ปฏิทินพระจันทร์เต็มดวงปี 2021

กระทู้คำถาม

ธรณีวิทยา ดาราศาสตร์ หน้าต่างโลก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภาพถ่ายขั้นสูง

ดวงจันทร์เต็มดวงนั้นจะเกิดขึ้นประมาณเดือนละครั้ง ซึ่งจริงๆแล้ว ดวงจันทร์เต็มดวงนั้นจะไม่ได้เต็มดวงจริงๆ เรามักจะเห็นแค่ด้านเดียวกันของดวงจันทร์ (เพราะดวงจันทร์หันข้างเดียวเข้าโลกตลอดเวลา) โดยส่วนหนึ่งจะอยู่ในเงามืด ยกเว้นเมื่อดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์อยู่ในแนวเดียวกันอย่างสมบูรณ์
นั่นจะเป็นดวงจันทร์เต็มดวง 100% ซึ่งการวางตำแหน่งดังกล่าวนี้ที่ก่อให้เกิดจันทรุปราคา

แต่บางครั้ง ในหนึ่งเดือนก็อาจมีดวงจันทร์เต็มดวงสองครั้งได้ เช่นในกรณีของ "Blue Moon" ที่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ซึ่งคำว่า Blue Moon เพิ่งจะถูกนำมาใช้กับดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองภายในเดือนเดียวกันเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีเวลาประมาณ 29.5 วัน สำหรับเดือนที่ยาวนาน 30 หรือ 31 วัน (ดังนั้น เดือนกุมภาพันธ์จะไม่มี Blue Moon )

โดยพระจันทร์เต็มดวงของเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 เวลา 03:17 น. ตามเวลา EDT (8:17 UTC) โดยผู้ดูดาวสามารถเฝ้ามองดวงจันทร์ที่ค่อยๆปรากฏไปเรื่อยๆจนถึงเต็มดวงได้ในคืนก่อนและหลังอีกเล็กน้อย ซึ่งจันทร์เต็มดวงของเดือนนี้ บางครั้งเป็นที่รู้จักในชื่อ Snow Moon แม้ว่าจะมีชื่อเล่นอื่น ๆ อีกตามวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป

ตำแหน่งของดวงจันทร์ในอวกาศที่พระจันทร์เต็มดวง

Cr.ภาพ timeanddate.com/

และนี่คือช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เต็มดวงจะเกิดขึ้นในปี 2021 ตามข้อมูลของ NASA

Date Name U.S. Eastern Time UTC

Jan 28 Wolf Moon 2:16 p.m. 19:16
Feb 27 Snow Moon 3:17 a.m. 8:17
Mar 28 Worm Moon 2:48 p.m. 18:48
Apr 26 Pink Moon 11:31 p.m. 3:31 (Apr. 27)
May 26 Flower Moon 7:14 a.m. 11:14
Jun 24 Strawberry Moon 2:40 p.m. 18:40
Jul 23 Buck Moon 10:37 a.m. 2:37 (Jul 24)
Aug 22 Sturgeon Moon 8:02 a.m. 12:02
Sep 20 Corn Moon 7:55 a.m. 23:55
Oct 20 Harvest Moon 10:57 a.m. 14:57
Nov 19 Beaver Moon 3:58 a.m. 8:58
Dec 18 Cold Moon 11:36 p.m. 4:36 (Dec 19)

วันที่ข้างขึ้นข้างแรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 (Cr.ภาพ: JPL / NASA)

นอกจากนี้ ในหลายๆวัฒนธรรมที่มีการตั้งชื่อที่แตกต่างกันสำหรับดวงจันทร์เต็มดวงของแต่ละเดือนนั้น ต้องย้อนหลังไปถึงชนพื้นเมืองอเมริกันในอเมริกาเหนือ ที่มีกลุ่มชนเผ่าคอยติดตามเฝ้าดูดวงจันทร์ตามฤดูกาล และตั้งชื่อที่โดดเด่นให้กับดวงจันทร์เต็มดวงที่เกิดแต่ละครั้ง เช่น ดวงจันทร์เต็มดวงที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 27, 2021 แม้จะเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า " Full Snow Moon " แต่ชนเผ่าเชอโรกีเรียกกันในชื่อ Hunger Moon หรือ Storm Moon ซึ่งหมายถึง" Bone Moon "

