สืบเนื่อจากกระทู้ก่อนที่เคยนำเสนอไว้
https://m.pantip.com/topic/39789980?
ครั้งที่แล้วแสดงพอร์ตลงทุนประมาณปลายปี62ถึงเดือนเมษายนปี63(ประมาณ4-5เดือน)
ตอนนี้สิ้นปี63แล้ว ถ้านับคร่าวๆก็ประมาณ1ปีเศษๆ
เกริ่นก่อนว่าผมลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและลงทุนผ่านกองทุนรวมมามากกว่า5ปีแล้ว
แต่ที่ผ่านมาคือซื้อๆขายๆทั้งหุ้นทั้งกองทุน เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายๆอย่าง
ทำให้ลงทุนไม่ต่อเนื่องผิดหลักการ DCA อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
จนมาถึงประมาณธันวาคมปี62 ตัดสินใจว่าจะเข้าลงทุนด้วยหลักการ DCA อีกครั้งอย่างจริงจัง
จะมีวินัยให้มากขึ้น ก็เลยเริ่มเก็บสะสมหน่วยลงทุนตามหลักการ DCA เรื่อยมา
======
เข้าเรื่องเลยครับ
กระทู้ที่แล้วที่โชว์พอร์ตไปคือติดลบครับ -193.40 บาท คิดเป็น -0.98% ของต้นทุนต่อ NAV ณ ขณะนั้น
ผ่านมาแล้วอีก 9 เดือน (พ.ค.63-ม.ค.64)
มาดูพอร์ตกัน

กองทุนตราสารหนี้ผมไม่ได้ใช้หลักการ DCA นะครับ
เพราะเป็นกองทุนที่ตั้งใจเอาไว้พักเงินระยะสั้น
ถ้ามีรายได้เสริมหรือมีเงินเหลือเก็บก็จะเอามากองไว้ใน2กองนี้
โดยไม่เลือกวันที่ครับ เงินเหลือพอซื้อเท่าไหร่วันไหนก็เอามาพักไว้เลย
ผลตอนแทนก็ตามภาพที่เห็นครับ
=========
จากนั้นก็ซื้อกอง RMF เพิ่มเพื่อเอาไว้รองรับเรื่องภาษี โดยการซื้อเดือนละ 500บาท

กอง RMF นี้ซื้อทุกวันที่ 26 ถ้าติดวันหยุดก็เลื่อนออก
ซื้อ 500 บาท เท่ากันทุกเดือน
ตั้งแต่เดือน เมษายน63 - มกราคม 64
ปล.จะเห็นว่าเดือนมกราคมซื้อเข้าวันที่13ม.ค.64ด้วย
เหตุผลก็เพราะลืมซื้อวันที่26เดือนธันวาคม เลยมาซื้อเข้าในเดือน ม.ค.64 สองรอบ
=====
จากนั้นก็ซื้อกองทุนรวมแบบผันผลเพิ่ม2กองครับ
คือกอง B-Chine-Eq กับกอง B-future
เหตุผลเพราะคิดว่าจะเริ่มสะสมกองทุนปันผลมาไว้ในพอร์ตบ้าง
เพราะในอนาคตท้ายสุดตอนเกษียณตั้งใจว่าจะถ่ายโอนเงินส่วนใหญ่
จากกองทุนไม่ปันผล ไปสู่กองทุนปันผลเป็นส่วนใหญ่
เลยเริ่มเก็บหน่วยลงทุนไปทั้งกองที่ปันผลและไม่ปันผล
แต่จะเน้นกองทุนที่ไม่ปันผล เพราะช่วงนี้ยังไม่เน้นกระแสเงินสดที่จะคืนกลับมา
เน้นให้เงินเติมโตด้วย NAV ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นหลัก
B-Chine-Eq
B-Future

=======
สุดท้ายเป็นกองทุนที่จะอัพเดทต่อจากที่แสดงไว้ในกระทู้ก่อน
เป็น2กแงหลักที่เลือกลงทุน ประเภทกองทุนต่างประเทศ
ได้แก่ BCARE และ B-INNOTECH
ที่ซื้ออย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่ต้นปี63
โดยการซื้อจะทำการ switching หน่วยมาจากกองทุนตราสารหนี้
คือจากกอง Bfixed ไปยังกองทุน BCARE และกอง B-INNOTECH กองละ50หน่วย
เมื่อคิดจรก NAV ของกอง Bfixed ซึ่งเป็นกองต้นทางที่ขายออกแล้ว
