ถึงแม้ว่าเชื้อโควิดยังคงแพร่ระบาดอยู่ แต่อีกไม่กี่อึดใจ รางวัลสำหรับคนบันเทิงในบ้านเราก็จะทยอยให้แฟน ๆ ได้ลุ้นผลกันอย่างใจจดใจจ่อ...ไม่รอแล้วนะ
เรากำลังหมายถึงรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ "สุพรรณหงส์" ครั้งที่ 29 ของ "สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ" หลังจากเมื่อปีที่แล้วไม่ได้จัด ในครั้งนี้จึงยกยอดการพิจารณาผลงานดีมีคุณภาพในรอบปี 2562 กับ 2563 มาไว้รวมกัน
สำหรับเวทีประกาศผลตัดสินในครั้งนี้ ขอหลีกความวุ่นวายในกรุงไปลุยทุ่งกันที่ "เดอะมอลล์ โคราช" มีการถ่ายทอดผ่านทางช่องเวิร์คพอยท์เช่นเคย
ทันทีที่แฟนหนังทราบข่าวว่ารางวัลจะไปจัดกันที่นั่น ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์แล่นผ่านมายิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ โดยเฉพาะที่เฝ้ามองเป็นพิเศษก็คือรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลทุกประเภท
แต่ที่น่าขำยิ่งไปกว่าก็คือสถานที่จัดงานซึ่งมี "สมชัย ฉัตรพัฒนศิริ" ประธานสมาพันธ์ฯ เป็นคนโคราชโดยกำเนิด จนเป็นที่สงสัยว่างานนี้อาจเกิดความลำเอียงและขาดความน่าเชื่อถือของการจัดรางวัลอันทรงคุณค่าอย่างที่ท่านประธานคนก่อน ๆ ตั้งใจ
หรือจะว่าไปเพราะ "ท่านสมชัย" ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากไปหรือเปล่า...นี่สิที่น่าคิดที่สุด
ใจจริงรางวัลนี้ขาดมนต์ขลังอย่างเด่นชัดก็ตั้งแต่สมัย "เสี่ยเจียง" เป็นประธานฯ จำได้ว่าลูกสาวหน้าหล่อของตัวเองเคยรับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายหญิงจากหนังเรื่อง "เอ๋อเหรอ" จนเกิดข้อโต้แย้งตามมา
หรือจะกล่าวได้ว่างานจัดรางวัลสุพรรณหงส์ขาดความน่าเชื่อถือมาหลายครั้งแล้ว จะเป็นสมัยที่ท่านประธานคนแล้วคนเล่ายังกินตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างหนังหรือไม่ก็ตาม จนเมื่อท่านสมชัย ณ โคราชา เข้ามาดำรงตำแหน่งก็ดูเหมือนจะยังไม่มีผลงานชิ้นโบแดงให้คนรักหนังอย่างเราสบายใจ
ให้ถือเสียว่า "สุพรรณหงส์" ครั้งล่าสุดนี้เป็นบทเรียนที่ท่านควรทบทวนแล้วกัน หากการจัดงานและการตัดสินในครั้งต่อไปยังดูลุ่ม ๆ ดอน ๆ หรือแย่กว่าเดิม หรือในอีกทางหนึ่งคือไม่ช่วยฟื้นฟูหรือพัฒนาวงการหนังไทยให้ดีขึ้น
สิ่งเดียวที่เราปรารถนาอย่างถึงที่สุดก็คือว่า...ท่านสมชัยควรลาออกจากตำแหน่งผู้นำอันทรงเกียรติเช่นนี้ซะ แล้วเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมประสบการณ์และรู้เห็นอย่างรอบด้านมาสืบทอดจะยิ่งดีกว่า
เชื่อว่าวันนั้น...บรรยากาศของวงการหนังไทยจะกลับมาสดใส ชวนคึกคัก ชวนตื่นเต้นแน่ ๆ ไม่ทนเหงาอย่างที่เราเป็นมา
แฟน ๆ เห็นด้วยไหม...โปรดอ่านบทสัมภาษณ์จากปากของท่านประธานฯ แล้วค่อยคิดกันนะ...สวัสดี.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สรุปความโดย deknang.com
“คือพอผลออกมาไม่ถูกใจ มันก็เป็นอย่างนี้” ประธานสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติกล่าวถึงกรณีดราม่าผู้เข้าชิง #สุพรรณหงส์29
#อหอห ดูถูกกันเกินไปปะ นี่คือคำพูดที่ควรออกมาจากปากคนที่เป็นประธานสมาพันธ์ฯ เหรอ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งมาเคยมีผลงานพัฒนาหนังไทยให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างหรือยัง
จะหวังงาน “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 29” นี้ที่ประธานสมาพันธ์ฯ เป็นคนโคราช เลยต้องไปจัดงานที่โคราช เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคอีสานน่ะเหรอ #สำนึกรักบ้านเกิดไหมล่ะ แล้วมันเกี่ยวกับการฟื้นฟูอุตสาหกรรมหนังไทยยังไง
“สมชัย ฉัตรพัฒนศิริ” ประธานสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ (ปี 2561-ปัจจุบัน) คือ อดีต ส.ส.เขต จ.นครราชสีมา / นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา / ผู้บริหารโรงหนังไฟว์สตาร์มัลติเพล็กซ์ และเจ้าของโรงแรมปัญจดารา โคราช
“ในความเห็นของผม ผมคิดว่าคณะกรรมการเขาก็ดูรวมหลายเรื่อง ไม่ใช่เอาเฉพาะการแสดงอย่างเดียว อาจจะดูรายได้ด้วย มหาชนเขาว่าคนนี้ หนังเรื่องนี้ แต่เราไม่เคยฟัง เราเลือกแต่หนังอิสระ พวกนี้อาจจะมีส่วน... ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าเป็นกฏเกณฑ์การตัดสิน แต่เป็นไปได้ว่าในกรณีคะแนนเท่ากัน กรรมการก็อาจจะพิจารณาองค์ประกอบอื่น เช่น อาจจะมีเชิงพาณิชย์ด้วย... แต่ว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองแน่นอน มะเดี่ยวก็ยังเข้าชิงรางวัลเลย”
โอ๊ย พิจารณารางวัลสาขาการแสดงก็ต้องดูที่บทบาทการแสดงเป็นหลักสิ จะเอาเรื่องอื่นๆ อย่างรายได้หนัง ความเป็นที่รู้จักมากกว่าของทั้งหนังและนักแสดงมาร่วมเป็นเกณฑ์ตัดสินข้างเคียงไม่ได้โว้ย ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
อ่านสัมภาษณ์แล้วยิ่งรู้เลยว่า อย่าไปหาความน่าเชื่อถือและมาตรฐานการตัดสินกับ #รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ นี้
"สมชัย"สมควรลาออก"ประธานสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ"หรือไม่(จากกระแสดราม่ารางวัลสุพรรณหงส์ครั้งล่าสุด)
เรากำลังหมายถึงรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ "สุพรรณหงส์" ครั้งที่ 29 ของ "สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ" หลังจากเมื่อปีที่แล้วไม่ได้จัด ในครั้งนี้จึงยกยอดการพิจารณาผลงานดีมีคุณภาพในรอบปี 2562 กับ 2563 มาไว้รวมกัน
สำหรับเวทีประกาศผลตัดสินในครั้งนี้ ขอหลีกความวุ่นวายในกรุงไปลุยทุ่งกันที่ "เดอะมอลล์ โคราช" มีการถ่ายทอดผ่านทางช่องเวิร์คพอยท์เช่นเคย
ทันทีที่แฟนหนังทราบข่าวว่ารางวัลจะไปจัดกันที่นั่น ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์แล่นผ่านมายิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ โดยเฉพาะที่เฝ้ามองเป็นพิเศษก็คือรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลทุกประเภท
แต่ที่น่าขำยิ่งไปกว่าก็คือสถานที่จัดงานซึ่งมี "สมชัย ฉัตรพัฒนศิริ" ประธานสมาพันธ์ฯ เป็นคนโคราชโดยกำเนิด จนเป็นที่สงสัยว่างานนี้อาจเกิดความลำเอียงและขาดความน่าเชื่อถือของการจัดรางวัลอันทรงคุณค่าอย่างที่ท่านประธานคนก่อน ๆ ตั้งใจ
หรือจะว่าไปเพราะ "ท่านสมชัย" ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากไปหรือเปล่า...นี่สิที่น่าคิดที่สุด
ใจจริงรางวัลนี้ขาดมนต์ขลังอย่างเด่นชัดก็ตั้งแต่สมัย "เสี่ยเจียง" เป็นประธานฯ จำได้ว่าลูกสาวหน้าหล่อของตัวเองเคยรับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายหญิงจากหนังเรื่อง "เอ๋อเหรอ" จนเกิดข้อโต้แย้งตามมา
