คนแก่บ่นอุบ ลงทะเบียนเราชนะผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนวันแรก คิวล้นหน้า ธ.กรุงไทย
https://www.thairath.co.th/news/local/south/2032799
วันแรกลงทะเบียน "เราชนะ" ของผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้สูงอายุบ่นอุบ พอต้องใช้สมาร์ทโฟนเลยเข้าถึงความช่วยเหลือไม่ทั่วถึง อยากให้การช่วยเหลือตามทะเบียนราษฎร์ เดินทางลำบาก ลงบ้านยังจะไม่ไหวเลย
เช้าวันที่ 15 ก.พ.64 ที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เวลาก่อน 07.00 น. ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มารอลงทะเบียนโครงการ “
เราชนะ” แต่ไม่มี Smartphone ที่รัฐเปิดให้ลงทะเบียนในวันแรก โดยทางธนาคารได้จัดเจ้าหน้าที่คอยจัดระบบและอำนวยความสะดวกให้ผู้มีความประสงค์ที่จะลงทะเบียนโครงการ “เราชนะ” แต่ไม่มีสมาร์ทโฟน เนื่องจากมีผู้มารอใช้บริการจำนวนมาก และตามมาตรการป้องกันโควิด-19
นาง
ช้วน ศรีเภาโฮก อายุ 78 ปี ชาวต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เป็นผู้สูงอายุ อีก 1 คน ที่เดินทางเพื่อรอลงทะเบียนโครงการเราชนะ แต่ไม่มีสมาร์ทโฟน พร้อมไม้เท้า กล่าวด้วยน้ำตาว่า ตนเองอยู่คนเดียว ลูกๆ ทำงานและอาศัยอยู่ที่อื่น มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุ และลูกๆ ส่งเงินให้ใช้จ่าย เมื่อมีโครงการช่วยเหลือ เยียวยา เราชนะ แต่โทรศัพท์ที่ใช้เป็นรุ่นเก่า ไม่สามารถลงทะเบียนได้ และทำไม่เป็น จึงต้องอาศัยเพื่อนบ้านมาธนาคาร เนื่องจากร่างกายเคลื่อนไหวลำบาก ต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน รู้สึกดีใจที่รัฐให้การช่วยเหลือ แต่อยากให้มีระบบการช่วยเหลือที่ผู้สูงอายุ หรือคนจนๆ สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่านี้
ขณะที่ นางสาว
ภาริษา ไชยแก้ว อายุ 32 ปี ชาว อ.ดอนสัก ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ลางาน เพื่อพา นาง
วิมล ไชยแก้ว อายุ 68 ปี มารอลงทะเบียนที่ธนาคาร เนื่องจากผู้ต้องการรับสิทธิ์ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ที่ยังไม่หมดอายุ และมาด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถมอบอำนาจได้ โดยกล่าวว่า แม่มีโทรศัพท์แบบปุ่มกดธรรมดา จึงต้องลางานเพื่อพาแม่มาลงทะเบียนที่ธนาคาร โดยส่วนตัวมองว่า การลงทะเบียนรับการช่วยเหลือผ่าน Smart Card สำหรับกลุ่มวัยทำงานไม่มีปัญหา แต่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ใช้แบบปุ่มกด และหากไม่มีลูกหลานก็จะเข้าถึงการช่วยเหลือลำบาก อยากให้รัฐให้การช่วยเหลือแบบทั่วถึง โดยอิงข้อมูลตามทะเบียนราษฎร์ที่มีอยู่แล้ว.