จะได้คนั้งละ 667-668บาท โดยประมาณ ตามนี้
BCARE
รายการซื้อทุกเดือน
ผลตอบแทนกอง BCARE

*************
*************
B-INNOTECH
รายการซื้อ
ผลตอบแทน B-INNOTECH
=================
สรุปแล้วผลตอบแทน
Bcare
ต้นทุน = 11,487.96 บาท
มูลค่าตลาด = 14,317.43 บาท
=> กำไร +2,829.47 บาท (24.63%)
B-INNOTECH
ต้นทุน = 11,366.60 บาท
มูลค่าตลาด = 15,865.94 บาท
=> กำไร +4,499.34 บาท (39.58%)
รวมทุกกองทุนในพอร์ต
ต้นทุน = 40,326.33 บาท
มูลค่าตลาด = 48,418.21 บาท
=> กำไร +8,091.88 บาท (20.07%)
สุดท้ายนี้คือมีเงินเพิ่มขึ้น 8,000กว่าบาท
ซึ่งถามว่ามากหรือไม่ คำตอบคือ มีคนทำได้มากกว่านี้
แต่ผมถือว่าเมื่อเทียบกับระดับเงินออม เทียบกับความเสี่ยงที่รับได้แล้ว
ผมมองว่าผมทำได้ดีพอสมควร ไม่ใช่ในแง่ของตัวเงินเพียงเท่านั้น
แต่เมื่อมองจากความสม่ำเสมอแบ้วผมภูมิใจที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง
และหวังว่าจะสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอแบบนี้ไปอีก 5-10ปี
หวังว่าการแขร์ประสบการณ์ในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่มีประโยชน์ให้เพื่อนๆนำไปปรับใช้กับการลงทุนของตัวเองนะครับ
ถ้ามีโอกาสจะมาอัพเดทพอร์ให้ดูเรื่อยๆ และหวังว่าคราวหน้า ผมจะไม่ขาดทุนไปซะก่อนนะครับ
โชคดีครับนักลงทุนทุกท่าน 🙏🇹🇭
อัพเดทพอร์ต DCA กองทุนรวม
https://m.pantip.com/topic/39789980?
ครั้งที่แล้วแสดงพอร์ตลงทุนประมาณปลายปี62ถึงเดือนเมษายนปี63(ประมาณ4-5เดือน)
ตอนนี้สิ้นปี63แล้ว ถ้านับคร่าวๆก็ประมาณ1ปีเศษๆ
เกริ่นก่อนว่าผมลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและลงทุนผ่านกองทุนรวมมามากกว่า5ปีแล้ว
แต่ที่ผ่านมาคือซื้อๆขายๆทั้งหุ้นทั้งกองทุน เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายๆอย่าง
ทำให้ลงทุนไม่ต่อเนื่องผิดหลักการ DCA อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
จนมาถึงประมาณธันวาคมปี62 ตัดสินใจว่าจะเข้าลงทุนด้วยหลักการ DCA อีกครั้งอย่างจริงจัง
จะมีวินัยให้มากขึ้น ก็เลยเริ่มเก็บสะสมหน่วยลงทุนตามหลักการ DCA เรื่อยมา
======
เข้าเรื่องเลยครับ
กระทู้ที่แล้วที่โชว์พอร์ตไปคือติดลบครับ -193.40 บาท คิดเป็น -0.98% ของต้นทุนต่อ NAV ณ ขณะนั้น
ผ่านมาแล้วอีก 9 เดือน (พ.ค.63-ม.ค.64)
มาดูพอร์ตกัน
กองทุนตราสารหนี้ผมไม่ได้ใช้หลักการ DCA นะครับ
เพราะเป็นกองทุนที่ตั้งใจเอาไว้พักเงินระยะสั้น
ถ้ามีรายได้เสริมหรือมีเงินเหลือเก็บก็จะเอามากองไว้ใน2กองนี้
โดยไม่เลือกวันที่ครับ เงินเหลือพอซื้อเท่าไหร่วันไหนก็เอามาพักไว้เลย
ผลตอนแทนก็ตามภาพที่เห็นครับ
=========
จากนั้นก็ซื้อกอง RMF เพิ่มเพื่อเอาไว้รองรับเรื่องภาษี โดยการซื้อเดือนละ 500บาท
