8 อย่างที่ควรจะมี ก่อนเริ่มต้นขายของออนไลน์ มีอะไรบ้าง ?
.
.
.
ในสถานการณ์เช่นนี้ ยอมรับว่าผู้คนต่างต้อง “เปิดใจหันมาปรับตัว ปรับมุมมอง” นั้น มีมากมาย ยุคที่โลกออนไลน์สามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่าง “ครอบคลุม” ทำให้หลายคนสนใจอยากเริ่มขายของออนไลน์ เพราะเห็นว่าทำได้ง่ายโดยยังไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ก็สามารถทำได้ แต่การที่ร้านออนไลน์จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวที่ดีด้วย ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็อาจจะขาดทุนจนล้มเลิกไปเลยก็ได้
แล้วการเตรียมตัวที่ดี 8 อย่าง นั้น มีอะไรบ้าง ? มาดูกันเลย

1.ชื่อแบรนด์ ชื่อร้าน
การ “คิดชื่อ” ไม่ซ้ำใครถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่การที่ชื่อร้านตามใจชอบแปลกไม่ซ้ำใคร ซึ่งมี “ผลต่อการจดจำแบรนด์” เป็นอย่างมากหากคุณเลือกชื่อที่ “อ่านออกเสียงยากไม่คุ้นหู” ก็ไม่กล้าแนะนำแบรนด์ให้กับคนอื่นๆ เพราะกลัวออกเสียงผิด ทำให้ลูกค้าไม่จดจำร้าน ทำให้เสียลูกค้าหน้าใหม่ ดังนั้นควรคิดทบทวนให้ดีกว่าควรคิดชื่อที่หรูแต่จำยากหรือชื่อเบสิกที่จำง่าย และสอดคล้องกับสินค้าหรือบริการที่เป็นหลักของร้านจะทำให้ลูกค้าจดจำและหาร้านคุณเจอได้ง่ายขึ้น
2.สินค้าและบริการ
คุณสามารถเลือกขายสินค้าที่คุณ “ชื่นชอบ” จากการที่คุณมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าตัวนั้น เพราะคุณสามารถให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้อย่าง “ชัดเจน” แถมได้ขายของที่คุณชอบเป็นความสุขที่ได้ทำสิ่งที่รัก แต่ถ้าหากคุณไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษแต่อยากมีรายได้จากการขายของออนไลน์ คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยการ “สำรวจตลาด” ว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นที่ต้องการ สินค้าอะไรที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี สามารถทำกำไรให้คุณได้ และ “อย่าลืม” คำนึงถึงราคาต้นทุนและกำไรที่จะได้รับ เพราะการขายของบนโลกออนไลน์มักมีการตัดราคากันอยู่เสมอ การเริ่มด้วยสินค้าที่มี “ต้นทุนต่ำ” จึงควรทำในตอนแรก
3.เงินลงทุน
คุณควร “วางแผนเงินทุน” ด้วยการจัดเตรียมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ครอบคลุมขั้นตอนการทำงานไว้ทั้งหมด ตั้งแต่เงินทุนที่ใช้ลงทุนกับสินค้าที่สั่งมาขาย ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด อย่างค่าโปรโมทเพจ ค่าโฆษณา ไปจนถึงขั้นตอนการจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า การวางแผนที่ดีจะทำให้คุณสามารถ “บริหารต้นทุน” ได้ดี และมองเห็นว่าเงินทุนของคุณสามารถทำอะไรได้มากมายและทำให้เกิดความ “คุ้มค่ามาก” ที่สุด ฉะนั้นจึงควรรอบคอบแบ่งสรรปันส่วนเงินลงทุนของคุณให้ดีที่สุด
4. จุดยืนของร้าน
เมื่อมีสินค้าแล้ว ก็ถึงเวลาคิดว่าสินค้าของคุณเหมาะที่จะขายส่งหรือขายปลีกมากกว่ากัน บางครั้งการเลือกขายสินค้าส่งในราคาถูก เอากำไรน้อย อาจทำให้คุณรวยแบบไม่รู้เรื่องก็ได้ ในขณะที่สินค้าบางอย่าง เช่น สินค้าแฟชั่น ก็เหมาะที่จะขายปลีกแบบเอากำไรสูง
5.ช่องทางการจัดจำหน่าย
