มาตั้งกระทู้เพราะรู้สึกอยากได้คำแนะนำจากคนในนี้
ยาวหน่อยต้องขออภัย
เราเป็นลูกคนเดียวที่ต้องแบกรับภาระหนี้สินของที่บ้าน เพราะพ่อบังคับให้มากู้ร่วมตั้งแต่เราเรียนจบและเริ่มทำงานได้สี่เดือน
พ่อไม่ได้ทำงานประจำทำให้ตอนแรกได้ยอดต่ำ พอมีเราทำงานประจำขึ้มาเลยเอาบ้านไปเข้าธนาคารด้วยกันทำให้ได้ยอดสูงขึ้นมา
ตอนนั้นเราไม่ได้อยากกู้เลย แต่พ่อเราเป็นคนนิสัยรุนแรง บอกว่าเราอกตัญญูไม่ช่วยพ่อแม่ด่าเราต่างๆนาๆทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน
สุดท้ายทำให้เราตัดสินใจพลาดไปกู้ร่วมกับเขา แต่กู้แค่ส่วนนึงของยอดที่ธนาคารตีราคามาทำให้เรามีปากเสียงกับพ่อตอนแรก
เขาอยากได้ยอดเต็มและเขาสัญญาว่าจะเป็นคนส่งธนาคารเอง แต่เราประเมินอุปนิสัยเดิมของเขาแล้วคิดว่าสุดท้ายเราต้องมาใช้หนี้ให้แน่นอน
เลยยื่นคำขาดไปว่าขอกู้ยอดนี้ที่เราบอก เป็นยอดที่เราคิดแล้วว่าถ้าเราลำบากเราก็ยังพอจะหาส่งได้ไม่ผิดนัดชำระ
เพราถ้ากู้ยอดเต็มที่ได้จากธนาคาร ยอดผ่อนจ่ายรายเดือนจะสูงจนเรารับไม่ไหว
เท้าความหนี้สินเดิมคือหนี้นอกระบบที่พ่อกับแม่ไปกู้มาค้าขาย แล้วก็ใช้หนี้แบบใช้แต่ดอกไปทุกเดือนๆต้นไม่ลดซักที
ประจวบกับพ่อไปกู้ซื้อรถกับไฟแนนซ์มาขับแท็กซี่ ยอดดาวน์ต่ำทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนสูงมาก
พอกู้ธนาคารมาได้ก็เอามาโปะหนี้นอกระบบก่อน ยอดที่เหลือมันเอาไปจ่ายค่ารถได้ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นของยอดหนี้
เลยให้พ่อขับหาเงินไป เอาเงินที่เหลือไปไว้ในบัญชีที่ดอกสูงขึ้นมานิดนึง
สิ้นเดือนนั้นขาดเท่าไหร่ก็เอาเงินจากธนาคารที่กั๊กไว้มาเพิ่มแล้วจ่ายไป ถือว่ามีเงินสดรักษาสภาพคล่องเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน
เนื่องจากตอนนั้นเราพึ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน พ่อแม่ก็ไม่มีเงินเก็บเลย
ปัญหาแรกขอไม่ลงรายละเอียดแต่พ่อรถชนบ่อยมาก รถเสียนั่นนี่บ่อยซ่อมก็ซ่อมออกมาไม่ดีนักจนสภาพรถเริ่มแย่ขับหาเงินไม่ได้
เลยต้องเอาเงินที่จะกันไว้จ่ายงวดรถมาซ่อมรถไปเรื่อยๆแทนยิ่งพอช่วงโควิดรายได้หายจนขับแทบไม่ได้เงินเลย
ตั้งแต่มีโควิดเราก็เป็นคนส่งธนาคารเองมาโดยตลอด ตัวเรายังอยู่บ้านกับพ่อแม่ ตั้งแต่เดือนแรกที่ทำงานเราเป็นคนจ่ายภาระค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด
รวมถึงเราก็ช่วยในหลายๆอย่างเช่นค่าซ่อมรถในบางครั้งเพราะไม่อยากให้พ่อไปเอาเงินส่วนที่กันไว้จ่ายค่างวดมาใช้เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลัง
ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ เรารู้ว่าเราคิดผิดตั้งแต่ยอมไปช่วยเค้ากู้มาจนตัวเรามีภาระผูกพัน
ตัวเราเองก็มีหนี้กยศอยู่แล้วเป็นหนี้เดิม บวกกับหนี้ตรงหนี้ ตีกลมๆรวมกันยอดหลักล้าน
ฝั่งแม่เราเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานหาเงินอะไรออกไปทำงานข้างนอกบ้านไม่ได้ด้วยเพราะต้องดูแลบ้าน
เนื่องจากปัญหาที่เราลงรายละเอียดได้ไม่มากเรื่องนิสัยของพ่อ แม่กลัวว่าพ่อจะประมาทเลินเล่อทำใหบ้านไฟไหม้ (ซึ่งเคยเกือบมาแล้ว)
และอุปนิสัยเดิมของพ่อคือโมโหร้ายไม่ฟังใครและประมาททำให้แม่ต้องอยู่รับมือกับพ่อที่บ้าน
ผลช่วงโควิดรอบสองทำให้ตอนนี้พ่อส่งรถคืนไฟแนนซ์ไปแล้ว และรอดูว่าหลังขายจะเหลือหนี้ที่ต้องใช้อีกเท่าไหร่
ปัญหาหลักของเราจริงๆตอนนี้คือสุขภาพจิตของเราเอง เพราะนิสัยพ่อทำให้เราไม่สามารถอยู่บ้านได้อย่างมีความสุข
แต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะภาระหนี้ผูกพัน เรายังเงินเดือนไม่มากพอที่จะสามารถส่งทั้งหนี้ธนาคาร
ส่งทั้งตัวเราเองถ้าแยกออกไปอยู่ รวมถึงส่งทางบ้านอีกทีได้
พ่อเราก็ยังคงนิสัยแบบเดิมด่าเราไล่เราหาว่าเพราะเราไม่กู้ยอดเต็มไปโปะรถทำให้เขาลำบาก
ยิ่งพออยู่บ้านทั้งวันก็ทำบ้านรกเลอะเทอะ เรากลับจากทำงานมาเหนื่อยๆเจอสภาพนี้ทุกวัน ก็ทะเลาะกัน
เราโดนไล่ไปหาที่อยู่เอง พ่อบอกว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ธนาคารเองทั้งที่ไม่มีความสามารถ
ทำให้การอยู่บ้านเดียวกับเค้าเป็นเรื่องที่ทำลายสุขภาพจิตเราอย่างสิ้นเชิง
ปัญหามันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องนิสัยของพ่อที่ทำให้ปัญหาที่มีมันแย่กว่าเดิม โดยที่เขาเหมือนไม้แก่ดัดยากแล้ว
เลยอยากมาขอคำปรึกษาว่าเราควรจะยอมทนสุขภาพจิตเสียอยู่กับที่บ้านไป หรือจะยอมเสียเงินที่จะเอาเป็นเงินเก็บเงินใช้หนี้แยกออกไปอยู่ดี
ความฝันเราแค่อยากใช้ชีวิตแบบมีความสุข แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันมืดแปดด้านจนคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
ปัญหาของคนเป็นลูกที่ต้องกู้เงินให้ที่บ้านตั้งแต่พึ่งเรียนจบ
ยาวหน่อยต้องขออภัย
เราเป็นลูกคนเดียวที่ต้องแบกรับภาระหนี้สินของที่บ้าน เพราะพ่อบังคับให้มากู้ร่วมตั้งแต่เราเรียนจบและเริ่มทำงานได้สี่เดือน
พ่อไม่ได้ทำงานประจำทำให้ตอนแรกได้ยอดต่ำ พอมีเราทำงานประจำขึ้มาเลยเอาบ้านไปเข้าธนาคารด้วยกันทำให้ได้ยอดสูงขึ้นมา
ตอนนั้นเราไม่ได้อยากกู้เลย แต่พ่อเราเป็นคนนิสัยรุนแรง บอกว่าเราอกตัญญูไม่ช่วยพ่อแม่ด่าเราต่างๆนาๆทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน
สุดท้ายทำให้เราตัดสินใจพลาดไปกู้ร่วมกับเขา แต่กู้แค่ส่วนนึงของยอดที่ธนาคารตีราคามาทำให้เรามีปากเสียงกับพ่อตอนแรก
เขาอยากได้ยอดเต็มและเขาสัญญาว่าจะเป็นคนส่งธนาคารเอง แต่เราประเมินอุปนิสัยเดิมของเขาแล้วคิดว่าสุดท้ายเราต้องมาใช้หนี้ให้แน่นอน
เลยยื่นคำขาดไปว่าขอกู้ยอดนี้ที่เราบอก เป็นยอดที่เราคิดแล้วว่าถ้าเราลำบากเราก็ยังพอจะหาส่งได้ไม่ผิดนัดชำระ
เพราถ้ากู้ยอดเต็มที่ได้จากธนาคาร ยอดผ่อนจ่ายรายเดือนจะสูงจนเรารับไม่ไหว
เท้าความหนี้สินเดิมคือหนี้นอกระบบที่พ่อกับแม่ไปกู้มาค้าขาย แล้วก็ใช้หนี้แบบใช้แต่ดอกไปทุกเดือนๆต้นไม่ลดซักที
ประจวบกับพ่อไปกู้ซื้อรถกับไฟแนนซ์มาขับแท็กซี่ ยอดดาวน์ต่ำทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนสูงมาก
พอกู้ธนาคารมาได้ก็เอามาโปะหนี้นอกระบบก่อน ยอดที่เหลือมันเอาไปจ่ายค่ารถได้ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นของยอดหนี้
เลยให้พ่อขับหาเงินไป เอาเงินที่เหลือไปไว้ในบัญชีที่ดอกสูงขึ้นมานิดนึง
สิ้นเดือนนั้นขาดเท่าไหร่ก็เอาเงินจากธนาคารที่กั๊กไว้มาเพิ่มแล้วจ่ายไป ถือว่ามีเงินสดรักษาสภาพคล่องเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน
เนื่องจากตอนนั้นเราพึ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน พ่อแม่ก็ไม่มีเงินเก็บเลย
ปัญหาแรกขอไม่ลงรายละเอียดแต่พ่อรถชนบ่อยมาก รถเสียนั่นนี่บ่อยซ่อมก็ซ่อมออกมาไม่ดีนักจนสภาพรถเริ่มแย่ขับหาเงินไม่ได้
เลยต้องเอาเงินที่จะกันไว้จ่ายงวดรถมาซ่อมรถไปเรื่อยๆแทนยิ่งพอช่วงโควิดรายได้หายจนขับแทบไม่ได้เงินเลย
ตั้งแต่มีโควิดเราก็เป็นคนส่งธนาคารเองมาโดยตลอด ตัวเรายังอยู่บ้านกับพ่อแม่ ตั้งแต่เดือนแรกที่ทำงานเราเป็นคนจ่ายภาระค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด
รวมถึงเราก็ช่วยในหลายๆอย่างเช่นค่าซ่อมรถในบางครั้งเพราะไม่อยากให้พ่อไปเอาเงินส่วนที่กันไว้จ่ายค่างวดมาใช้เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลัง
ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ เรารู้ว่าเราคิดผิดตั้งแต่ยอมไปช่วยเค้ากู้มาจนตัวเรามีภาระผูกพัน
ตัวเราเองก็มีหนี้กยศอยู่แล้วเป็นหนี้เดิม บวกกับหนี้ตรงหนี้ ตีกลมๆรวมกันยอดหลักล้าน
ฝั่งแม่เราเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานหาเงินอะไรออกไปทำงานข้างนอกบ้านไม่ได้ด้วยเพราะต้องดูแลบ้าน
เนื่องจากปัญหาที่เราลงรายละเอียดได้ไม่มากเรื่องนิสัยของพ่อ แม่กลัวว่าพ่อจะประมาทเลินเล่อทำใหบ้านไฟไหม้ (ซึ่งเคยเกือบมาแล้ว)
และอุปนิสัยเดิมของพ่อคือโมโหร้ายไม่ฟังใครและประมาททำให้แม่ต้องอยู่รับมือกับพ่อที่บ้าน
ผลช่วงโควิดรอบสองทำให้ตอนนี้พ่อส่งรถคืนไฟแนนซ์ไปแล้ว และรอดูว่าหลังขายจะเหลือหนี้ที่ต้องใช้อีกเท่าไหร่
ปัญหาหลักของเราจริงๆตอนนี้คือสุขภาพจิตของเราเอง เพราะนิสัยพ่อทำให้เราไม่สามารถอยู่บ้านได้อย่างมีความสุข
แต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะภาระหนี้ผูกพัน เรายังเงินเดือนไม่มากพอที่จะสามารถส่งทั้งหนี้ธนาคาร
ส่งทั้งตัวเราเองถ้าแยกออกไปอยู่ รวมถึงส่งทางบ้านอีกทีได้
พ่อเราก็ยังคงนิสัยแบบเดิมด่าเราไล่เราหาว่าเพราะเราไม่กู้ยอดเต็มไปโปะรถทำให้เขาลำบาก
ยิ่งพออยู่บ้านทั้งวันก็ทำบ้านรกเลอะเทอะ เรากลับจากทำงานมาเหนื่อยๆเจอสภาพนี้ทุกวัน ก็ทะเลาะกัน
เราโดนไล่ไปหาที่อยู่เอง พ่อบอกว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ธนาคารเองทั้งที่ไม่มีความสามารถ
ทำให้การอยู่บ้านเดียวกับเค้าเป็นเรื่องที่ทำลายสุขภาพจิตเราอย่างสิ้นเชิง
ปัญหามันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องนิสัยของพ่อที่ทำให้ปัญหาที่มีมันแย่กว่าเดิม โดยที่เขาเหมือนไม้แก่ดัดยากแล้ว
เลยอยากมาขอคำปรึกษาว่าเราควรจะยอมทนสุขภาพจิตเสียอยู่กับที่บ้านไป หรือจะยอมเสียเงินที่จะเอาเป็นเงินเก็บเงินใช้หนี้แยกออกไปอยู่ดี
ความฝันเราแค่อยากใช้ชีวิตแบบมีความสุข แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันมืดแปดด้านจนคิดอะไรไม่ออกจริงๆ