พท.ปูด ‘บิ๊ก ป.ปลา’ รับส่วย พาต่างด้าวเข้าเมือง ทำโควิดระบาด ‘หมอชลน่าน’ เตรียมยื่น ป.ป.ช.เอาผิด 2 กลุ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2579017
‘เพื่อไทย’ ปูด มี ‘บิ๊ก ป.ปลา’ รับส่วย เอาแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง ทำโควิดระบาดรอบ 2 ‘หมอชลน่าน’ ฮึ่ม เตรียมยื่น ป.ป.ช.เอาผิด 2 กลุ่ม
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมการการเมือง พรรค พท. ในฐานะประธานคณะทำงานตู้ต้านโกง พรรค พท. พร้อมด้วยนาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค และ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พท. ร่วมกันแถลงข้อมูลทุจริตที่ได้รับหลังเปิดโครงการตู้ต้านโกง
นาย
วรวัจน์กล่าวว่า วันนี้มีทั้งประชาชนและข้าราชการส่งข้อมูลมาที่ตู้ต้านโกงพรรค พท. กรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด เพราะมีการรับส่วย ซึ่งมีการตั้งขบวนการรับและส่งส่วยอย่างเป็นระบบ ทั้งยังมีการแก้ไขกฎหมายช่วยให้การรับส่วย และให้การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาได้ง่ายขึ้น
นาย
วรวัจน์กล่าวว่า ตนคิดว่าโควิด-19 ไม่มีวันหมดไปจากสังคมไทยถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ และทำกันแบบนี้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องฝากไปถึงนายกฯที่คุมตำรวจและทหาร ตั้งใจรับฟังข้อมูลและพิจารณาให้ดีๆ ว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เนื่องจากข้อมูลที่เราได้รับมา ผู้ให้ข้อมูลแจ้งว่าส่วยนี้ถูกส่งไปถึง “
บิ๊ก ป.ปลา” คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งต้องตั้งใจฟังให้ดีว่าเป็น “
บิ๊ก ป.ปลา” ไหน
นาย
วรวัจน์กล่าวว่า ขบวนการนี้เกี่ยวพันตั้งแต่ การทำให้เกิดการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กัน การแต่งตั้งโยกย้ายหมุนเวียน การประมูลการค้าส่วย จนทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ไปทั้งประเทศ รวมทั้งขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาดู ส.ส.ในพื้นที่ของตน เพราะหาก ส.ส.ของท่านยังไปยกมือไว้วางใจให้ ส.ส.เหล่านี้ ท่านรับได้หรือไม่ ถ้ารับไม่ได้ อย่าเอา ส.ส.ที่ยกมือสนับสนุนรัฐบาลนี้เข้ามาอีก
นาย
วรวัจน์กล่าวอีกว่า ข้อมูลที่ได้รับเราจะส่งต่อ ส.ส.ของพรรค พท.เพื่อนำไปอภิปรายในสภา ทั้งนี้ ผู้ที่ให้ข้อมูลแก่เรามานี้ ความจริงวันนี้อยากมาร่วมแถลงข่าวด้วย แต่ทราบมาว่าถูกล็อกตัวไปแล้ว ดังนั้น ในอนาคตท่านอาจจะได้พบกับผู้ที่มาเปิดเผยข้อมูลท่านนี้
ด้าน นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ในฐานะตัวแทนทีมอภิปรายของพรรคเพื่อไทยจะนำข้อมูลที่ได้รับนี้ไปอภิปรายรัฐมนตรีในสภาต่อไป ทั้งนี้ แม้เรารู้ว่า มือในสภาเราจะสู้ไม่ได้ แต่คิดว่าเรียกศรัทธาจากประชาชนได้ เราก็จะฟ้องพี่น้องประชาชน และเรามีความมั่นใจว่า หากมีการใช้กฎหมายลักษณะใหม่ เรื่องที่เราจะส่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาผิดรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางที่ต้องส่ง ป.ป.ช. มี 2 กลุ่ม คือ
1.
กรณีเป็นความผิดตามข้อกล่าวหาฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง คดีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว โดย ป.ป.ช.รับชี้มูล แล้วส่งไปยังศาลฎีกา ซึ่งในข้อกล่าวหา เรามีหลายรัฐมนตรี ตั้งแต่ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไล่ไป
นพ.ชลน่านกล่าวว่า และ 2.