หรือจะกล่าวได้ว่างานจัดรางวัลสุพรรณหงส์ขาดความน่าเชื่อถือมาหลายครั้งแล้ว จะเป็นสมัยที่ท่านประธานคนแล้วคนเล่ายังกินตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างหนังหรือไม่ก็ตาม จนเมื่อท่านสมชัย ณ โคราชา เข้ามาดำรงตำแหน่งก็ดูเหมือนจะยังไม่มีผลงานชิ้นโบแดงให้คนรักหนังอย่างเราสบายใจ
ให้ถือเสียว่า "สุพรรณหงส์" ครั้งล่าสุดนี้เป็นบทเรียนที่ท่านควรทบทวนแล้วกัน หากการจัดงานและการตัดสินในครั้งต่อไปยังดูลุ่ม ๆ ดอน ๆ หรือแย่กว่าเดิม หรือในอีกทางหนึ่งคือไม่ช่วยฟื้นฟูหรือพัฒนาวงการหนังไทยให้ดีขึ้น
สิ่งเดียวที่เราปรารถนาอย่างถึงที่สุดก็คือว่า...ท่านสมชัยควรลาออกจากตำแหน่งผู้นำอันทรงเกียรติเช่นนี้ซะ แล้วเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมประสบการณ์และรู้เห็นอย่างรอบด้านมาสืบทอดจะยิ่งดีกว่า
เชื่อว่าวันนั้น...บรรยากาศของวงการหนังไทยจะกลับมาสดใส ชวนคึกคัก ชวนตื่นเต้นแน่ ๆ ไม่ทนเหงาอย่างที่เราเป็นมา
แฟน ๆ เห็นด้วยไหม...โปรดอ่านบทสัมภาษณ์จากปากของท่านประธานฯ แล้วค่อยคิดกันนะ...สวัสดี.
“คือพอผลออกมาไม่ถูกใจ มันก็เป็นอย่างนี้” ประธานสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติกล่าวถึงกรณีดราม่าผู้เข้าชิง #สุพรรณหงส์29
#อหอห ดูถูกกันเกินไปปะ นี่คือคำพูดที่ควรออกมาจากปากคนที่เป็นประธานสมาพันธ์ฯ เหรอ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งมาเคยมีผลงานพัฒนาหนังไทยให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างหรือยัง
จะหวังงาน “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 29” นี้ที่ประธานสมาพันธ์ฯ เป็นคนโคราช เลยต้องไปจัดงานที่โคราช เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคอีสานน่ะเหรอ #สำนึกรักบ้านเกิดไหมล่ะ แล้วมันเกี่ยวกับการฟื้นฟูอุตสาหกรรมหนังไทยยังไง
“สมชัย ฉัตรพัฒนศิริ” ประธานสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ (ปี 2561-ปัจจุบัน) คือ อดีต ส.ส.เขต จ.นครราชสีมา / นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา / ผู้บริหารโรงหนังไฟว์สตาร์มัลติเพล็กซ์ และเจ้าของโรงแรมปัญจดารา โคราช
“ในความเห็นของผม ผมคิดว่าคณะกรรมการเขาก็ดูรวมหลายเรื่อง ไม่ใช่เอาเฉพาะการแสดงอย่างเดียว อาจจะดูรายได้ด้วย มหาชนเขาว่าคนนี้ หนังเรื่องนี้ แต่เราไม่เคยฟัง เราเลือกแต่หนังอิสระ พวกนี้อาจจะมีส่วน... ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าเป็นกฏเกณฑ์การตัดสิน แต่เป็นไปได้ว่าในกรณีคะแนนเท่ากัน กรรมการก็อาจจะพิจารณาองค์ประกอบอื่น เช่น อาจจะมีเชิงพาณิชย์ด้วย... แต่ว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองแน่นอน มะเดี่ยวก็ยังเข้าชิงรางวัลเลย”
โอ๊ย พิจารณารางวัลสาขาการแสดงก็ต้องดูที่บทบาทการแสดงเป็นหลักสิ จะเอาเรื่องอื่นๆ อย่างรายได้หนัง ความเป็นที่รู้จักมากกว่าของทั้งหนังและนักแสดงมาร่วมเป็นเกณฑ์ตัดสินข้างเคียงไม่ได้โว้ย ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
อ่านสัมภาษณ์แล้วยิ่งรู้เลยว่า อย่าไปหาความน่าเชื่อถือและมาตรฐานการตัดสินกับ #รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ นี้