เห็น trailer ของ The White Tiger ใน Netflix ตอนแรกผมเฉยๆเพราะไม่ใช่คอหนังอินเดีย คนรวยขับรถชนคนตายหาแพะเป็นคนขับรถมารับผิดแทนแต่ตอนหลังแพะหาทางเอาคืน เอ๊ะ พล็อตคุ้นๆเหมือนคดีแถวนี้แต่ก็ยังลังเลเห็นบ่อยเข้าสุดท้ายขอจัดซะหน่อย
ต้องยอมรับว่าการสร้างหนังสมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก การถ่ายภาพ มุมกล้อง การดำเนินเรื่องทำให้หนังน่าติดตาม หนังกำกับและเขียนบทโดย Ramin Bahrani เล่าถึงพระเอกซื่อที่ไม่ใสเท่าไร(เจ้าเล่ห์นิดๆ) (Adarsh Gourav) พยายามถีบตัวเองจากคนชั้นล่างขึ้นมาเป็นคนขับรถของคนรวย นั่นดูจะเป็นความฝันสูงสุดเท่าที่คนระดับเขาจะเป็นได้ การมีรายได้ที่ดี มีการงานที่มั่นคงมันมากพอที่จะเป็นหลักประกันให้ชีวิตและบรรดาวงศาคณาญาติที่มีเยอะเหลือเกิน
เหตุการณ์มาพลิกผันเมื่อเจ้านายดันไปขับรถชนคนตาย พ่อเจ้านายพร้อมทนายหัวหมอมัดมือชกให้พระเอกเซ็นรับเป็นคนขับเสียเอง จาก trailer ทำให้เข้าใจว่าพระเอกคงได้รับความทุกข์แสนสาหัสจนต้องลุกขึ้นสู้... เปล่า ด้วยอำนาจของเงินฝ่ายเจ้านายสามารถเสกให้คดีเงียบไปได้ ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติและชีวิตก็ควรดำเนินต่อไป จบ แต่ไม่ใช่ หนังกลับดึงเราไปสู่ภาพที่ใหญ่กว่า ความคับข้องใจที่เกิดขึ้นของพระเอกจะเรียกว่า culture shock หรือ systematic shock หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้พระเอกตื่นมาพบภาวะสังคมและโลกที่ตัวเองยืน วงศาคณาญาติที่อ้างจารีตคอยสูบเลือดเนื้อ คนรวยที่เอาเปรียบสังคมทุกเม็ด นักการเมืองที่ดูดีแต่เปลือกแต่ไส้ในคอรัปชั่นได้อย่างน่ารังเกียจ
ความผิดไม่ได้อยู่ที่ตัวละครตัวใดในเรื่องนี้แต่อยู่ที่ระบบ คนที่อยู่ในระบบนี้ได้มีแค่คนที่ถูกกดขี่หรือไม่ก็ชนชั้นปกครองเท่านั้น นอกนั้นต้องไปอยู่ประเทศอื่นหรือไม่ก็ตายออกไปจากระบบ สิ่งที่ผมเห็นคือรางวัลต่างๆเริ่มลอยมาละ หนังเรื่องนี้จะถูกพูดถึงในโลกภาพยนต์ในไม่ช้า แต่น่าเสียดายยิ่งนักหลังจากหนังผ่านจุดไคลแม็กซ์ที่พระเอกเลือกเดินอีกทางผมสงสัยว่ามีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับหรือเปล่า จังหวะของหนังกลายเป็นรวบรัดไปหมด ทุกอย่างที่ปูมาพร้อมเหตผลรองรับกลายเป็นแกว่งไปมาอย่างลวกๆ หากคุณเคยทำธุรกิจหรือค้าขายจะรู้ว่าถ้าไม่ใช่เกิดมามีกึ๋นจริงๆก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอตัวกว่าจะยืนหยัดได้แม้ว่าคุณจะเริ่มต้นในโลกมาเฟียก็เถอะ แต่นี่พระเอกคนซื่อที่ไม่นานนี้ไม่รู้จักแม้แต่คำว่าอินเตอร์เน็ตกลับกลายเป็นขงเบ้งผู้อ่านเกมส์ขาดและพริ้วไหวในโลกธุรกิจเสมือนหนึ่งช่ำชองมานาน หรือว่าผู้กำกับปูหนังมาซะดีแล้วเพิ่งนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ซีรี่นี่หว่าเป็นหนังความยาวสองชั่วโมง เวลาหมดแล้วลวกได้แค่นี้
เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมก็ยังชอบส่วนแรกของหนังเอามากๆและชื่นชมที่ทีมผู้สร้างพยายามสะท้อนสังคมได้ลึกซึ้งยิ่งนัก ล่าสุดหนังได้เข้าชิงหนังเยี่ยมใน Bafta ด้วย* ก็ขอเป็นกำลังใจละกัน