กระทำผิดกฎหมาย ทุจริต แสวงหาผลประโยชน์ชัดเจน ซึ่งเป็นคดีอาญา เราเตรียมส่งเรื่องไป ป.ป.ช. และเตรียมถูกส่งต่อไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาการเมือง
JJNY : คนแก่บ่นอุบลงทะเบียนเราชนะ│พท.ปูด‘บิ๊กป.ปลา’รับส่วยต่างด้าวเข้าเมือง│21เสียงพรรคเล็กเขย่ารบ.│ทัพพม่ายกพลเข้าเมือง
https://www.thairath.co.th/news/local/south/2032799
เช้าวันที่ 15 ก.พ.64 ที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เวลาก่อน 07.00 น. ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มารอลงทะเบียนโครงการ “เราชนะ” แต่ไม่มี Smartphone ที่รัฐเปิดให้ลงทะเบียนในวันแรก โดยทางธนาคารได้จัดเจ้าหน้าที่คอยจัดระบบและอำนวยความสะดวกให้ผู้มีความประสงค์ที่จะลงทะเบียนโครงการ “เราชนะ” แต่ไม่มีสมาร์ทโฟน เนื่องจากมีผู้มารอใช้บริการจำนวนมาก และตามมาตรการป้องกันโควิด-19
นางช้วน ศรีเภาโฮก อายุ 78 ปี ชาวต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เป็นผู้สูงอายุ อีก 1 คน ที่เดินทางเพื่อรอลงทะเบียนโครงการเราชนะ แต่ไม่มีสมาร์ทโฟน พร้อมไม้เท้า กล่าวด้วยน้ำตาว่า ตนเองอยู่คนเดียว ลูกๆ ทำงานและอาศัยอยู่ที่อื่น มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุ และลูกๆ ส่งเงินให้ใช้จ่าย เมื่อมีโครงการช่วยเหลือ เยียวยา เราชนะ แต่โทรศัพท์ที่ใช้เป็นรุ่นเก่า ไม่สามารถลงทะเบียนได้ และทำไม่เป็น จึงต้องอาศัยเพื่อนบ้านมาธนาคาร เนื่องจากร่างกายเคลื่อนไหวลำบาก ต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน รู้สึกดีใจที่รัฐให้การช่วยเหลือ แต่อยากให้มีระบบการช่วยเหลือที่ผู้สูงอายุ หรือคนจนๆ สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่านี้
ขณะที่ นางสาวภาริษา ไชยแก้ว อายุ 32 ปี ชาว อ.ดอนสัก ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ลางาน เพื่อพา นางวิมล ไชยแก้ว อายุ 68 ปี มารอลงทะเบียนที่ธนาคาร เนื่องจากผู้ต้องการรับสิทธิ์ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card ที่ยังไม่หมดอายุ และมาด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถมอบอำนาจได้ โดยกล่าวว่า แม่มีโทรศัพท์แบบปุ่มกดธรรมดา จึงต้องลางานเพื่อพาแม่มาลงทะเบียนที่ธนาคาร โดยส่วนตัวมองว่า การลงทะเบียนรับการช่วยเหลือผ่าน Smart Card สำหรับกลุ่มวัยทำงานไม่มีปัญหา แต่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ใช้แบบปุ่มกด และหากไม่มีลูกหลานก็จะเข้าถึงการช่วยเหลือลำบาก อยากให้รัฐให้การช่วยเหลือแบบทั่วถึง โดยอิงข้อมูลตามทะเบียนราษฎร์ที่มีอยู่แล้ว.
