‘พิชัย’ ชี้ 19 ข้อต้องเร่งทำ แก้ปัญหา ศก.-ปากท้อง ปชช. แนะ ‘บิ๊กตู่’ เปิดใจฟัง-นำไปใช้
https://www.matichon.co.th/politics/news_2548777
‘พิชัย’ ชี้ 19 ข้อต้องเร่งทำหาก พท. เป็นรัฐบาล แนะ ‘บิ๊กตู่’ นำไปใช้แก้ปัญหา ศก. – ปากท้อง ปชช.
เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 27 มกราคม นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า
ปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ดูเหมือนจะเมาหมัด ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ร้อนรน อีกทั้งกำลังจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วๆ นี้ ที่น่าจะโดนจัดหนัก ดังนั้นจึงอยากบอกว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชน ใน 19 เรื่องดังนี้
1. เร่งให้มีการบริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดโดยเร็ว และต้องมีปริมาณครอบคลุมประชาชนทั้งหมด ต้องจัดซื้อในราคาที่เหมาะสม เพราะยิ่งฉีดวัตซีนได้ครบเร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้เร็วเท่านั้น
2. เร่งช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิดอย่างทั่วถึง เดือนละ 5,000 บาท และ 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตามที่บอกไว้แล้ว ให้เป็นเงินสด ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนผ่านมือถือ ไม่ต้องแย่งกันเหมือนชิงโชค เพราะเป็นสิทธิของประชาชนที่ควรจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล
3. เร่งช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ให้ผ่านวิกฤตไวรัสโควิดนี้ไปได้ โดยปรับวงเงินทั้งหมด 9 แสนล้าน จากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มาช่วย SMEs ทั้งหมด โดยผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยกู้ รัฐค้ำประกันหนี้เสีย และ หากยังไม่พอ ก็ต้องเพิ่มวงเงิน
4. เร่งปรับวงเงินจากโครงการจ้างงานใหม่ 250,000 ตำแหน่ง ที่รัฐบาลเคยพูดไว้ แต่ไม่ได้ไปถึงไหน ให้มาเป็นเงินสนับสนุน SMEs ให้รักษาการจ้างงาน อย่างน้อย 50% ของเงินเดือน เพื่อป้องกันการตกงาน และหากจำเป็นควรต้องเพิ่มวงเงิน ทั้งนี่หากมีการฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงโดยเร็ว ก็จะไม่ต้องสนับสนุนนาน
5. เร่งปรับโครงสร้างภาษีให้เก็บเงินคนรวยมากขึ้นเพื่อมาช่วยคนจน ในภาวะที่คนจนกำลังลำบากนี้ และจะเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วย
6. เร่งหารายได้เข้ารัฐเพิ่มจากทางอื่นนอกจากภาษี
7. เร่งปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มราชการ หรือ Digitalization รวมถึงการใช้ระบบบล็อกเชน ซึ่งจะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง รวมถึง ปัญหาระบบศุลกากรที่นักลงทุนต่างประเทศร้องเรียน ปัญหาการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว เป็นต้น
8. เร่งส่งเสริมให้เกิดแพลตฟอร์มเอกชน เร่งสงเสริมการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีสมัยใหม่ เร่งสร้างยูนิคอร์น ลดการพึ่งพา แพลตฟอร์มต่างประเทศ และ เร่งเก็บภาษีแพลตฟอร์มต่างประเทศ
9. เร่งสร้าง กิ๊ก อิโคโนมี เพื่อให้เกิดการจ้างงานแบบใหม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
10. เร่งเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศหลัก เช่น สหรัฐ อียู ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ฯลฯ
