แชร์ประสบการณ์ : น่าน น่านไง....




1. เที่ยวติดๆ กัน 2 ทริปค่ะ ไปภูเก็ตปุ๊บอีก 2 อาทิตย์ไปน่านเลย ไม่รู้ covid จะมาอีกเมื่อไหร่เลยต้องรีบๆ เที่ยวตุนไว้ ตอนที่เขียนกระทู้นี้นี่โควิทกำลังระบาดอีกรอบค่ะ ดีใจทุกครั้งตอนใส่หน้ากากแล้วได้กลิ่นน้ำลายบูดๆ ของตัวเอง

2. วันแรกของทริปก็ต้องแหกขี้ตาตื่นรีบไปสนามบินค่ะ สนามบินเงียบเหงาเหมือนอย่างเคย








3. เราจะไม่เศร้าค่ะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นค่ะ






4. ดูเหมือนจะไม่มีคน แต่เอาเข้าจริงลำที่เราไปผู้โดยสารเต็มลำนะคะ

5. ไปภูเก็ตครั้งที่แล้วเป็นครั้งแรกที่สั่งอาหารไว้กินบนเครื่องค่ะ สารภาพว่าจำใจสั่งเพราะมันรวมใน package ซื้อน้ำหนักค่ะ

6. สารภาพตามตรงว่าสั่งแบบลังเลเพราะอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องมักไม่อร่อยค่ะ แต่ผิดคาด ของแอร์เอเชียอร่อยแหะ ถึงจะน้อยไปนิดนึงก็เถอะ

7. ไม่นับอาหารของพวก first class กับ business class นะคะ อันนั้นไม่อร่อยไม่ได้ค่ะ

8. ครั้งนี้จึงไม่ลังเลค่ะ สั่งอาหารล่วงหน้าโลด.... ถ้าเป็นไปได้นี่อยากจะลองชิมให้ครบทุกเมนูเลยทีเดียว

9. ยังไม่พอ สั่งชาไทยไข่มุกอีกคนละแก้ว ติดใจค่ะ

10. โชคดีที่ลำนี้น้องแอร์สายน่านขายของไม่เก่งเท่าน้องแอร์สายภูเก็ต  ถ้าเจอแบบตอนไปภูเก็ตนี่ต้องนั่งกอดกระเป๋าตังค์ไว้แน่นๆ พร้อมกับเอาหัวโขกพนักด้านหน้าเรียกสติเป็นระยะๆ แอร์อะไรขายของเก๊งเก่ง....

11. เครื่องลงปุ๊บ วิ่งไปรับรถปั๊บ ปกติๆ ไม่เคยบ่นเรื่องรถเช่าค่ะ แต่คันนี้ขอบ่นหน่อยเถอะ ใครเป็นคนให้ติดฟิลม์ข้างหน้าเข้มๆ แต่ข้างๆ ดันติดอ่อนจนเหมือนไม่ติดคะ ไอ้เรื่องร้อนนะยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนกลางคืนมันมองไม่เห็นค่าาาาาาาา......  ขอเปลี่ยนรถดันไม่มีให้เปลี่ยนอีกตะหาก งวดหน้าต้องดูดีๆ ละ

12. เมื่อไม่มีให้เปลี่ยนก็ต้องใช้ไปค่ะ

13. จุดหมายแรกโฮงเจ้าฟองคำ เป็นบ้านเก่าอายุ 200 กว่าปีค่ะ เจ้าของเป็นทายาทเจ้าผู้ครองนครน่าน จุดเด่นๆ ของที่นี่เลยคือจะได้เห็นว่าคนสมัยโน้นเขาอยู่กันยังไงค่ะ บ้านเป็นยังไง มีห้องไหนบ้าง ครัวเป็นแบบไหน ห้องนอนเป็นแบบไหน






14. บ้านทั้งหลังสร้างจากไม้สัก มีข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ ผ้าซิ่น เหรียญที่ใช้ในสมัยนั้นวางไว้ให้ชมค่ะ

15. เห็นบอกว่าทายาทบางท่านยังมีชีวิตอยู่ด้วยนะคะ








16. เราใช้เวลากับโฮงเจ้าฟองคำประมาณ 30 นาทีค่ะ บ้านไม่ได้ใหญ่มากค่ะ

17. ถ้าใครขับรถมาเองสามารถจอดรถด้านหน้าได้เลยนะคะ แต่เล็งดีๆ นะคะ อย่าจอดกีดขวางทางจารจรค่ะ รอบๆ โฮงเป็นบ้านคนค่ะ มีรถเจ้าออกตลอด

18. จากโฮงเจ้าฟองคำเราไปหาข้าวกินกันค่ะ ตั้งแต่เช้ามานอกจาก s&p ที่สนามบินและอาหารบนเครื่องยังไม่ได้กินอะไรอีกเลยค่ะ

19. ร้านเฮือนฮอมค่ะ ขนาดบ่าย 2 นะคะ ร้านเต็ม มีคิวต่ออีกพอสมควร แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ต่อคิวรอค่ะ กว่าจะได้กินก็เกือบๆ บ่าย 3 มีสั่งออเดริฟ์เมืองเหนือ แกงฮังเล ปลาดุกฟูผัดพริกขิง ข้าวซอยแห้งเนื้อ และข้าวซอยแห้งไก่ค่ะ












20. ข้าวซอยแห้งกับแกงฮังเลอร่อยมาก ตอนสั่งอย่าวู่วามนะคะ อาหารที่นี่จานใหญ่ค่ะ เรากินปลาดุกฟูผัดพริกขิงไม่หมดต้องห่อกลับไปกินแทนข้าวเย็นเลย

21. ถ้าจะกินร้านนี้ต้องทำใจนิดนึงนะคะ ลูกค้าเยอะมากทำให้รออาหารนานนิดนึงค่ะ

22. ท้องอิ่มก็ไปต่อค่ะ วัดภูมินทร์ จุดหมายที่ทุกคนที่มาเที่ยวน่านต้องไป

23. ภาพปู่ม่านย่าม่านนี่ถึงกับต้องเข้าคิวถ่ายเลยนะคะ ถ่ายรูปกับปู่ย่าเสร็จอย่าลืมเดินชมมุมอื่นด้วยนะคะ สวยไม่แพ้กันค่ะ








24. ข้อดีของที่เที่ยวในตัวเมืองคือที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ ถ้าได้ที่จอดรถแล้วสามารถเดินไปเที่ยวแต่ละที่ได้เลย

25. จากวัดภูมินทร์ เดินไปทาง 4 แยก เลยวัดไปนิดนึง จากนั้นก็ข้ามถนน ถึงพิพิธภัณฑ์น่านแล้วค่ะ ใกล้กันมาก

26. เมื่อถึงพิพิธภัณฑ์น่านสิ่งแรกที่ต้องทำคือไปถ่ายรูปกับต้นลีลาวดีค่ะ ถ้ามาหน้าหนาวลีลาวดีจะเป็นแบบในรูปค่ะ มีแต่กิ่ง ไม่มีใบ ไม่มีดอก โล้นๆ เลย






27. อ่ะไม่เป็นไรค่ะ งั้นเข้าไปดูในพิพิธภัณฑ์กันค่ะ ถ้าใครมานี่ห้ามพลาดค่ะ ด้านในมีของที่น่าสนใจให้ดูหลายอย่างค่ะ




28. เริ่มจากของที่ห้ามพลาดนะคะ อันดับแรกคืองาช้างดำค่ะ จริงๆ มันก็ไม่ได้ดำสนิทนะคะ ออกแนวน้ำตาลเข้มซะมากกว่า ด้านหลังมีสลักน้ำหนักของงานี้เป็นภาษาล้านนาค่ะ