* ขอแก้ไข หนังติดชิงหนังเยี่ยม Bafta รอบสองแต่สุดท้ายไม่ติด 1 ใน 5 ส่วนดารานำชายติดชิง 1 ใน 6 ครับ
Netflix - The White Tiger หนังที่เกือบดี
ต้องยอมรับว่าการสร้างหนังสมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก การถ่ายภาพ มุมกล้อง การดำเนินเรื่องทำให้หนังน่าติดตาม หนังกำกับและเขียนบทโดย Ramin Bahrani เล่าถึงพระเอกซื่อที่ไม่ใสเท่าไร(เจ้าเล่ห์นิดๆ) (Adarsh Gourav) พยายามถีบตัวเองจากคนชั้นล่างขึ้นมาเป็นคนขับรถของคนรวย นั่นดูจะเป็นความฝันสูงสุดเท่าที่คนระดับเขาจะเป็นได้ การมีรายได้ที่ดี มีการงานที่มั่นคงมันมากพอที่จะเป็นหลักประกันให้ชีวิตและบรรดาวงศาคณาญาติที่มีเยอะเหลือเกิน
เหตุการณ์มาพลิกผันเมื่อเจ้านายดันไปขับรถชนคนตาย พ่อเจ้านายพร้อมทนายหัวหมอมัดมือชกให้พระเอกเซ็นรับเป็นคนขับเสียเอง จาก trailer ทำให้เข้าใจว่าพระเอกคงได้รับความทุกข์แสนสาหัสจนต้องลุกขึ้นสู้... เปล่า ด้วยอำนาจของเงินฝ่ายเจ้านายสามารถเสกให้คดีเงียบไปได้ ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติและชีวิตก็ควรดำเนินต่อไป จบ แต่ไม่ใช่ หนังกลับดึงเราไปสู่ภาพที่ใหญ่กว่า ความคับข้องใจที่เกิดขึ้นของพระเอกจะเรียกว่า culture shock หรือ systematic shock หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้พระเอกตื่นมาพบภาวะสังคมและโลกที่ตัวเองยืน วงศาคณาญาติที่อ้างจารีตคอยสูบเลือดเนื้อ คนรวยที่เอาเปรียบสังคมทุกเม็ด นักการเมืองที่ดูดีแต่เปลือกแต่ไส้ในคอรัปชั่นได้อย่างน่ารังเกียจ
ความผิดไม่ได้อยู่ที่ตัวละครตัวใดในเรื่องนี้แต่อยู่ที่ระบบ คนที่อยู่ในระบบนี้ได้มีแค่คนที่ถูกกดขี่หรือไม่ก็ชนชั้นปกครองเท่านั้น นอกนั้นต้องไปอยู่ประเทศอื่นหรือไม่ก็ตายออกไปจากระบบ สิ่งที่ผมเห็นคือรางวัลต่างๆเริ่มลอยมาละ หนังเรื่องนี้จะถูกพูดถึงในโลกภาพยนต์ในไม่ช้า แต่น่าเสียดายยิ่งนักหลังจากหนังผ่านจุดไคลแม็กซ์ที่พระเอกเลือกเดินอีกทางผมสงสัยว่ามีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับหรือเปล่า จังหวะของหนังกลายเป็นรวบรัดไปหมด ทุกอย่างที่ปูมาพร้อมเหตผลรองรับกลายเป็นแกว่งไปมาอย่างลวกๆ หากคุณเคยทำธุรกิจหรือค้าขายจะรู้ว่าถ้าไม่ใช่เกิดมามีกึ๋นจริงๆก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอตัวกว่าจะยืนหยัดได้แม้ว่าคุณจะเริ่มต้นในโลกมาเฟียก็เถอะ แต่นี่พระเอกคนซื่อที่ไม่นานนี้ไม่รู้จักแม้แต่คำว่าอินเตอร์เน็ตกลับกลายเป็นขงเบ้งผู้อ่านเกมส์ขาดและพริ้วไหวในโลกธุรกิจเสมือนหนึ่งช่ำชองมานาน หรือว่าผู้กำกับปูหนังมาซะดีแล้วเพิ่งนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ซีรี่นี่หว่าเป็นหนังความยาวสองชั่วโมง เวลาหมดแล้วลวกได้แค่นี้
เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมก็ยังชอบส่วนแรกของหนังเอามากๆและชื่นชมที่ทีมผู้สร้างพยายามสะท้อนสังคมได้ลึกซึ้งยิ่งนัก ล่าสุดหนังได้เข้าชิงหนังเยี่ยมใน Bafta ด้วย* ก็ขอเป็นกำลังใจละกัน
* ขอแก้ไข หนังติดชิงหนังเยี่ยม Bafta รอบสองแต่สุดท้ายไม่ติด 1 ใน 5 ส่วนดารานำชายติดชิง 1 ใน 6 ครับ