โลกกำลังจะสูญเสียดวงจันทร์ดวงที่สองไปตลอดกาล




ดวงจันทร์ดวงที่สองของโลกจะเข้าใกล้ดาวเคราะห์ในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะลอยออกไปในอวกาศโดยจะไม่มีใครพบเห็นอีกเลย
การเคลื่อนที่ของมันได้รับการเร่งให้เร็วกว่าเวลาจริงถึงล้านเท่า 
Cr. NASA / JPL-Caltech
 
นักดาราศาสตร์เรียก "พระจันทร์ดวงที่สอง" นี้ว่า " 2020 SO " ซึ่งเป็นวัตถุขนาดเล็กที่หลุดเข้าสู่วงโคจรของโลก ประมาณกึ่งกลางระหว่างโลกของเรากับ
ดวงจันทร์เมื่อเดือนกันยายนปี 2020 มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 6 - 14 ม.  โดยผู้เชี่ยวชาญของ NASA คำนวณว่ามันเดินทางด้วยความเร็ว 3,025 กม. /ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ช้าเกินไปสำหรับดาวเคราะห์น้อย
 
สำหรับวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยส่วนใหญ่ จะมีความยาวและเอียงมากกว่าเมื่อเทียบกับวงโคจรของโลก แต่วงโคจรของ 2020 SO รอบดวงอาทิตย์มีความคล้ายคลึงกับโลกมาก  โดยมันอยู่ในระยะทางใกล้เคียงกันเกือบเป็นวงกลม และอยู่ในระนาบวงโคจรที่เกือบจะตรงกับดาวเคราะห์ของเรา ซึ่งผิดปกติอย่างมากสำหรับดาวเคราะห์น้อยตามธรรมชาติ

และในกรณีของ " 2020 SO " นี้ถูกทำให้เข้าใจผิดเล็กน้อยว่าเป็นดวงจันทร์ แต่ดาวบริวารชั่วคราวลักษณะนี้มักจะถูกเรียกว่า minimoons  ซึ่งจากการศึกษาของนักวิจัยของ NASA ในเดือนธันวาคม 2020 พบว่าวัตถุดังกล่าวไม่ได้เป็นหินอวกาศ แต่เป็นซากของจรวด rocket booster เมื่อปี 1960 ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ของ American Surveyor



 
รูปถ่ายของจรวด Centaur upper-stage rocket ในปี 1964
ก่อนที่มันจะรวมเข้ากับ Atlas  booster ซึ่ง NASA ใช้ Centaur ที่คล้ายกันในระหว่างการเปิดตัว Surveyor ในปี1966 (Cr.ภาพ NASA)
" minimoon " ที่ไม่ใช่ดวงจันทร์นี้ ได้นำตัวมันเองเข้าใกล้โลกเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2020 โดยก่อนหน้านั้น นักวิจัยก็พบมันโคจรรอบโลกของเราเมื่อเดือนพฤศจิกายนมาแล้ว และเมื่อเร็วๆนี้ตามรายงานของ EarthSky.org  - Minimoon 2020 SO จะเข้าใกล้โลกอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายในวันอังคารที่ 2 ก.พ.2021 โดยจะอยู่ห่างจากโลกประมาณ 140,000 ไมล์ (220,000 กิโลเมตร) หรือคิดเป็น 58% ของระยะทางระหว่างโลกกับดวงจันทร์

หลังจากนั้น 2020 SO จะลอยออกไปจากวงโคจรของโลกทั้งหมดภายในเดือนมีนาคม 2021  และอดีต minimoon นี้จะเป็นเพียงวัตถุอื่นที่โคจรรอบดวงอาทิตย์  ซึ่งโครงการกล้องโทรทรรศน์เสมือนจริง (The Virtual Telescope Project) ในกรุงโรมจะจัดงานอำลาวัตถุนี้ทางออนไลน์ในคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์

NASA ได้เรียนรู้ว่าวัตถุดังกล่าวได้เข้าใกล้โลกในหลายครั้งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แม้กระทั่งในปี1966 ซึ่งเป็นปีที่หน่วยงานเปิดตัวยานสำรวจดวงจันทร์ Surveyor 2 ที่เปิดตัวทีหลังจรวด Centaur rocket booster  ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้เบาะแสใหญ่ครั้งแรกว่า 2020 SO เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
และยืนยันได้ หลังจากเปรียบเทียบส่วนประกอบทางเคมีของวัตถุกับจรวดอื่น ๆ ซึ่งอยู่ในวงโคจรมาตั้งแต่ปี 1971

 
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ SO 2020 เป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน 2020 เมื่อนักดาราศาสตร์กำลังมองหาดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกโดยกล้องโทรทรรศน์
Pan-STARRS1 ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์สำรวจที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การนาซ่าใน Maui, ฮาวาย และสังเกตเห็นวัตถุขนาดที่เล็กและวงโคจรที่ผิดปกติ ซึ่งเมื่อวิเคราะห์วงโคจรของมัน บ่งชี้ว่ามันเป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นในอวกาศ 
 
โดย Paul Chodas  หัวหน้าของศูนย์การศึกษา Near Earth Object Studies ของนาซา ในแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า วงโคจรของ SO 2020 ตรงกับ track ของระยะเวลาเดียวกับ lunar mission's rocket ในช่วงปลายปี 1966 ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ในช่วงประวัติศาสตร์สำคัญของสงครามเย็น ที่มี 10 ภารกิจที่มุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ในปีนั้น  และ 2020 SO น่าจะเป็น Centaur  booster จากภารกิจ Surveyor 2 ของ NASA ซึ่งเป็นยานลงจอดบนดวงจันทร์ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 กันยายน แต่พุ่งชนดวงจันทร์ในอีกสามวันต่อมา


กล้องโทรทรรศน์ Infrared Telescope Facility (IRTF) ของ NASA บนเกาะใหญ่ฮาวาย
ที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คิดหาองค์ประกอบของวัตถุประหลาดใกล้โลกได้
(Cr.ภาพ Michael Connelley / University of Hawaii Institute for Astronomy)
 

Cr.https://www.livescience.com/farewell-minimoon-so-2020.html / Brandon Specktor -
Cr.https://earthsky.org/space/2020-so-mini-moon-asteroid-or-space-junk / Eddie Irizarry
Cr.https://www.archyde.com/earth-will-forever-lose-its-second-moon-next-week/archyde
Cr.https://www.livescience.com/mysterious-minimoon-is-rocket-booster.html /  Laura Geggel 
Cr.https://www.space.com/earth-minimoon-2020-so-may-be-vintage-space-junk / Meghan Bartels

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่