11. เร่งปลดล็อกให้กลับมาสู่ปกติ รวมถึงให้เปิดโรงเรียนให้เด็กได้เรียนหนังสือ
12. เร่งทำค่าเงินบาทให้อ่อนค่า และ เร่งลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ
13. เร่งจัดงบประมาณใหม่ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ ตัดงบไม่จำเป็นออกเช่น งบซื้ออาวุธ งบทหาร งบความมั่นคงที่ไม่จำเป็น ยกเลิก ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน ฯลฯ
14. ลดภาษีที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ เช่น ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
15. เร่งชักชวนการลงทุนจากญี่ปุ่น และนักลงทุนจากไต้หวัน ที่ย้ายการลงทุนออกจากประเทศจีน จากปัญหาความขัดแย้ง
16. เร่งเปิดรับเศรษฐีจากฮ่องกงที่จะย้ายออกจากฮ่องกง จากปัญหากับจีน
17. น้ำประปาฟรี ไฟฟ้าฟรี (ในปริมาณที่จำกัด) รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชน
18. เร่งปรับภาพลักษณ์ของประเทศให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก เลิกจับกุมและเลิกดำเนินคดีนักศึกษาและประชาชน
19. ศึกษาแนวคิดทางเศรษฐกิจของผู้นำเวียดนาม เพื่อนำมาปรับปรุงแนวคิดการบริหารเศรษฐกิจของไทย
นี่เป็น 19 เรื่องง่ายๆที่สามารถทำได้ทันที และจะเป็นพื้นฐานของการฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้ โดยต้องคิดและทำหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน เพราะเศรษฐกิจไทยทรุดหนักมาก หากจะทำทีละเรื่องจะฟื้นได้ยาก
ทั้งนี้อยากให้ พลเอกประยุทธ์ได้เปิดใจรับฟังกันบ้าง ทำในบางเรื่องก็ยังดี เพราะที่เป็นอยู่ ประเทศไทยน่าจะยังหาแสงสว่างจากปลายถ้ำไม่เจอ ประชาชนจะพลอยต้องติดในถ้ำกันไปด้วย แต่พลเอกประยุทธ์และพรรคพวกมีน้ำและอาหารครบ ในขณะที่ประชาชนไม่มีอะไรเลย เหมือนกำลังรอวันอดตายกันเท่านั้น
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2115558885241144&id=174738095989909
ชาวเน็ตสงสัย เงื่อนไข ‘เราชนะ’ รายได้ไม่เกิน 3 แสน แต่ยึดเอาปี 62 ตอนยังไม่มีโควิด
https://www.matichon.co.th/economy/news_2548495
ชาวเน็ตสงสัย เงื่อนไข ‘เราชนะ’ รายได้ไม่เกิน 3 แสน แต่ยึดเอาปี 62 ตอนยังไม่มีโควิด
เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักข่าว
กรมประชาสัมพันธ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความ ถึง วิธีลงทะเบียนโครงการเราชนะ แบบละเอียด จำนวน 14 ภาพด้วยกัน อย่างไรก็ตามเกิดคำถามขึ้นกับเงื่อนไขการพิจารณาผู้ได้เข้าร่วมโครงการ 5 ข้อ โดยหนึ่งในนั้นคือ “
ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมนเกิน 300,000 บาท (ปีภาษี 2562)”
จากเงื่อนไขดังกล่าวส่งผลให้เกิดคอมเมนท์วิพากษ์วิจารณ์ว่า เพราะเหตุใด จึงใช้เงื่อนไขรายได้พึงประเมินในปี 2562 ช่วงเวลาที่ยังไม่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับเป็นปี 2563 ที่เกิดการระบาด ส่งผลกระทบกับสถานะทางการเงินของประชาชนจนรายได้ลดลงอย่างมากแต่กลับไม่นำฐานรายได้ในปี 2563 มาใช้
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/5654010801291060
แม่ค้าตามสั่ง ตลาดแม่กลอง เครียดพิษโควิด-ขายของไม่ได้ จบชีวิตสลด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5826210
แม่ค้าอาหารตามสั่ง ตลาดแม่กลอง สมุทรสงคราม เครียดหนัก โควิด ทำรายได้หาย หลอกสามีป่วยอัมพฤกษ์ออกจากบ้าน ก่อนตัดสินใจจบชีวิตสลด
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 27 ม.ค.2564 พ.ต.ท.
