แต่งงานมา4ปีเหมือนแต่งมา6เดือน
เราคบกับแฟนมาหลาย5ปีและก็แต่งงานก่อนอื่นขอเล่าถึงสภาวะระหว่างเรากับแฟนโดยปกติคือรักกันแต่ทะเลาะกันบ่อยแต่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยผ่านมาได้ แต่พอแต่งมาแล้ว เราก็เข้าใจได้ว่ามันเพิ่งเริ่มต้นเพราะมีความคาดหวังของแต่ละคนเพิ่มขึ้นมาด้วย กลายเป็นว่าทะเล่ะกันหนักบ่อยแรงแต่สุดท้ายในระยะเวลา6เดือน เดือนที่หกก็ไม่ทะเลาะและเริ่มมีความปกติสุขและลงตัว โดยเราและสามีอยู่กัน2คนซึ่งจะเจอกันอาทิตย์ละ2-3วัน เพราะเค้าทำงานอยู่ตจว. แต่เราก็โอเคนะ เพราะคบกันมานานก็แบบนี้ ให้แต่ละคนมีเวลาและก็มาใช้เวลาร่วใกันและแต่งงาน เป้าหมายคือสร้างครอบครัว แต่แล้วเรื่องที่ไม่เคยคาดคิด หลังจาก6เดือน และสภาวะคงตัวก็กลายเป็นมีการแปรเปลี่ยนไป
คงเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการมีมือที่สาม แต่ไม่ใช่ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า เราแต่งงานมาได้แบะสามีก็กลับไปทำงานไปมา หลังแต่งไป1-2อาทิตย์แรก แม่สามีก็โทรมาทุกอาทิตย์ชวนไปไหนต่อไหน เราก็ไปได้และไม่มีปัญหา อันนี้ก็ยังไม่เท่าไหร่ พอผ่านช่วงปรับตัวใน6เดือนมา (แม่สามีอยู่ตจว.และเข้ามากทม.บ้างอยู่บ้านรวมญาติของครอบครัวเค้า)
เป็นเรื่องปกติที่แม่สามีมากทม.ก็จะพาไปทานข้าวเดินเล่นทำธุระแล้วแต่เลย เราได้หมดและไปด้วบกับสามีเสมอ รู้ว่าแม่มาเราก็เลยบอกแฟนพาแม่ไปทานร้านนร้มั้ยที่ราคาแพงและเคยไปทานกันมาครั้งนึง เห็นแม่มาและพาท่านไปทาน พอทานเสร็จก็ไปส่งท่านที่บ้านรวมและทุกอย่างดูเหมือนปกติ แต่ช่วงสายของอีกวันน้าของสามีก็โทรมาบอกว่าแม่ผูกคอ ช็อค น้ำตาร่วงเลยและไม่รู้ว่าอะไรทั้งนั้นสามีก็รีบไปหาแม่พาไปหาหมอทันที
เราก็คิดทบทวนว่าเกิดจากอะไร ย้อนไปวันก่อนก็มีคำถามที่แม่สามีถามเราว่า ลูกเค้าพามาทานที่นีบ่อยมั้ย เราก็ตอบไปว่าไม่และแม่มาเลยมาทานนี่คือครั้งที่2 และถามอีกว่าลูกชายเค้าเป็นคนพามาหรอก็บอกว่าใช่เค้าเห็นเพื่อนโพสเลยมาลอง และผ่านไปสักพักก็ถามอีกว่าลูกเค้าชวนมาพามาหรอ อีกเราก้อตอบไป.. ยังไม่แน่ใจ เกี่ยวกันมั้ย จนอาทิตย์นึงไประหว่างรอทางโรงพยาบาลว่างให้เข้ารับการรักษาทางจิตเวชนั้น เรากะสามีก็ไปหาท่านที่บ้าน เมื่อเจอ แฟนคงเล่าว่าเราตกใจร้องไห้เลย แม่เค้าถามว่า รับไม่ได้หรอ.. ซึ่งเราเป็นคนกลัวไรเหล่านี้ แม่เค้าก็เป้าตาบวมม่วงและรอบคอเป็นรอยม่วง เราก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆไป
ในสภาวะนี้เรารู้ว่าสามีเครียดและเป็นห่วงแม่เค้ามากและแม่ก็มารักษาตัวในกทม. เรารู้ว่าวันเวลาปกติน่วมกันขะหาบไปและต้องให้ความเอาใจใส่กับแม่สามีมากขึ้น เราได้แต่บอกว่า ดูแลแม่ให้ดีที่สุด ใจเราคิดแม่เค้าต่อให้รักไม่เท่าแต่ก็ให้ความเคารพในฐานะเป็นแม่สามีเสมอมา แน่นอนว่าเป็นโรคซึมเศร้า แม่ก็ได้เข้ารับการรักษาและในความดูแลของรพ. ทุกอาทิตย์ญาติและทุกคนที่อยู่ก็จะไปเยี่ยม หมอก็ถามหาอาการ แม่สามีเค้ากลัวไม่รู้จะอยู่กับใคร ซึ่งด้วยการที่เราแต่งงานมา แต่ก็เหมือนเดิมปกติ เราก็คิดว่าเป็นเพราะโรคด้วย
มีบางเหตุการณ์ที่ชวนให้รู้สึก แบะเป็นหลาบๆครั้งที่เราพบเจอแม้ไม่ร้าบแรงแต่ก็เป็นเหมือนระลอกคลื่นที่สั่งสมมา หลังจากรักษามา3อาทิตย์ ทางครอบครัวสามีจะไปเข็งเม้งกันตจว. จึงขอหมอให้ออก และหมอก็ให้ เราก็ไปด้วยและไปรับแม่และไปสนามบินกัน เราก็เกร็งไม่พูดไรมากระหว่างรอสามีไปจอดรถและมาเช็คอินเพื่อเดินทาง เราก็คุยกะพี่เลี้ยงของหลานที่บ้านก็เลยเล่าให้แม่ฟังไปเลยว่า พี่เลี้ยงเอาไว้เราและสามีมีลูกก็ข่วยเลี้ยง ก็แค่นั้นไม่มีไร พอตกบ่ายมา ก็เกิดสภาวะ น้องของแม่ก็ให้ข่วยป้อนข้าวหลานและบอกอีกหน่อยมีหลานจะได้ข่วยเลี้ยง เราก็เฉยๆนะได้หมด และคำที่แม่เค้าพูดคือ เค้าไม่ให้เลี้ยงหรอก เค้ามีคนช่วยเลี้ยงอยู่แล้ว พอได้ยินจากไม่เคยมีอคติใดๆและเปนปกติมาเสมอเราตกใจและอึ้งแต่ก็ทำเฉยๆไป และคิดว่าต้องเล่าให้สามีรู้เพรสะอาจเป็นอาการและให้รุ้ว่าคิดอ่านอย่างไร แน่นอนทั้งวันนั้นเราก็เจอแนวนี้จสกโดยรอบแบบเรียบๆๆแต่ชัดเจนเน้นย้ำคำว่าเลี้ยงหลาน... คิดในใจท้องก่อนเหอะ...
จากนั้นมาทุกอาทิตย์ก็สามีมากทม.และพาไปเจอแม่และพาแม่ไปกินข้าวซื้อของและอื่นๆทุกอาทิตย์และมีน้าและแม่บ้านคอยอัพเดตอาการและสภาวะเสมอ เราก็ไม่พูดไรแล้วเงียบดีกว่าอะไรก็ได้ กังวลแต่ว่าพูดไรไปแล้วแม่สามีจะคิดไปไกลและเป็นเรื่องหรือฆ่าตัวตายขึ้นมาอีก ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก จริงมั้ยคะ
สภาวะการณ์ต่างๆระหว่างที่ป่วยและรักษาโดยทานยาและอยู่กทม.นี้เรื่อยมา มีสิ่งที่เราได้รู้จักแม่สามีมากขึ้นและเห็นและคิดว่าเป็นเพนสะโรคด้วยแต่มันก็ร่วมกะจิตใต้สำนึกที่กังวลหรือกระทบออกมา เช่น
- สามียิ้มและพูดถึงเราให้แม่เค้าเสมอ และเราก็ไม่รู้หรอกนะแต่ก็เค ผลที่ได้คือแม่เค้าเห็นเราทำไรกินไรก็กินตามหมด เราคิดว่าเราคิดไปเองลองพิสูจน์กินอาหารนี้ก็ตักตามเราก็กินไปปกติจนเราตักผักเข้าไป เค้าก็ตามและคายออกทันที เลยเข้าใจได้ พอเราใว่เสื้อยืดสีขาวเรียบๆๆเค้าเห็นก็อยากได้ เราใส่กางเกงอะไรก็อบากได้ เราก็ไปซื้อให้เค้านะ เปนเรื่อยมา
มีวันนึงเราทะเลาะกะแฟนแม่เค้าอยู่ในเหตุการณ์ ตอนอยู่ด้วยกัน เค้สพูดง่าเพราะแม่หรอ เราก็บอกเปล่า แต่พอเค้าอนู่กะสามีเรา เค้าบอกว่า สามีเรานี่น่าสงสาร ไหนจะเรื่องงานไหนจะเรื่องแม่ยังมีปัญหาครอบครัวอีก คือเจตนาแบบไหนไม่รู้ แต่หบังจากนั้นมาก็ทะเลาะกันบ่อยขึ่น สามีเรสก็ไปหาแม่เค้าเอง บ้าง และเรสก็มีไปบ้าง แต่แม่เค้าจะลากลูกเค้าไปนั่งคุยกัน2คน และพอจะกลับก็แทบตะกรี้ดว่าจะกลัยแล้วหรอเราตกใจมสกกกก และเห็นใจ เพราะถ้าเปนคนปกติก็จะรู้ได้ว่าลูกรักเค้ามากขนาดไหนและให้ไเ้ทุกอย่างที่เค้าต้องการ แน่นอนก็จะมีแต่เรื่องแนวนี้ ที่เห็นชัดคือ เราและสามีไปเที่ยว ญี่ปุ่นและไต้หวันรวม15วัน มีกลับไทย2วัน ก็ให้เค้าไปหาแม่ ก่อนไปก็ถามว่าแม่เค้าเคหรอเรากังวลแทน วันท้ายสุดน้าเค้าเล่าว่า แม่สามีเดินวนไปมาทั้งคืนเรียกน้องหาแต่ลูกเค้าว่าจะมาหสเค้ามั้ย น้าก็บอกตะไปรอบ้านเค้าเบยมั้ยนอนบ้านเค้าเลยมั้ยก็ไม่เดินวนไปมาทั้งคืน จากคร่าวๆนี้ก็เข้าใจได้แล้วมั้ยคะ ว่าแม่เค้าคิดและกังวลเรื่องไหนและประเด็นคือตัวเรา ที่มาแต่งงานกะลูกเค้า นี่แหละ ที่เราหนักใจและพยายามเปิดใจกว้างๆๆและให้สามีทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม่ต้องการเค้าแต่ถ้าเป็นเราน่าจะเป็นแบบที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เราจึงเลือกสละเวลาที่มีกันให้แม่และลูกมีร่วมบ้างและทะเลาะกันบ้างและไปด้วยกันบ้างคบะกันไป เป็นเวลา1ปี8เดือน เราและสามีเริ่มห่างกันบ้างแต่ยังประคับประตอองแบะมีรักกันอยู๋ พออาการแม่เริ่มดี เค้าอยากกลับตจว. เราก้อไปกะแฟนเพื่อรับแม่ และไปด้วยกัน แม่สามีซื้อขนมที่แฟนชอบ(เราชอบ)มาเยอะในรถ แต่แฟนเราไม่กินเราเลยขอกิน ถามแม่แม่ก็ไม่เอาอะแบบสะบัดๆไป แต่ตอนไปรับเจอหน้า แม่สามีถามว่าไปด้วยหรอ.. มันคือสภาวะที่พบเจอเราก็ตอบสั้นๆว่าค่ะ ในรถเดินทาง เค้าก้อคุยไม่หยุดร่าเริงมากและพอสามีคุยกะเรา แม่ก็แทรกคั่นกลางมา 2-3รอบเราเลยนอนดีกว่า ซึ่งมันเป็นความอึดอัดเสมอมา และเราไม่เคยอะไร และจะให้พูดกะสามี เค้าจะบอกว่าเรามีปัญหากะแม่เค้าจากยั้นมาเลยเงียบ ถามว่าเรามำอะไรผิด และแม่เค้ามาถามเราไม่มีลูกกันอีก วันเวลาที่เปนมาก็ตะสามปี แต่งงาน ก็ให้เวลาไปกับแม่และเรื่อยมา ทุกครั้งไปกะนเองสามีและแม่เค้า ถ้าทะเลาะกันเค้าจะแรงมากกะเราและวันนึงเค้าบอกเราว่าอยู่กับอม่ามสุขกว่าอยู่กับเรา... นี่แหละชีสิตหลังแต่งงาน และไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าบทสรุปเป็นไง วันนึงเราก็ทะเลาะกันเรืาอยเค้าลากแม่เค้ามาคุยด้วยและด่าเราให้แม่เค้าฟัง คำแรกที่แม่เค้าพูดคือก็เลิกไปสิ ทำให้เราคิดภาพออกเลยว่าแม่เค้าเป็นแนวไหนบ้างแต่ก็ไม่ทำไรได้ก็ผ่ายไปจนทุกวันนี้4ปีกว่าแล้ว สุดท้ายเราก็จบกับแฟน แต่เป็นที่คงามห่างเกินกันเรื่อยมาทะเลาะและอื่นๆๆ
ที่มาบอกเล่านี่อยากถามว่ามีใครที่ป่วยและคิดมากแบบนี้ และสภาพที่เจอมาเราว่าเราทำดีที่สุดแล้วและที่เป็นแต่ก็เจอคำว่าจากสามีว่าเราไม่แบ่งเบาที่แม่เค้าป่วยเลย ถ้าแบ่งได้ก็แบ่งแบาแต่ก็ตามสภาชพนี้เราแค่อยากมีชีวิตคู่แบบปกติทั่วไปและแม่สามีที่เราไม่เคยนึกรังเกียจหรือไม่เคยคิดจะมีปัญหาอะไร กลับกลายเป็นเรามีชีวิตแต่งงานที่ปกติครึ่งปี แต่คบกันมา5ปีก่อนแต่ง และ4ปีแต่งมาก็จบ หรือเราทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ผ่านมาแล้ว แค่อยากรู้ความคิดเห็นว่าแบบไหนอย่างไรบ้าง
ชีวิตหลังแต่งงานและแม่สามี คิดอย่างไรกันบ้าง??
เราคบกับแฟนมาหลาย5ปีและก็แต่งงานก่อนอื่นขอเล่าถึงสภาวะระหว่างเรากับแฟนโดยปกติคือรักกันแต่ทะเลาะกันบ่อยแต่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยผ่านมาได้ แต่พอแต่งมาแล้ว เราก็เข้าใจได้ว่ามันเพิ่งเริ่มต้นเพราะมีความคาดหวังของแต่ละคนเพิ่มขึ้นมาด้วย กลายเป็นว่าทะเล่ะกันหนักบ่อยแรงแต่สุดท้ายในระยะเวลา6เดือน เดือนที่หกก็ไม่ทะเลาะและเริ่มมีความปกติสุขและลงตัว โดยเราและสามีอยู่กัน2คนซึ่งจะเจอกันอาทิตย์ละ2-3วัน เพราะเค้าทำงานอยู่ตจว. แต่เราก็โอเคนะ เพราะคบกันมานานก็แบบนี้ ให้แต่ละคนมีเวลาและก็มาใช้เวลาร่วใกันและแต่งงาน เป้าหมายคือสร้างครอบครัว แต่แล้วเรื่องที่ไม่เคยคาดคิด หลังจาก6เดือน และสภาวะคงตัวก็กลายเป็นมีการแปรเปลี่ยนไป
คงเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการมีมือที่สาม แต่ไม่ใช่ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า เราแต่งงานมาได้แบะสามีก็กลับไปทำงานไปมา หลังแต่งไป1-2อาทิตย์แรก แม่สามีก็โทรมาทุกอาทิตย์ชวนไปไหนต่อไหน เราก็ไปได้และไม่มีปัญหา อันนี้ก็ยังไม่เท่าไหร่ พอผ่านช่วงปรับตัวใน6เดือนมา (แม่สามีอยู่ตจว.และเข้ามากทม.บ้างอยู่บ้านรวมญาติของครอบครัวเค้า)
เป็นเรื่องปกติที่แม่สามีมากทม.ก็จะพาไปทานข้าวเดินเล่นทำธุระแล้วแต่เลย เราได้หมดและไปด้วบกับสามีเสมอ รู้ว่าแม่มาเราก็เลยบอกแฟนพาแม่ไปทานร้านนร้มั้ยที่ราคาแพงและเคยไปทานกันมาครั้งนึง เห็นแม่มาและพาท่านไปทาน พอทานเสร็จก็ไปส่งท่านที่บ้านรวมและทุกอย่างดูเหมือนปกติ แต่ช่วงสายของอีกวันน้าของสามีก็โทรมาบอกว่าแม่ผูกคอ ช็อค น้ำตาร่วงเลยและไม่รู้ว่าอะไรทั้งนั้นสามีก็รีบไปหาแม่พาไปหาหมอทันที
เราก็คิดทบทวนว่าเกิดจากอะไร ย้อนไปวันก่อนก็มีคำถามที่แม่สามีถามเราว่า ลูกเค้าพามาทานที่นีบ่อยมั้ย เราก็ตอบไปว่าไม่และแม่มาเลยมาทานนี่คือครั้งที่2 และถามอีกว่าลูกชายเค้าเป็นคนพามาหรอก็บอกว่าใช่เค้าเห็นเพื่อนโพสเลยมาลอง และผ่านไปสักพักก็ถามอีกว่าลูกเค้าชวนมาพามาหรอ อีกเราก้อตอบไป.. ยังไม่แน่ใจ เกี่ยวกันมั้ย จนอาทิตย์นึงไประหว่างรอทางโรงพยาบาลว่างให้เข้ารับการรักษาทางจิตเวชนั้น เรากะสามีก็ไปหาท่านที่บ้าน เมื่อเจอ แฟนคงเล่าว่าเราตกใจร้องไห้เลย แม่เค้าถามว่า รับไม่ได้หรอ.. ซึ่งเราเป็นคนกลัวไรเหล่านี้ แม่เค้าก็เป้าตาบวมม่วงและรอบคอเป็นรอยม่วง เราก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆไป
ในสภาวะนี้เรารู้ว่าสามีเครียดและเป็นห่วงแม่เค้ามากและแม่ก็มารักษาตัวในกทม. เรารู้ว่าวันเวลาปกติน่วมกันขะหาบไปและต้องให้ความเอาใจใส่กับแม่สามีมากขึ้น เราได้แต่บอกว่า ดูแลแม่ให้ดีที่สุด ใจเราคิดแม่เค้าต่อให้รักไม่เท่าแต่ก็ให้ความเคารพในฐานะเป็นแม่สามีเสมอมา แน่นอนว่าเป็นโรคซึมเศร้า แม่ก็ได้เข้ารับการรักษาและในความดูแลของรพ. ทุกอาทิตย์ญาติและทุกคนที่อยู่ก็จะไปเยี่ยม หมอก็ถามหาอาการ แม่สามีเค้ากลัวไม่รู้จะอยู่กับใคร ซึ่งด้วยการที่เราแต่งงานมา แต่ก็เหมือนเดิมปกติ เราก็คิดว่าเป็นเพราะโรคด้วย
มีบางเหตุการณ์ที่ชวนให้รู้สึก แบะเป็นหลาบๆครั้งที่เราพบเจอแม้ไม่ร้าบแรงแต่ก็เป็นเหมือนระลอกคลื่นที่สั่งสมมา หลังจากรักษามา3อาทิตย์ ทางครอบครัวสามีจะไปเข็งเม้งกันตจว. จึงขอหมอให้ออก และหมอก็ให้ เราก็ไปด้วยและไปรับแม่และไปสนามบินกัน เราก็เกร็งไม่พูดไรมากระหว่างรอสามีไปจอดรถและมาเช็คอินเพื่อเดินทาง เราก็คุยกะพี่เลี้ยงของหลานที่บ้านก็เลยเล่าให้แม่ฟังไปเลยว่า พี่เลี้ยงเอาไว้เราและสามีมีลูกก็ข่วยเลี้ยง ก็แค่นั้นไม่มีไร พอตกบ่ายมา ก็เกิดสภาวะ น้องของแม่ก็ให้ข่วยป้อนข้าวหลานและบอกอีกหน่อยมีหลานจะได้ข่วยเลี้ยง เราก็เฉยๆนะได้หมด และคำที่แม่เค้าพูดคือ เค้าไม่ให้เลี้ยงหรอก เค้ามีคนช่วยเลี้ยงอยู่แล้ว พอได้ยินจากไม่เคยมีอคติใดๆและเปนปกติมาเสมอเราตกใจและอึ้งแต่ก็ทำเฉยๆไป และคิดว่าต้องเล่าให้สามีรู้เพรสะอาจเป็นอาการและให้รุ้ว่าคิดอ่านอย่างไร แน่นอนทั้งวันนั้นเราก็เจอแนวนี้จสกโดยรอบแบบเรียบๆๆแต่ชัดเจนเน้นย้ำคำว่าเลี้ยงหลาน... คิดในใจท้องก่อนเหอะ...
จากนั้นมาทุกอาทิตย์ก็สามีมากทม.และพาไปเจอแม่และพาแม่ไปกินข้าวซื้อของและอื่นๆทุกอาทิตย์และมีน้าและแม่บ้านคอยอัพเดตอาการและสภาวะเสมอ เราก็ไม่พูดไรแล้วเงียบดีกว่าอะไรก็ได้ กังวลแต่ว่าพูดไรไปแล้วแม่สามีจะคิดไปไกลและเป็นเรื่องหรือฆ่าตัวตายขึ้นมาอีก ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก จริงมั้ยคะ
สภาวะการณ์ต่างๆระหว่างที่ป่วยและรักษาโดยทานยาและอยู่กทม.นี้เรื่อยมา มีสิ่งที่เราได้รู้จักแม่สามีมากขึ้นและเห็นและคิดว่าเป็นเพนสะโรคด้วยแต่มันก็ร่วมกะจิตใต้สำนึกที่กังวลหรือกระทบออกมา เช่น
- สามียิ้มและพูดถึงเราให้แม่เค้าเสมอ และเราก็ไม่รู้หรอกนะแต่ก็เค ผลที่ได้คือแม่เค้าเห็นเราทำไรกินไรก็กินตามหมด เราคิดว่าเราคิดไปเองลองพิสูจน์กินอาหารนี้ก็ตักตามเราก็กินไปปกติจนเราตักผักเข้าไป เค้าก็ตามและคายออกทันที เลยเข้าใจได้ พอเราใว่เสื้อยืดสีขาวเรียบๆๆเค้าเห็นก็อยากได้ เราใส่กางเกงอะไรก็อบากได้ เราก็ไปซื้อให้เค้านะ เปนเรื่อยมา
มีวันนึงเราทะเลาะกะแฟนแม่เค้าอยู่ในเหตุการณ์ ตอนอยู่ด้วยกัน เค้สพูดง่าเพราะแม่หรอ เราก็บอกเปล่า แต่พอเค้าอนู่กะสามีเรา เค้าบอกว่า สามีเรานี่น่าสงสาร ไหนจะเรื่องงานไหนจะเรื่องแม่ยังมีปัญหาครอบครัวอีก คือเจตนาแบบไหนไม่รู้ แต่หบังจากนั้นมาก็ทะเลาะกันบ่อยขึ่น สามีเรสก็ไปหาแม่เค้าเอง บ้าง และเรสก็มีไปบ้าง แต่แม่เค้าจะลากลูกเค้าไปนั่งคุยกัน2คน และพอจะกลับก็แทบตะกรี้ดว่าจะกลัยแล้วหรอเราตกใจมสกกกก และเห็นใจ เพราะถ้าเปนคนปกติก็จะรู้ได้ว่าลูกรักเค้ามากขนาดไหนและให้ไเ้ทุกอย่างที่เค้าต้องการ แน่นอนก็จะมีแต่เรื่องแนวนี้ ที่เห็นชัดคือ เราและสามีไปเที่ยว ญี่ปุ่นและไต้หวันรวม15วัน มีกลับไทย2วัน ก็ให้เค้าไปหาแม่ ก่อนไปก็ถามว่าแม่เค้าเคหรอเรากังวลแทน วันท้ายสุดน้าเค้าเล่าว่า แม่สามีเดินวนไปมาทั้งคืนเรียกน้องหาแต่ลูกเค้าว่าจะมาหสเค้ามั้ย น้าก็บอกตะไปรอบ้านเค้าเบยมั้ยนอนบ้านเค้าเลยมั้ยก็ไม่เดินวนไปมาทั้งคืน จากคร่าวๆนี้ก็เข้าใจได้แล้วมั้ยคะ ว่าแม่เค้าคิดและกังวลเรื่องไหนและประเด็นคือตัวเรา ที่มาแต่งงานกะลูกเค้า นี่แหละ ที่เราหนักใจและพยายามเปิดใจกว้างๆๆและให้สามีทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม่ต้องการเค้าแต่ถ้าเป็นเราน่าจะเป็นแบบที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เราจึงเลือกสละเวลาที่มีกันให้แม่และลูกมีร่วมบ้างและทะเลาะกันบ้างและไปด้วยกันบ้างคบะกันไป เป็นเวลา1ปี8เดือน เราและสามีเริ่มห่างกันบ้างแต่ยังประคับประตอองแบะมีรักกันอยู๋ พออาการแม่เริ่มดี เค้าอยากกลับตจว. เราก้อไปกะแฟนเพื่อรับแม่ และไปด้วยกัน แม่สามีซื้อขนมที่แฟนชอบ(เราชอบ)มาเยอะในรถ แต่แฟนเราไม่กินเราเลยขอกิน ถามแม่แม่ก็ไม่เอาอะแบบสะบัดๆไป แต่ตอนไปรับเจอหน้า แม่สามีถามว่าไปด้วยหรอ.. มันคือสภาวะที่พบเจอเราก็ตอบสั้นๆว่าค่ะ ในรถเดินทาง เค้าก้อคุยไม่หยุดร่าเริงมากและพอสามีคุยกะเรา แม่ก็แทรกคั่นกลางมา 2-3รอบเราเลยนอนดีกว่า ซึ่งมันเป็นความอึดอัดเสมอมา และเราไม่เคยอะไร และจะให้พูดกะสามี เค้าจะบอกว่าเรามีปัญหากะแม่เค้าจากยั้นมาเลยเงียบ ถามว่าเรามำอะไรผิด และแม่เค้ามาถามเราไม่มีลูกกันอีก วันเวลาที่เปนมาก็ตะสามปี แต่งงาน ก็ให้เวลาไปกับแม่และเรื่อยมา ทุกครั้งไปกะนเองสามีและแม่เค้า ถ้าทะเลาะกันเค้าจะแรงมากกะเราและวันนึงเค้าบอกเราว่าอยู่กับอม่ามสุขกว่าอยู่กับเรา... นี่แหละชีสิตหลังแต่งงาน และไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าบทสรุปเป็นไง วันนึงเราก็ทะเลาะกันเรืาอยเค้าลากแม่เค้ามาคุยด้วยและด่าเราให้แม่เค้าฟัง คำแรกที่แม่เค้าพูดคือก็เลิกไปสิ ทำให้เราคิดภาพออกเลยว่าแม่เค้าเป็นแนวไหนบ้างแต่ก็ไม่ทำไรได้ก็ผ่ายไปจนทุกวันนี้4ปีกว่าแล้ว สุดท้ายเราก็จบกับแฟน แต่เป็นที่คงามห่างเกินกันเรื่อยมาทะเลาะและอื่นๆๆ
ที่มาบอกเล่านี่อยากถามว่ามีใครที่ป่วยและคิดมากแบบนี้ และสภาพที่เจอมาเราว่าเราทำดีที่สุดแล้วและที่เป็นแต่ก็เจอคำว่าจากสามีว่าเราไม่แบ่งเบาที่แม่เค้าป่วยเลย ถ้าแบ่งได้ก็แบ่งแบาแต่ก็ตามสภาชพนี้เราแค่อยากมีชีวิตคู่แบบปกติทั่วไปและแม่สามีที่เราไม่เคยนึกรังเกียจหรือไม่เคยคิดจะมีปัญหาอะไร กลับกลายเป็นเรามีชีวิตแต่งงานที่ปกติครึ่งปี แต่คบกันมา5ปีก่อนแต่ง และ4ปีแต่งมาก็จบ หรือเราทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ผ่านมาแล้ว แค่อยากรู้ความคิดเห็นว่าแบบไหนอย่างไรบ้าง