29. ไม่มีใครทราบที่มาที่ไปของงาช้างดำค่ะ แต่มีตำนานอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือพรานชาวน่านกับพรานชาวเชียงตุงไปพบซากช้างที่มางาสีดำนี้พร้อมๆ กัน พรานทั้ง 2 จึงแบ่งงากันคนละข้าง ต่างคนต่างกันเอางาไปถวายเจ้าเมือง เจ้าเมืองเชียงตุงจึงส่งสาร์นมาหาเจ้าเมืองน่านว่าตราบได้ที่งาช้างนี้ยังอยู่น่ากับเชียงตุงจะเป็นมิตากันตลอดไป

30. ตำนานที่ 2 คือทหารน่านไปล้อมเมืองเชียงตุงไว้นานหลายเดือนจนชาวบ้านเดือดร้อน เจ้าเมืองเชียงตุงจึงขอเป็นมิตรกับน่านโดยมอบงาช้างดำให้ข้างนึงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพค่ะ

31. ไม่รู้จะเชื่อตำนานไหนดีค่ะ งาช้างดำที่ยังอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้โดยไม่มีใครกล้าขโมยหรือครอบครองเป็นเพราะเจ้าเมืองน่านองค์ที่ 6 ได้ทำพิธีสาปแช่งไว้ค่ะ “ให้งาช้างดำนี้เป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านตลอดไป นำไปเป็นสมบัติส่วนตัวไม่ได้ ต้องวางไว้ที่หอคำหรือวังเจ้าผู้ครองนครน่านเท่านั้น.......”

32. ไม่ต้องแปลกใจนะคะว่าทำไมงาช้างดำถึงจัดแสดงไว้ตรงนี้ ที่ตรงนี้เคยเป็นหอคำหรือที่ประทับของเจ้านครน่านมาก่อนค่ะ

33. ตัวครุฑที่แบกงาช้างดำไว้ก็มีประวัติค่ะ ช่วงปีพ.ศ. 2469 มีข่าวลือว่าเจ้าเมืองฝ่ายเหนือบางเมืองคิดก่อกบฏค่ะ เจ้าเมืองน่านจึงสั่งให้ช่างแกะสลบักครุฑพ่าห์ขึ้นมาแบกรับงาช้างดำไว้ค่ะ เพื่อเป็นการแสดงออกว่านครน่านยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีค่ะ

34. นอกจากนั้นยังมีหีบพระธรรม สมุดข่อย ศิลาจารึกที่บันทึกข้อตกลงระหว่างเจ้านครน่านกับกษัตริย์แห่งสุโขทัยค่ะ โกศที่เห็นในรูปเป็นโกศของเจ้าราชบุตรค่ะ ใช้ในงานพระราชทายเพลิงศพจริงค่ะ




35. ที่พิมพ์ๆ มาทั้งหมดนี้หามาจาก google นะคะ กับที่ไปยืนอ่านตามป้ายค่ะ

36. จากนั้นก็เดินไปวันมิ่งเมืองค่ะ ใกล้กันนิดเดียว เราก็ได้ที่จอดรถหน้าวัดมิ่งเมืองด้วยค่ะ






37. ที่วัดนี้มีเสาหลักเมืองของเมืองน่านอยู่ค่ะ เป็นเสาไม้สัก ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเสานี้มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงเพราะสมัยก่อนเป็นวัดร้างค่ะ

38. ชาวน่านเรียกเสาหลักเมืองว่าเสามิ่งเมือง วัดนี้เลยได้ชื่อว่าวัดมิ่งเมืองค่ะ

39. จากวัดมิ่งเมืองเราขับไปโรงแรมเลยค่ะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน กระจกหน้ารถยิ่งมืดๆ อยู่ด้วย

40. ถึงรร. ไปเดินเล่นรอบรร.นิดหน่อยแล้วก็รีบนอนค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามากกกกกกกก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่