กอง RMF นี้ซื้อทุกวันที่ 26 ถ้าติดวันหยุดก็เลื่อนออก
ซื้อ 500 บาท เท่ากันทุกเดือน
ตั้งแต่เดือน เมษายน63 - มกราคม 64
ปล.จะเห็นว่าเดือนมกราคมซื้อเข้าวันที่13ม.ค.64ด้วย
เหตุผลก็เพราะลืมซื้อวันที่26เดือนธันวาคม เลยมาซื้อเข้าในเดือน ม.ค.64 สองรอบ
=====
จากนั้นก็ซื้อกองทุนรวมแบบผันผลเพิ่ม2กองครับ
คือกอง B-Chine-Eq กับกอง B-future
เหตุผลเพราะคิดว่าจะเริ่มสะสมกองทุนปันผลมาไว้ในพอร์ตบ้าง
เพราะในอนาคตท้ายสุดตอนเกษียณตั้งใจว่าจะถ่ายโอนเงินส่วนใหญ่
จากกองทุนไม่ปันผล ไปสู่กองทุนปันผลเป็นส่วนใหญ่
เลยเริ่มเก็บหน่วยลงทุนไปทั้งกองที่ปันผลและไม่ปันผล
แต่จะเน้นกองทุนที่ไม่ปันผล เพราะช่วงนี้ยังไม่เน้นกระแสเงินสดที่จะคืนกลับมา
เน้นให้เงินเติมโตด้วย NAV ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นหลัก
B-Chine-Eq
B-Future
=======
สุดท้ายเป็นกองทุนที่จะอัพเดทต่อจากที่แสดงไว้ในกระทู้ก่อน
เป็น2กแงหลักที่เลือกลงทุน ประเภทกองทุนต่างประเทศ
ได้แก่ BCARE และ B-INNOTECH
ที่ซื้ออย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่ต้นปี63
โดยการซื้อจะทำการ switching หน่วยมาจากกองทุนตราสารหนี้
คือจากกอง Bfixed ไปยังกองทุน BCARE และกอง B-INNOTECH กองละ50หน่วย
เมื่อคิดจรก NAV ของกอง Bfixed ซึ่งเป็นกองต้นทางที่ขายออกแล้ว
จะได้คนั้งละ 667-668บาท โดยประมาณ ตามนี้
BCARE
รายการซื้อทุกเดือน
ผลตอบแทนกอง BCARE
*************
*************
B-INNOTECH
รายการซื้อ
ผลตอบแทน B-INNOTECH
=================
สรุปแล้วผลตอบแทน
Bcare
ต้นทุน = 11,487.96 บาท
มูลค่าตลาด = 14,317.43 บาท
=> กำไร +2,829.47 บาท (24.63%)
B-INNOTECH
ต้นทุน = 11,366.60 บาท
มูลค่าตลาด = 15,865.94 บาท
=> กำไร +4,499.34 บาท (39.58%)
รวมทุกกองทุนในพอร์ต
ต้นทุน = 40,326.33 บาท
มูลค่าตลาด = 48,418.21 บาท
=> กำไร +8,091.88 บาท (20.07%)
สุดท้ายนี้คือมีเงินเพิ่มขึ้น 8,000กว่าบาท
ซึ่งถามว่ามากหรือไม่ คำตอบคือ มีคนทำได้มากกว่านี้
แต่ผมถือว่าเมื่อเทียบกับระดับเงินออม เทียบกับความเสี่ยงที่รับได้แล้ว
ผมมองว่าผมทำได้ดีพอสมควร ไม่ใช่ในแง่ของตัวเงินเพียงเท่านั้น
แต่เมื่อมองจากความสม่ำเสมอแบ้วผมภูมิใจที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง
และหวังว่าจะสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอแบบนี้ไปอีก 5-10ปี
หวังว่าการแขร์ประสบการณ์ในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่มีประโยชน์ให้เพื่อนๆนำไปปรับใช้กับการลงทุนของตัวเองนะครับ
ถ้ามีโอกาสจะมาอัพเดทพอร์ให้ดูเรื่อยๆ และหวังว่าคราวหน้า ผมจะไม่ขาดทุนไปซะก่อนนะครับ
โชคดีครับนักลงทุนทุกท่าน 🙏🇹🇭