การเปิดร้านค้าออนไลน์ หลายท่านคิดว่าง่ายที่สุดก็คือ Facebook เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย แถมเข้าถึงกลุ่มได้ง่ายอีกต่างหาก ไปจนถึงการเปิดเพจซึ่ง Facebook มีความเสี่ยงเช่นกัน พ่อค้าแม่ค้าหลายคนสร้างบัญชีใหม่เพื่อขายสินค้าในหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง แต่วันดีคืนดีบัญชี Facebook ของคุณก็ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ไม่ว่าจะด้วยการโดนสแปมจากคู่แข่ง รายงานโปรไฟล์ปลอม ไปจน Facebook ตรวจสอบบัญชีผู้ใช้เองแล้วปิดการใช้งาน Facebook ของคุณไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วน Fanpage ที่คุณปั้นมาอย่างดีอยู่ ๆ ก็โดนลดการเข้าถึงอัตโนมัติซะอย่างงั้น Facebook สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตลอดเวลา ดังนั้นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ขายของตาม Facebook จึงมีความเสี่ยงสูงที่บัญชีผู้ใช้จะถูกปิดการใช้งานไปแบบเสียไม่ได้
เว็บไซต์ เป็นสิ่งที่มีมาเนิ่นนาน และมีความปลอดภัยกว่าเพราะคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์เองซึ่งเป็นเสมือนหน้าร้านของคุณ คุณสามารถลงโฆษณาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตามที่ต้องการ และยังตรวจสอบผู้เข้าชมเว็บไซต์ทำให้สามารถวิเคราะห์ผู้ใช้ที่จะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณได้อีกด้วย
6. กำหนดแผนการตลาด
แม้การมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูกจะเป็นสิ่งที่จูงใจผู้บริโภคได้แต่หากไม่มีคนรู้จักร้านก็ไม่มีประโยชน์ แผนการตลาดจึงเป็นตัวกำหนดชะตาของแบรนด์ วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของการโปรโมทร้านหรือสินค้า การสื่อสารกับลูกค้า กระตุ้นลูกค้าอย่างไร ดึงดูดใจด้วยโปรโมชั่นอะไรที่จะทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน หาวิธีเอาชนะร้านอื่น ๆ ที่เปิดมาก่อนคุณทำอย่างไรให้ร้านที่เปิดใหม่ของเราอยู่ได้ การวางแผนจะต้องมีขั้นตอน เริ่มจากการวางเป้าหมายอย่างชัดเจน มีขั้นตอนการปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย จัดงบประมาณต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อให้ขั้นตอนที่วางแผนไว้สำเร็จ กำหนดเวลาแล้วประเมิน วัดผล ตรวจสอบแล้วมาทำการปรับปรุงแผนให้แบรนด์พัฒนาขึ้นไปอีก
7. ช่องทางการชำระเงิน
ยิ่งเยอะยิ่งดี ถ้าขายของแพงรับบัตรเครดิตได้ยิ่งจะดีมาก การชำระเงินควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า คุณควรเปิดบัญชีสำหรับร้านของคุณกับธนาคารที่คนส่วนใหญ่ใช้บริการ แทนที่จะเลือกธนาคารที่ไม่เป็นที่นิยมแต่ให้ดอกเบี้ยดี นอกจากนี้ ถ้าคุณวางแผนจะขายสินค้าให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ คุณก็ควรมีบัญชีที่รองรับการโอนเงินจากต่างประเทศ (และมีแผนสำหรับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบที่คุณไม่ขาดทุน) บัญชี Paypal นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีและสามารถสมัครใช้งานง่าย
8. เวลา
“ยิ่งเร็ว ยิ่งได้เปรียบ” ถ้าคุณเตรียมตัวจะยึดการขายของออนไลน์เป็นอาชีพก็แล้วไป แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ยังต้องทำงานประจำ คุณควรวางแผนบริหารเวลาให้ดี เพราะบางที “ความอยากได้” ของลูกค้าก็มีระยะเวลาจำกัด การที่คุณไม่สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันเวลา อาจหมายถึงการเสียลูกค้าไป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับใครที่คิดว่า วิธีที่กล่าวมานั้น เหมาะที่สุดกับการเริ่มต้นขายของออนไลน์ ตอนนี้คุณพอจะมีไอเดียในการจะไปต่อได้แล้วรึยัง ? ซึ่งคุณสามารถแชร์ไอเดียได้นะครับหรือพูดคุยกันได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรค หรือแนวทางในการทำธุรกิจออนไลน์ หรือกับอะไรก็ตามแต่.... คุณสามารถคอมเมนต์มาด้านล่างนี้ได้เลย ผมยินดีรับฟังครับ
วรัทภพ รชตนามวงษ์
8 อย่างที่ควรจะมี ก่อนเริ่มต้นขายของออนไลน์ มีอะไรบ้าง ?
การ “คิดชื่อ” ไม่ซ้ำใครถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่การที่ชื่อร้านตามใจชอบแปลกไม่ซ้ำใคร ซึ่งมี “ผลต่อการจดจำแบรนด์” เป็นอย่างมากหากคุณเลือกชื่อที่ “อ่านออกเสียงยากไม่คุ้นหู” ก็ไม่กล้าแนะนำแบรนด์ให้กับคนอื่นๆ เพราะกลัวออกเสียงผิด ทำให้ลูกค้าไม่จดจำร้าน ทำให้เสียลูกค้าหน้าใหม่ ดังนั้นควรคิดทบทวนให้ดีกว่าควรคิดชื่อที่หรูแต่จำยากหรือชื่อเบสิกที่จำง่าย และสอดคล้องกับสินค้าหรือบริการที่เป็นหลักของร้านจะทำให้ลูกค้าจดจำและหาร้านคุณเจอได้ง่ายขึ้น
คุณสามารถเลือกขายสินค้าที่คุณ “ชื่นชอบ” จากการที่คุณมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าตัวนั้น เพราะคุณสามารถให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้อย่าง “ชัดเจน” แถมได้ขายของที่คุณชอบเป็นความสุขที่ได้ทำสิ่งที่รัก แต่ถ้าหากคุณไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษแต่อยากมีรายได้จากการขายของออนไลน์ คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยการ “สำรวจตลาด” ว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นที่ต้องการ สินค้าอะไรที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี สามารถทำกำไรให้คุณได้ และ “อย่าลืม” คำนึงถึงราคาต้นทุนและกำไรที่จะได้รับ เพราะการขายของบนโลกออนไลน์มักมีการตัดราคากันอยู่เสมอ การเริ่มด้วยสินค้าที่มี “ต้นทุนต่ำ” จึงควรทำในตอนแรก
คุณควร “วางแผนเงินทุน” ด้วยการจัดเตรียมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ครอบคลุมขั้นตอนการทำงานไว้ทั้งหมด ตั้งแต่เงินทุนที่ใช้ลงทุนกับสินค้าที่สั่งมาขาย ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด อย่างค่าโปรโมทเพจ ค่าโฆษณา ไปจนถึงขั้นตอนการจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า การวางแผนที่ดีจะทำให้คุณสามารถ “บริหารต้นทุน” ได้ดี และมองเห็นว่าเงินทุนของคุณสามารถทำอะไรได้มากมายและทำให้เกิดความ “คุ้มค่ามาก” ที่สุด ฉะนั้นจึงควรรอบคอบแบ่งสรรปันส่วนเงินลงทุนของคุณให้ดีที่สุด
เมื่อมีสินค้าแล้ว ก็ถึงเวลาคิดว่าสินค้าของคุณเหมาะที่จะขายส่งหรือขายปลีกมากกว่ากัน บางครั้งการเลือกขายสินค้าส่งในราคาถูก เอากำไรน้อย อาจทำให้คุณรวยแบบไม่รู้เรื่องก็ได้ ในขณะที่สินค้าบางอย่าง เช่น สินค้าแฟชั่น ก็เหมาะที่จะขายปลีกแบบเอากำไรสูง
การเปิดร้านค้าออนไลน์ หลายท่านคิดว่าง่ายที่สุดก็คือ Facebook เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย แถมเข้าถึงกลุ่มได้ง่ายอีกต่างหาก ไปจนถึงการเปิดเพจซึ่ง Facebook มีความเสี่ยงเช่นกัน พ่อค้าแม่ค้าหลายคนสร้างบัญชีใหม่เพื่อขายสินค้าในหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง แต่วันดีคืนดีบัญชี Facebook ของคุณก็ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ไม่ว่าจะด้วยการโดนสแปมจากคู่แข่ง รายงานโปรไฟล์ปลอม