ความลึกลับของ อนัตตา

ความลึกลับของ อนัตตา

ผู้บรรลุธรรม จะมีลักษณาการพิเศษบางอย่าง ที่แตกต่างจากปุถุชนคนหลงโลก ท่านจะสงบ ระงับ ดับ เย็น ตลอดเวลา ไม่มีหวั่นไหวกับโลกธรรม
อยู่คนเดียว หรือ อยู่หลายคนก็ไม่ต่างกัน ข้ามพ้นความเป็นของคู่ สุข-ทุกข์ สรรเสริญ-นินทา มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ
ไม่มี สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา นิสสัตโต/ นิชชีโว /สุญโญ

การแสดงธรรม จะแสดงออกมาจากใจ ไม่จำจากตำรา หรือ คำพูดใคร
ไม่แสดงเพื่อลาภ สักการะ คำนิยม ยกย่อง
ไม่ต้องเตรียมคำพูดล่วงหน้า
เพราะใจท่านสะอาด พูดอะไร ทำอะไร ก็คือ ธรรม

ยืน เดิน นั่ง นอน ก็เป็นธรรม มีสติเห็นกายในกาย
การกินขบฉัน จะดับรสชาดได้เร็ว บางองค์ถึงขนาด ฉันอาหารเดิมๆ ต่อเนื่องทุกวันเป็นระยะเวลา 30 ปี ท่านบอกว่า ร่างกายท่านเหมือนรถยนต์ที่เติมน้ำมัน คือ อาหารเพื่อให้ธาตุขันธ์ทำงานเป็นปกติเท่านั้น ไม่สนใจในรสชาดใดๆ ข้ามพ้นความอร่อยติดลิ้น
การนอนคือการพักร่างกาย ไม่มีนอนสลบไสล มัวเมาในรสชาดการนอน

ตื่นลืมตา คือ ตื่นฉับพลัน ไม่อาลัยในการนอน
(ลป.ดูลย์ ท่านมีอาการตื่นรู้เสมอ ไม่เคยหาว ไม่เคยติดรสชาด แม้นั่งนานๆ ท่านก็สามารถลุกพรวดได้เลย โดยไม่มีอาการเหน็บชา
จิตที่บริสุทธิ์เต็มที่ จะมีพลังมหาศาล มีความเป็นปัจจุบัน ที่นี่เดี๋ยวนี้ ตลอดเวลา ไม่มี กลางวัน กลางคืน ไม่มียามเช้า เที่ยง เย็น มีแค่สว่าง กับ มืด

ในสายตาพระอริยะ มอง มนุษย์ สัตว์ โลก วัตถุธาตุ ทั้งหลาย เป็นแค่ธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่มาประชุมรวมกันตามกฏแห่งกรรม
เป้นสภาพธรรมที่ไม่แตกต่างกัน เพียงแต่มนุษย์สมมุติเรียกชื่อ แตกต่างกัน
สมมุติ บัญญัติ คือ ชื่อเรียก คือความยึดติด ในอุปาทานขันธ์ 5 ว่านี้คือ ตัวเรา นี้คือ พ่อ แม้ เรา นี้คือ ญ นี้คือ ชาย
แต่ใน ปรมัตถ์บัญญัติ เป็นแค่ธาตุ 4 ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีโลก ไม่มีจักรวาล ทุกอย่างเป็นความว่าง

พระอรหันต์ ร้องไห้ได้ ติดรสชาดได้ แต่ท่านจะวางอารมณ์ได้เร็ว เพราะสติพัฒนาเป็นมหาสติ ตัดกิเลสโดยอัตโนมัติ
ท่านไม่จำเป็นต้องรักษาวินัย ไม่จำเป็นต้องรักษาแม้จีวร เครื่องนุ่งห่ม ไม่มีความหมายสำหรับท่าน คำว่าพระไม่มีความหมายสำหรับท่าน
ที่ท่านทำอยู่ เป้นอยู่ เป็นเพียงการเป็นตัวอย่าง ให้รุ่นหลังทำตามให้ถูกเท่านั้น 

พระอรหันต์ไม่มีอาบัติ ไม่มีใครปรับอาบัติท่านได้
ในสมัยโบราณมีพระอรหันต์ที่เข้าฌาณ เสวยวิมุตติสุข จนลืมการประชุมสงฆ์ที่มีสมเด็จพ่อ พระพุทธเจ้าเป็นประธาน พุทธเจ้าก็ไม่ลงโทษใดๆ (จะปรับอาบัติยังไง ในเมื่อจิตท่านบริสุทธ์แล้ว?)
มีแค่ให้ท่านไปทำงานสาธารณะประโยชน์ เช่น ไปรับกิจนิมนต์โปรดญาติโยม หรือ เทศน์แก่ประชุมชนที่มีการนิมนต์มาแค่นั้น
(อ้างอิง จาก คำเทศน์ ท่าน ปอ.ปยุตโต)

ที่ท่านอ่านอยู่นี้ เป็นการเขียนออกมาจาก ใจ จาก ความทรงจำ
ไม่ได้เขียนเพื่อให้ใครมายกย่อง
เขียนเพื่อให้เห็นรสชาดของความว่าง สภาวะของอนัตตา แรงดึงดูด แรงปะทะ 
จากรูปถ่ายของพระสงฆ์อริยะเจ้า แม้รูปถ่าย ก็มีแรงพลังของความสงบระงับดับเย็น ที่ข้ามพ้นสมมุติของเวลา

อโห พุทโธ อโห ธรรมโม อโห สังโฆ
สัพเพ พุทธา พลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จ ยังพลัง อรหันตานัญ จ เตเช น
รักขันพันธามิ สัพพโส
สิทธมัตถุ สิทธมัตถุ อิทัง พลัง เอตัสมิง รัตนตยัสมิง สัมปสาถน เจตโส
ขอทุกท่านจงเจริญในธรรม

23.02
14-2-2021
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่