ทั้งนี้ ในเว็บไซต์ The Farmer's Almanac มีรายชื่อของดวงจันทร์ที่มีรูปแบบที่แตกต่างกันหลายชื่อ ที่ใช้กันทั่วไปในสหรัฐอเมริกา แต่โดยทั่วไปแล้ว
ชื่อของดวงจันทร์เต็มดวงนี้จะมีความสอดคล้องกันในระหว่างชนเผ่าในภูมิภาคและสร้างชื่อของตนเองขึ้นมา

โดยชื่อของดวงจันทร์เต็มดวงมักจะตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นประจำฤดูกาล ดังนั้น Harvest Moon จึงเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดฤดู growing season ในเดือนกันยายนหรือตุลาคม และ Cold Moon จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมที่หนาวจัด แต่ในซีกโลกใต้ซึ่งมีการเปลี่ยนฤดูกาล Harvest Moon จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม และ Cold Moon จะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน โดยด้านล่างนี่คือรายละเอียดของชื่อ Full Moon ของ Farmers Almanac

ดวงจันทร์เต็มดวง - มกราคม

ท่ามกลางหิมะที่หนาวเย็นของฤดูหนาว จะมีฝูงหมาป่าส่งเสียงโหยหวนอย่างหิวโหยนอกหมู่บ้านของอินเดีย

ดังนั้น ชื่อของดวงจันทร์เต็มดวงในเดือนมกราคม บางครั้งจึงถูกเรียกว่า Old Moon หรือ the Moon After Yule

แต่บางคนก็เรียกมันว่า Full Snow Moon ซึ่งชนเผ่าส่วนใหญ่จะใช้ชื่อนี้กับดวงจันทร์เต็มดวงในเดือนถัดไปมากกว่า

กุมภาพันธ์

เนื่องจากหิมะที่ตกหนักที่สุดมักจะตกในช่วงเดือนนี้ ชนเผ่าพื้นเมืองทางเหนือและตะวันออกส่วนใหญ่มักเรียกดวงจันทร์เต็มดวง

ในเดือนกุมภาพันธ์ว่า Full Snow Moon และบางเผ่ายังเรียกดวงจันทร์นี้ว่า Full Hunger Moon

เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในพื้นที่ของพวกเขา ทำให้การล่าสัตว์เป็นเรื่องยากมาก

มีนาคม

เมื่ออุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นและพื้นดินเริ่มละลาย ไส้เดือนดินก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับการกลับมาของนก robins

แต่ชนเผ่าทางเหนือจะรู้จักดวงจันทร์นี้ในฐานะ Full Crow Moon เมื่อการล่าของกาส่งสัญญาณว่าจะสิ้นสุดฤดูหนาว

หรือ Full Crust Moon เนื่องจากหิมะที่ปกคลุมอยู่กลายเป็นเปลือกโลก จากการละลายในตอนกลางวันและเป็นน้ำแข็งในตอนกลางคืน

รวมทั้งชื่อ Full Sap Moon ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเคาะต้นเมเปิ้ล และ Lenten Moon สำหรับดวงจันทร์เต็มดวงสุดท้ายของฤดูหนาว

เมษายน

ชื่อนี้มาจาก herb moss pink หรือต้น phlox ป่า ซึ่งเป็นดอกไม้ที่แพร่หลายที่สุดชนิดหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิ

และชื่ออื่น ๆ สำหรับวัตถุท้องฟ้าในเดือนนี้ ได้แก่ Full Sprouting Grass Moon,Egg Moon

และในหมู่ชนเผ่าชายฝั่งทะเลจะเรียกว่า Full Fish Moon เนื่องจากเป็นเวลาที่ปลา shad จะว่ายทวนน้ำเพื่อวางไข่

พ.ค.

ส่วนใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ จะมีดอกไม้อยู่มากมายในช่วงเวลานี้ ดังนั้นชื่อของดวงจันทร์นี้ในชื่ออื่น ๆ ได้แก่ Full Corn Planting Moon หรือ Milk Moon

มิถุนายน

ชื่อนี้เป็นชื่อสากลสำหรับทุกเผ่าของ Algonquin

แต่ในยุโรปเรียกมันว่า Rose Moon เนื่องจากเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวสตรอเบอร์รี่ ดังนั้นดวงจันทร์เต็มดวงจึงถูกตั้งชื่อว่า strawberry Moon

กรกฎาคม

โดยปกติเดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่กวางตัวผู้ตัวใหม่ดันเขาของมันออกมาจากหน้าผาก และเกิดพายุฝนฟ้าคะนองบ่อยที่สุดในช่วงเวลานี้

จึงถูกเรียกว่า Full Thunder Moon โดยมีอีกชื่อหนึ่งคือ Full Hay Moon

สิงหาคม

ชนเผ่าประมงได้รับเครดิตสำหรับการตั้งชื่อของดวงจันทร์เดือนนี้

เนื่องจากในช่วงเดือนนี้ปลาสเตอร์เจียนซึ่งเป็นปลาขนาดใหญ่ในเกรตเลกส์และแหล่งน้ำสำคัญอื่น ๆ ถูกจับได้ง่ายที่สุด

และสำหรับชื่อ Full Red Moon เพราะเมื่อดวงจันทร์ขึ้นเต็มดวง มันจะกลายเป็นสีแดงฉานผ่านหมอกควันที่ร้อนระอุ

ส่วนชื่ออื่นคือ Green Corn Moon หรือ Grain Moon

กันยายน

ชื่อ Harvest Moon นี้มาจากชนพื้นเมืองอเมริกันเพราะ เป็นเครื่องหมายว่าควรเก็บเกี่ยวข้าวโพดได้แล้ว และจะเกิดขึ้นใกล้เคียงกับฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด

โดยในสองจากสามปี Harvest Moon จะมาในเดือนกันยายน แต่ในบางปีจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม และเมื่อดวงจันทร์เต็มดวง ชาวนาจะเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงดึกได้โดยใช้แสงของดวงจันทร์นี้

ตุลาคม

ดวงจันทร์เต็มดวงเดือนนี้มักเรียกกันว่า Full Hunter’s Moon, Blood Moon หรือ Sanguine Moon

โดยดวงจันทร์หลายดวงที่ผ่านมา ชาวอเมริกันพื้นเมืองจะตั้งชื่อด้วยเหตุผลที่ชัดเจน และดวงจันทร์ดวงนี้ก็เช่นกัน

นั่นคือ เมื่อใบไม้ร่วงหล่นจากต้นไม้ กวางที่อิ่มเต็มที่จะถูกล่า เพราะถึงเวลาเริ่มเก็บเนื้อไว้ใช้ในฤดูหนาวอันยาวนานข้างหน้าแล้ว

พฤศจิกายน

นี่เป็นเวลาที่ต้องวางกับดักสัตว์ชนิดหนึ่งก่อนที่หนองน้ำจะแข็งตัวเพื่อให้แน่ใจว่ามีขนสัตว์ที่อบอุ่นสำหรับฤดูหนาว

นอกจากนี้ชื่อ Full Beaver Moon มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าตอนนี้บีเวอร์กำลังเตรียมพร้อมสำหรับฤดูหนาว บางครั้งจึงเรียกว่า Frosty Moon

ธันวาคม

ในช่วงเดือนนี้ความหนาวเย็นของฤดูหนาวจะเข้าเกาะกุมอย่างรวดเร็ว และกลางคืนจะยาวนานที่สุดและมืดที่สุด โดยบางครั้งจะเรียกว่า Moon before Yule ส่วนคำว่า Long Night's Moon เป็นชื่อที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากดวงจันทร์จะอยู่เหนือขอบฟ้าเป็นเวลานาน