ไปจน Facebook ตรวจสอบบัญชีผู้ใช้เองแล้วปิดการใช้งาน Facebook ของคุณไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วน Fanpage ที่คุณปั้นมาอย่างดีอยู่ ๆ ก็โดนลดการเข้าถึงอัตโนมัติซะอย่างงั้น Facebook สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตลอดเวลา ดังนั้นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ขายของตาม Facebook จึงมีความเสี่ยงสูงที่บัญชีผู้ใช้จะถูกปิดการใช้งานไปแบบเสียไม่ได้
เว็บไซต์ เป็นสิ่งที่มีมาเนิ่นนาน และมีความปลอดภัยกว่าเพราะคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์เองซึ่งเป็นเสมือนหน้าร้านของคุณ คุณสามารถลงโฆษณาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตามที่ต้องการ และยังตรวจสอบผู้เข้าชมเว็บไซต์ทำให้สามารถวิเคราะห์ผู้ใช้ที่จะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณได้อีกด้วย
แม้การมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูกจะเป็นสิ่งที่จูงใจผู้บริโภคได้แต่หากไม่มีคนรู้จักร้านก็ไม่มีประโยชน์ แผนการตลาดจึงเป็นตัวกำหนดชะตาของแบรนด์ วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของการโปรโมทร้านหรือสินค้า การสื่อสารกับลูกค้า กระตุ้นลูกค้าอย่างไร ดึงดูดใจด้วยโปรโมชั่นอะไรที่จะทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน หาวิธีเอาชนะร้านอื่น ๆ ที่เปิดมาก่อนคุณทำอย่างไรให้ร้านที่เปิดใหม่ของเราอยู่ได้ การวางแผนจะต้องมีขั้นตอน เริ่มจากการวางเป้าหมายอย่างชัดเจน มีขั้นตอนการปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย จัดงบประมาณต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อให้ขั้นตอนที่วางแผนไว้สำเร็จ กำหนดเวลาแล้วประเมิน วัดผล ตรวจสอบแล้วมาทำการปรับปรุงแผนให้แบรนด์พัฒนาขึ้นไปอีก
ยิ่งเยอะยิ่งดี ถ้าขายของแพงรับบัตรเครดิตได้ยิ่งจะดีมาก การชำระเงินควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า คุณควรเปิดบัญชีสำหรับร้านของคุณกับธนาคารที่คนส่วนใหญ่ใช้บริการ แทนที่จะเลือกธนาคารที่ไม่เป็นที่นิยมแต่ให้ดอกเบี้ยดี นอกจากนี้ ถ้าคุณวางแผนจะขายสินค้าให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ คุณก็ควรมีบัญชีที่รองรับการโอนเงินจากต่างประเทศ (และมีแผนสำหรับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบที่คุณไม่ขาดทุน) บัญชี Paypal นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีและสามารถสมัครใช้งานง่าย
“ยิ่งเร็ว ยิ่งได้เปรียบ” ถ้าคุณเตรียมตัวจะยึดการขายของออนไลน์เป็นอาชีพก็แล้วไป แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ยังต้องทำงานประจำ คุณควรวางแผนบริหารเวลาให้ดี เพราะบางที “ความอยากได้” ของลูกค้าก็มีระยะเวลาจำกัด การที่คุณไม่สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันเวลา อาจหมายถึงการเสียลูกค้าไป