เชษฐา อ่อนสุด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพักหลังหนึ่ง เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม นพ.
ณัฐวัฒน์ ชัยวัฒนรัตน์ แพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสมุทรสงคราม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง บริเวณห้องซักล้างด้านหลังบ้านพบศพ นางบี (นามสมมติ) อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน สภาพผูกคอเสียชีวิตในชุดแม่ค้ามีผ้ากันเปื้อนผูกที่เอว คาดว่าเสียชีวิตแล้วไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยมี นายเอ (นามสมมติ) อายุ 68 ปี สามีของผู้ตาย และลูกสาวอยู่ในอาการโศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เป็นที่รู้จักของชาวตลาดแม่กลองมากว่า 30 ปี เพราะเป็นแม่ค้าฝีมือดี ทำอาหารอร่อย แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดครั้งแรก ทำให้ต้องหยุดขายอาหารไปพักหนึ่ง ต่อมาพอกลับมาค้าขายได้บ้างก็เจอการระบาดโควิดระลอกสอง และขายไม่ดีจนเกิดอาการเครียด เนื่องจากรายได้ไม่พอกับรายจ่าย
สอบสวนทราบต่อว่า อีกทั้ง สามีก็เป็นอัมพฤกษ์ ประกอบกับตัวเองมีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และบ่นว่าอยากตายมาแล้วหลายครั้ง กระทั่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้หลอกให้สามีซึ่งเป็นอัมพฤก ออกไปฝึกเดินนอกบ้านเพื่อร่างกายจะได้แข็งแรงเดินได้เอง สามีจึงออกไปเดิน แต่ไม่ถึง 20 นาที ก็กลับเข้าบ้านก็พบว่าผู้ตายผูกคอเสียชีวิตแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะเครียดหนักจากการระบาดของโควิด ทำให้รายได้ไม่พอรายจ่าย ประกอบกับมีโรคประจำตัว จึงตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งญาติ ๆ ไม่ติดใจการตาย แพทย์และตำรวจจึงมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
JJNY : พิชัยชี้19ข้อต้องเร่งทำ/ชาวเน็ตสงสัยเงื่อนไข‘เราชนะ’/แม่ค้าเครียดจบชีวิต/สะกิดส่องลงทุนเวียดนาม/สมุทรสาครพุ่ง792
https://www.matichon.co.th/politics/news_2548777
‘พิชัย’ ชี้ 19 ข้อต้องเร่งทำหาก พท. เป็นรัฐบาล แนะ ‘บิ๊กตู่’ นำไปใช้แก้ปัญหา ศก. – ปากท้อง ปชช.
เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 27 มกราคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า
ปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ดูเหมือนจะเมาหมัด ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ร้อนรน อีกทั้งกำลังจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วๆ นี้ ที่น่าจะโดนจัดหนัก ดังนั้นจึงอยากบอกว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชน ใน 19 เรื่องดังนี้
1. เร่งให้มีการบริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดโดยเร็ว และต้องมีปริมาณครอบคลุมประชาชนทั้งหมด ต้องจัดซื้อในราคาที่เหมาะสม เพราะยิ่งฉีดวัตซีนได้ครบเร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้เร็วเท่านั้น
2. เร่งช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิดอย่างทั่วถึง เดือนละ 5,000 บาท และ 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตามที่บอกไว้แล้ว ให้เป็นเงินสด ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนผ่านมือถือ ไม่ต้องแย่งกันเหมือนชิงโชค เพราะเป็นสิทธิของประชาชนที่ควรจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล
3. เร่งช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ให้ผ่านวิกฤตไวรัสโควิดนี้ไปได้ โดยปรับวงเงินทั้งหมด 9 แสนล้าน จากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มาช่วย SMEs ทั้งหมด โดยผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยกู้ รัฐค้ำประกันหนี้เสีย และ หากยังไม่พอ ก็ต้องเพิ่มวงเงิน
4. เร่งปรับวงเงินจากโครงการจ้างงานใหม่ 250,000 ตำแหน่ง ที่รัฐบาลเคยพูดไว้ แต่ไม่ได้ไปถึงไหน ให้มาเป็นเงินสนับสนุน SMEs ให้รักษาการจ้างงาน อย่างน้อย 50% ของเงินเดือน เพื่อป้องกันการตกงาน และหากจำเป็นควรต้องเพิ่มวงเงิน ทั้งนี่หากมีการฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงโดยเร็ว ก็จะไม่ต้องสนับสนุนนาน
5. เร่งปรับโครงสร้างภาษีให้เก็บเงินคนรวยมากขึ้นเพื่อมาช่วยคนจน ในภาวะที่คนจนกำลังลำบากนี้ และจะเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วย
6. เร่งหารายได้เข้ารัฐเพิ่มจากทางอื่นนอกจากภาษี
7. เร่งปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มราชการ หรือ Digitalization รวมถึงการใช้ระบบบล็อกเชน ซึ่งจะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง รวมถึง ปัญหาระบบศุลกากรที่นักลงทุนต่างประเทศร้องเรียน ปัญหาการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว เป็นต้น
8. เร่งส่งเสริมให้เกิดแพลตฟอร์มเอกชน เร่งสงเสริมการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีสมัยใหม่ เร่งสร้างยูนิคอร์น ลดการพึ่งพา แพลตฟอร์มต่างประเทศ และ เร่งเก็บภาษีแพลตฟอร์มต่างประเทศ
9. เร่งสร้าง กิ๊ก อิโคโนมี เพื่อให้เกิดการจ้างงานแบบใหม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
10. เร่งเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศหลัก เช่น สหรัฐ อียู ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ฯลฯ
11. เร่งปลดล็อกให้กลับมาสู่ปกติ รวมถึงให้เปิดโรงเรียนให้เด็กได้เรียนหนังสือ
12. เร่งทำค่าเงินบาทให้อ่อนค่า และ เร่งลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ
13. เร่งจัดงบประมาณใหม่ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ ตัดงบไม่จำเป็นออกเช่น งบซื้ออาวุธ งบทหาร งบความมั่นคงที่ไม่จำเป็น ยกเลิก ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน ฯลฯ
14. ลดภาษีที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ เช่น ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
15. เร่งชักชวนการลงทุนจากญี่ปุ่น และนักลงทุนจากไต้หวัน ที่ย้ายการลงทุนออกจากประเทศจีน จากปัญหาความขัดแย้ง
16. เร่งเปิดรับเศรษฐีจากฮ่องกงที่จะย้ายออกจากฮ่องกง จากปัญหากับจีน
17. น้ำประปาฟรี ไฟฟ้าฟรี (ในปริมาณที่จำกัด) รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชน
18. เร่งปรับภาพลักษณ์ของประเทศให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก เลิกจับกุมและเลิกดำเนินคดีนักศึกษาและประชาชน
19. ศึกษาแนวคิดทางเศรษฐกิจของผู้นำเวียดนาม เพื่อนำมาปรับปรุงแนวคิดการบริหารเศรษฐกิจของไทย
นี่เป็น 19 เรื่องง่ายๆที่สามารถทำได้ทันที และจะเป็นพื้นฐานของการฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้ โดยต้องคิดและทำหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน เพราะเศรษฐกิจไทยทรุดหนักมาก หากจะทำทีละเรื่องจะฟื้นได้ยาก
ทั้งนี้อยากให้ พลเอกประยุทธ์ได้เปิดใจรับฟังกันบ้าง ทำในบางเรื่องก็ยังดี เพราะที่เป็นอยู่ ประเทศไทยน่าจะยังหาแสงสว่างจากปลายถ้ำไม่เจอ ประชาชนจะพลอยต้องติดในถ้ำกันไปด้วย แต่พลเอกประยุทธ์และพรรคพวกมีน้ำและอาหารครบ ในขณะที่ประชาชนไม่มีอะไรเลย เหมือนกำลังรอวันอดตายกันเท่านั้น
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2115558885241144&id=174738095989909
ชาวเน็ตสงสัย เงื่อนไข ‘เราชนะ’ รายได้ไม่เกิน 3 แสน แต่ยึดเอาปี 62 ตอนยังไม่มีโควิด
https://www.matichon.co.th/economy/news_2548495
ชาวเน็ตสงสัย เงื่อนไข ‘เราชนะ’ รายได้ไม่เกิน 3 แสน แต่ยึดเอาปี 62 ตอนยังไม่มีโควิด
เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความ ถึง วิธีลงทะเบียนโครงการเราชนะ แบบละเอียด จำนวน 14 ภาพด้วยกัน อย่างไรก็ตามเกิดคำถามขึ้นกับเงื่อนไขการพิจารณาผู้ได้เข้าร่วมโครงการ 5 ข้อ โดยหนึ่งในนั้นคือ “ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมนเกิน 300,000 บาท (ปีภาษี 2562)”
จากเงื่อนไขดังกล่าวส่งผลให้เกิดคอมเมนท์วิพากษ์วิจารณ์ว่า เพราะเหตุใด จึงใช้เงื่อนไขรายได้พึงประเมินในปี 2562 ช่วงเวลาที่ยังไม่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับเป็นปี 2563 ที่เกิดการระบาด ส่งผลกระทบกับสถานะทางการเงินของประชาชนจนรายได้ลดลงอย่างมากแต่กลับไม่นำฐานรายได้ในปี 2563 มาใช้
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/5654010801291060
แม่ค้าตามสั่ง ตลาดแม่กลอง เครียดพิษโควิด-ขายของไม่ได้ จบชีวิตสลด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5826210
แม่ค้าอาหารตามสั่ง ตลาดแม่กลอง สมุทรสงคราม เครียดหนัก โควิด ทำรายได้หาย หลอกสามีป่วยอัมพฤกษ์ออกจากบ้าน ก่อนตัดสินใจจบชีวิตสลด
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 27 ม.ค.2564 พ.ต.ท.เชษฐา อ่อนสุด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพักหลังหนึ่ง เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม นพ.ณัฐวัฒน์ ชัยวัฒนรัตน์ แพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสมุทรสงคราม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง บริเวณห้องซักล้างด้านหลังบ้านพบศพ นางบี (นามสมมติ) อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน สภาพผูกคอเสียชีวิตในชุดแม่ค้ามีผ้ากันเปื้อนผูกที่เอว คาดว่าเสียชีวิตแล้วไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยมี นายเอ (นามสมมติ) อายุ 68 ปี สามีของผู้ตาย และลูกสาวอยู่ในอาการโศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เป็นที่รู้จักของชาวตลาดแม่กลองมากว่า 30 ปี เพราะเป็นแม่ค้าฝีมือดี ทำอาหารอร่อย แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดครั้งแรก ทำให้ต้องหยุดขายอาหารไปพักหนึ่ง ต่อมาพอกลับมาค้าขายได้บ้างก็เจอการระบาดโควิดระลอกสอง และขายไม่ดีจนเกิดอาการเครียด เนื่องจากรายได้ไม่พอกับรายจ่าย
สอบสวนทราบต่อว่า อีกทั้ง สามีก็เป็นอัมพฤกษ์ ประกอบกับตัวเองมีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และบ่นว่าอยากตายมาแล้วหลายครั้ง กระทั่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้หลอกให้สามีซึ่งเป็นอัมพฤก ออกไปฝึกเดินนอกบ้านเพื่อร่างกายจะได้แข็งแรงเดินได้เอง สามีจึงออกไปเดิน แต่ไม่ถึง 20 นาที ก็กลับเข้าบ้านก็พบว่าผู้ตายผูกคอเสียชีวิตแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะเครียดหนักจากการระบาดของโควิด ทำให้รายได้ไม่พอรายจ่าย ประกอบกับมีโรคประจำตัว จึงตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งญาติ ๆ ไม่ติดใจการตาย แพทย์และตำรวจจึงมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป