทุจริตเอาพวกพ้องมาแสวงหาผลประโยชน์ คือเมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 นายดิษกุลรักษาการ สกสค.และคุมองค์การค้าคุรุสภาด้วย ไปกู้เงินกับ สกสค. 687 ล้านบาท โดยองค์การค้าฯ มายืมเงิน สกสค.เป็นค่าจ้างพิมพ์หนังสือ แต่ตอนจ่ายเช็ก สกสค.จ่ายให้กับ หจก.วรรณชาติเพรส 232 ล้านบาท ตนสงสัยว่าทำไมไม่ไปรับเช็กที่โรงพิมพ์ แต่ต้องมารับเช็กที่ สกสค.หรือว่าเช็กมีเงินทอน หรือต้องหิ้วอะไรมาแลกเช็ก
เอกชนจี้รัฐบาลซื้อวัคซีนโดยเร็ว หลังความเชื่อมั่นอุตฯตกต่ำ
https://www.matichon.co.th/economy/news_2585209
เอกชนจี้รัฐบาลซื้อวัคซีนโดยเร็ว ส.อ.ท.เผยความเชื่อมั่นอุตฯต่ำสุดรอบ 6 เดือนเซ่นพิษโควิดรอบใหม่
นาย
สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนม.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 83.5 ปรับตัวลดลงจากระดับ 85.8 ในเดือนธ.ค. 2563 โดยค่าดัชนีฯ โดยปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ระลอกใหม่ ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าระลอกแรก และขยายขอบเขตในหลายจังหวัด
อ่านข่าว
หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ปชช.ระวังใช้จ่าย ชะลอซื้อรถยนต์ปีนี้
ภาครัฐได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโดยกำหนดพื้นที่ควบคุมตามความรุนแรงของสถานการณ์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ในด้านการส่งออกผู้ประกอบการยังประสบปัญหา ตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ยังคงกดดันภาคการส่งออกของไทย
อย่างไรก็ตามค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าการระบาดระลอกแรก ในช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งลดลงมาอยู่ที่ระดับ 75.9 เนื่องจากภาคการผลิตไม่ได้หยุดชะงัก และยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ แรงงาน และประชาชนผ่านโครงการต่างๆ
สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 91.1 จากระดับ 92.7 ในเดือนธ.ค. 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19ระลอกใหม่ที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีวัคซีนโควิด-19ฉีดให้กับประชาชน ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ตลอดจนการค้าและการลงทุนของไทยยังมีความไม่แน่นอน
ทางส.อ.ท.ได้มีข้อเสนอต่อรัฐบาลดังนี้
1. เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก
2. เร่งรัดการจัดซื้อและการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19ของไทย ให้ได้ตามกำหนดเวลาและมีปริมาณเพียงพอเพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ
3. เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและประเทศคู่ค้า เกี่ยวกับมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19ของไทย
4. ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาคเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
5. ขอให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะมาตรการเสริมสภาพคล่อง จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) รวมทั้งแก้ไขกฎหมายและเงื่อนไขพ.ร.ก.ซอฟต์โลนที่เป็นอุปสรรคเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำได้มากขึ้น
6. พิจารณาการนำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาใช้ในปี 2564 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในกลุ่มที่ต้องเสียภาษี โดยคืนภาษีจากเดิมสูงสุด 30,000 เป็น 50,000 บาท เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2564
JJNY : 'ยุทธพงศ์'แฉ ณัฏฐพลแก้เกณฑ์ตั้งคนสนิทนั่งเลขา│จี้ซื้อวัคซีน│ปชป.ระส่ำ!เสียงแตก2ฝ่าย│"ตั้น-เฮ้ง"วิ่งขาขวิดหนีบ๊วย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_5981163
‘ยุทธพงศ์’ แฉ ‘ณัฏฐพล’ ตั้งคนสนิทนั่ง เลขา สกสค. อัดแค่คนขายนม คุณสมบัติไม่ได้ แต่ยังแอบแก้หลักเกณฑ์ให้
เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 18 ก.พ. 2564 ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขออภิปรายไม่วางใจนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ในการประชุมมอบนโยบายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการแต่งชุดข้าราชการ แต่ครูตั้นใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ นึกว่าอยู่เวที กปปส. นอกจากนี้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไร้ประสิทธิภาพ ไร้สำนึก ขาดวุฒิภาวะ ไร้ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งข้าราชการ
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า การแบ่งงานในกระทรวง ท่านดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานปลัดศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ทั้งนี้ สกสค.มีเงินฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อนครูเป็นหมื่นล้าน เป็นที่มาของผลประโยชน์
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน สกสค. มีคณะกรรมการ 9 คน โดยมีนายธนพร สมศรี เลขา สกสค.หรืออ๋อ รวมอยู่ด้วย เส้นทางของนายธนพรได้รับแต่งตั้งข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.62 เมื่อไปดูข้อมูลพบว่าชื่อเดิมคือนายเอกพร อายุ 42 ปี จบ ป.ตรี ม.สุโขทัยธรรมาธิราช คณะเกษตรศาสตร์บัณฑิต เคยเป็นพนักงานขายนม บ.นมหมอ ที่ จ.อุบลราชธานี และเจ๊งปิดกิจการไปแล้ว ซึ่งนายธนพรเป็นเลขาครูตั้นมาตั้งแต่ปี 54 สมัยทำทีมฟุตบอลมาด้วยกัน
นายยุทธพงศ์ อภิปรายต่อว่า ต่อมามีประกาศสำนักนายกฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์ลงนามเมื่อ 30 ส.ค.62 ให้นายธนพรมาเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ หลังจากนั้นครูตั้นวางแผนแต่งตัวเด็กขายนมมาเป็นเลขา สกสค. โดยให้นายประเสริฐ บุญเรือง รักษาการปลัดกระทรวงศึกษาธิการขณะนั้น ตั้งนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เป็นเลขา สกสค. เมื่อ 22 ต.ค.62 โดยครูตั้นออกคำสั่งให้นายอรรถพล ตรึกตรอง ออก เพื่อให้นายดิศกุลเข้ามาแทน แล้วไปแก้คุณสมบัติเลขา สกสค.จากจบ ป.โท เป็น ป.ตรี ในวันที่ 13 พ.ย.62 แก้วุฒิแล้วยังไม่พอ ยังแก้ให้ประกอบอาชีพภาคเอกชนไม่น้อยกว่า 12 ปีได้ ทั้งๆ ที่นายธนพรเพิ่งเรียนจบเมื่อปี 48 และเป็นผู้จัดการขายนม
“ต่อมา 20 พ.ย.62 นายกฯ เซ็นให้นายธนพรออก จากนั้นนายดิศกุลก็เซ็นตั้งนายธนพรมาเป็นรองเลขา สกสค. ในวันเดียวกันนายดิศกุลมอบงานให้นายธนพรคุมงานใหญ่ในหลายสำนัก วันต่อมาครูตั้นไปเยี่ยมนายธนพรเลย แสดงว่าต้องสนิทกันมาก ขอให้ครูชุดดำและนักเรียนเลวรู้ว่านายธนพรมีวันนี้เพราะครูตั้นให้”
นายยุทธพงศ์ อภิปรายอีกว่า ต่อมา 13 ก.ค.63 มีการออกเกณฑ์ใหม่สรรหาเลขา สกสค.และเลขาคุรุสภา โดยให้นายประเสริฐออกหลักเกณฑ์ใหม่ จากนั้นครูตั้นเซ็นประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ ซึ่งต้องไปออกในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่มีการนำหลักเกณฑ์การตั้งเลขา สกสค.ไปออกในราชกิจจานุเบกษา มีแค่ประกาศเฉพาะ จึงไม่มีผลในทางกฎหมาย ต่อมามีประกาศ 21 ส.ค.63 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับคัดเลือกเป็นเลขา สกสค. ซึ่งนายกฤตชัย อรุณรัตน์และนายธนพรซึ่งเป็นคู่ชิงขณะนั้น
“นายกฤตชัยคือว่ามีคุณสมบัติเหนือกว่านายธนพรทุกด้านแต่กลับไม่ได้เป็น และหลังการคัดเลือกวันที่ 1 ก.ย.63 ซึ่งตรงกับการประชุม ครม.วันนั้นครูตั้นเซ็นตั้งนายธนพรเป็นเลขา สกสค.ทันที ไม่รู้ว่าทำไมรีบร้อน พอ 2 ก.ย.63 ครูตั้นเรียกนายธนพรมาเซ็นสัญญาเป็นเลขา สกสค.ทันที และนายประเสริฐให้นายดิศกุลลาออกจากราชการในตำแหน่งเลขา กศน. ในวันที่ 1 ก.ย.63 และครูตั้นเซ็นในวันที่ 2 ก.ย.63 ให้นายดิศกุลไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภาเพื่อตอบแทน ซึ่งเส้นทาง 1 ปี 4 วันครูตั้นสามารถบันดาลให้นายธนพรมาเป็นเลขา สกสค.ได้”
นายยุทธพงศ์ อภิปรายต่อว่า เรื่องที่ส่อทุจริตเอาพวกพ้องมาแสวงหาผลประโยชน์ คือเมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 นายดิษกุลรักษาการ สกสค.และคุมองค์การค้าคุรุสภาด้วย ไปกู้เงินกับ สกสค. 687 ล้านบาท โดยองค์การค้าฯ มายืมเงิน สกสค.เป็นค่าจ้างพิมพ์หนังสือ แต่ตอนจ่ายเช็ก สกสค.จ่ายให้กับ หจก.วรรณชาติเพรส 232 ล้านบาท ตนสงสัยว่าทำไมไม่ไปรับเช็กที่โรงพิมพ์ แต่ต้องมารับเช็กที่ สกสค.หรือว่าเช็กมีเงินทอน หรือต้องหิ้วอะไรมาแลกเช็ก
เอกชนจี้รัฐบาลซื้อวัคซีนโดยเร็ว หลังความเชื่อมั่นอุตฯตกต่ำ
https://www.matichon.co.th/economy/news_2585209
เอกชนจี้รัฐบาลซื้อวัคซีนโดยเร็ว ส.อ.ท.เผยความเชื่อมั่นอุตฯต่ำสุดรอบ 6 เดือนเซ่นพิษโควิดรอบใหม่
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนม.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 83.5 ปรับตัวลดลงจากระดับ 85.8 ในเดือนธ.ค. 2563 โดยค่าดัชนีฯ โดยปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ระลอกใหม่ ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าระลอกแรก และขยายขอบเขตในหลายจังหวัด
อ่านข่าว หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ปชช.ระวังใช้จ่าย ชะลอซื้อรถยนต์ปีนี้
ภาครัฐได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโดยกำหนดพื้นที่ควบคุมตามความรุนแรงของสถานการณ์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ในด้านการส่งออกผู้ประกอบการยังประสบปัญหา ตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ยังคงกดดันภาคการส่งออกของไทย
อย่างไรก็ตามค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าการระบาดระลอกแรก ในช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งลดลงมาอยู่ที่ระดับ 75.9 เนื่องจากภาคการผลิตไม่ได้หยุดชะงัก และยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ แรงงาน และประชาชนผ่านโครงการต่างๆ
สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 91.1 จากระดับ 92.7 ในเดือนธ.ค. 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19ระลอกใหม่ที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีวัคซีนโควิด-19ฉีดให้กับประชาชน ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ตลอดจนการค้าและการลงทุนของไทยยังมีความไม่แน่นอน
ทางส.อ.ท.ได้มีข้อเสนอต่อรัฐบาลดังนี้
1. เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก
2. เร่งรัดการจัดซื้อและการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19ของไทย ให้ได้ตามกำหนดเวลาและมีปริมาณเพียงพอเพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ
3. เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและประเทศคู่ค้า เกี่ยวกับมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19ของไทย
4. ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาคเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
5. ขอให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะมาตรการเสริมสภาพคล่อง จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) รวมทั้งแก้ไขกฎหมายและเงื่อนไขพ.ร.ก.ซอฟต์โลนที่เป็นอุปสรรคเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำได้มากขึ้น
6. พิจารณาการนำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาใช้ในปี 2564 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในกลุ่มที่ต้องเสียภาษี โดยคืนภาษีจากเดิมสูงสุด 30,000 เป็น 50,000 บาท เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2564