พท.ปูด ‘บิ๊ก ป.ปลา’ รับส่วย พาต่างด้าวเข้าเมือง ทำโควิดระบาด ‘หมอชลน่าน’ เตรียมยื่น ป.ป.ช.เอาผิด 2 กลุ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2579017
‘เพื่อไทย’ ปูด มี ‘บิ๊ก ป.ปลา’ รับส่วย เอาแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง ทำโควิดระบาดรอบ 2 ‘หมอชลน่าน’ ฮึ่ม เตรียมยื่น ป.ป.ช.เอาผิด 2 กลุ่ม
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมการการเมือง พรรค พท. ในฐานะประธานคณะทำงานตู้ต้านโกง พรรค พท. พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พท. ร่วมกันแถลงข้อมูลทุจริตที่ได้รับหลังเปิดโครงการตู้ต้านโกง
นายวรวัจน์กล่าวว่า วันนี้มีทั้งประชาชนและข้าราชการส่งข้อมูลมาที่ตู้ต้านโกงพรรค พท. กรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด เพราะมีการรับส่วย ซึ่งมีการตั้งขบวนการรับและส่งส่วยอย่างเป็นระบบ ทั้งยังมีการแก้ไขกฎหมายช่วยให้การรับส่วย และให้การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาได้ง่ายขึ้น
นายวรวัจน์กล่าวว่า ตนคิดว่าโควิด-19 ไม่มีวันหมดไปจากสังคมไทยถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ และทำกันแบบนี้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องฝากไปถึงนายกฯที่คุมตำรวจและทหาร ตั้งใจรับฟังข้อมูลและพิจารณาให้ดีๆ ว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เนื่องจากข้อมูลที่เราได้รับมา ผู้ให้ข้อมูลแจ้งว่าส่วยนี้ถูกส่งไปถึง “บิ๊ก ป.ปลา” คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งต้องตั้งใจฟังให้ดีว่าเป็น “บิ๊ก ป.ปลา” ไหน
นายวรวัจน์กล่าวว่า ขบวนการนี้เกี่ยวพันตั้งแต่ การทำให้เกิดการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กัน การแต่งตั้งโยกย้ายหมุนเวียน การประมูลการค้าส่วย จนทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ไปทั้งประเทศ รวมทั้งขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาดู ส.ส.ในพื้นที่ของตน เพราะหาก ส.ส.ของท่านยังไปยกมือไว้วางใจให้ ส.ส.เหล่านี้ ท่านรับได้หรือไม่ ถ้ารับไม่ได้ อย่าเอา ส.ส.ที่ยกมือสนับสนุนรัฐบาลนี้เข้ามาอีก
นายวรวัจน์กล่าวอีกว่า ข้อมูลที่ได้รับเราจะส่งต่อ ส.ส.ของพรรค พท.เพื่อนำไปอภิปรายในสภา ทั้งนี้ ผู้ที่ให้ข้อมูลแก่เรามานี้ ความจริงวันนี้อยากมาร่วมแถลงข่าวด้วย แต่ทราบมาว่าถูกล็อกตัวไปแล้ว ดังนั้น ในอนาคตท่านอาจจะได้พบกับผู้ที่มาเปิดเผยข้อมูลท่านนี้
ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในฐานะตัวแทนทีมอภิปรายของพรรคเพื่อไทยจะนำข้อมูลที่ได้รับนี้ไปอภิปรายรัฐมนตรีในสภาต่อไป ทั้งนี้ แม้เรารู้ว่า มือในสภาเราจะสู้ไม่ได้ แต่คิดว่าเรียกศรัทธาจากประชาชนได้ เราก็จะฟ้องพี่น้องประชาชน และเรามีความมั่นใจว่า หากมีการใช้กฎหมายลักษณะใหม่ เรื่องที่เราจะส่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาผิดรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางที่ต้องส่ง ป.ป.ช. มี 2 กลุ่ม คือ
1. กรณีเป็นความผิดตามข้อกล่าวหาฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง คดีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว โดย ป.ป.ช.รับชี้มูล แล้วส่งไปยังศาลฎีกา ซึ่งในข้อกล่าวหา เรามีหลายรัฐมนตรี ตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไล่ไป
นพ.ชลน่านกล่าวว่า และ 2.กระทำผิดกฎหมาย ทุจริต แสวงหาผลประโยชน์ชัดเจน ซึ่งเป็นคดีอาญา เราเตรียมส่งเรื่องไป ป.ป.ช. และเตรียมถูกส่งต่อไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาการเมือง