ไร้ทางต่อกร...กับการเผชิญหน้า "เจ้าหน้าที่คุ้มครองแรงงาน"

"มันไม่มีทางสู้ได้เลยครับ..เขาปิดประตูคุณหมดแล้ว...ทางเดียวที่พอทำได้คือกลับไปทำงานครับ"

คำตอบจากเจ้าหน้าที่คุ้มครองแรงงาน กับมาดนิ่งๆ ขยับแว่นหน่อยๆ ที่เหมือนอยู่ๆ เอามีดเล่มยาวมาแทงเข้าที่คอแบบนิ่งๆ เงียบๆทำให้ผมแทบไม่มีคำพูดอะไรออกไปเลย มันไม่มีคำถาม และก็ไม่มีคำตอบใดๆ...

เนื่องจากใครที่เคยติดตามผม ผมถูกเชิญให้ออกจากหน้าที่การงาน ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคมโดยมีกำหนดการณ์ให้ทำงานถึงแค 22มกราคม (ศุกร์ที่ผ่านมา) เรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นเรื่อยมาคือการเขียนใบลาออก ที่ผมไม่เขียน และหวังว่า หลังวันที่ 22 จะดำเนินการต่อสู้เท่าที่พอจะทำได้ มีเพื่อนและผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำที่ดี โดยผมมองว่า เรื่องของผม มันไม่ต้องใช้เส้นสายอะไรก็ได้มั้ง แค่ผมจะทำตามวิถีประชาชนคนธรรมดาๆ ลองต่อสู้ดูสักตั้ง..

วันนี้...(26 มกราคม) ผมตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมพร้อมเดินทางไป "สำนักงานคุ้มครองแรงงานจังหวัด" เมื่อไปถึง ก็ได้รับการต้อนรับค่อนข้างดี กับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง โดยเขาบอกว่า "ให้เล่ามาตรงๆ พูดมาตรงๆว่าทำไมถึงโดนไล่ออก"

ผมเล่าทุกอย่างแบบไม่ปิดบัง ทุกประเด็น ทุกเรื่องราว... ใช้เวลาไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่คนนั้นแจ้งว่าต้องมี "หนังสือเลิกจ้าง" ถึงจะเข้ากระบวนการได้ ซึ่งเขาแนะนำว่า ให้ผมแกล้งโทรไปฝ่ายบุคคล เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล คือมีอำนาจตัวแทนรับรู้ขององค์กรอยู่แล้วโทรไปว่า จะเอาไปเดินเรื่องประกันสังคมให้ช่วยออก "หนังสือเลิกจ้าง" ให้หน่อย... ให้รีบไปจัดการ ผมมีเวลาแค่ไม่เกิน 17.30 น. ของวันที่ 27 นี้เท่านั้น ต้องได้เอกสารนี้มา แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็คอยมาว่ากัน

ผมตัดสินใจโทรติดต่อหัวหน้าบุคคลทันที แล้วแกล้งบอกตามเจ้าหน้าที่แรงงานแนะนำมา โดยบันทึกข้อความเสียงไว้ตลอดซึ่งเขาแจ้งว่า เขาออกให้ไม่ได้ ทำไมเราไม่เขียนใบลาออกมาสักที ตอนนี้ก็วุ่นๆ กับเงินเดือนอยู่ เอกสารต่างๆ ของเรา พี่จะทำให้ตอนสิ้นเดือน ส่วนเรื่องของเราพี่จะแทงไปเป็นขาดงานเกิน 3 วันไปแทน...

ผมเอาข้อความ ข้อมูลที่ได้มาจากการโทร กลับมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่รับทราบ... เจ้าหน้าที่ก็บบงง ว่าทำไมองค์กรที่ผมทำงานถึงทำกับผมแบบนี้ (แอบดีใจที่เขาเหมือนเข้าข้าง) ว่าแล้วก็ส่งเอกสารการยื่นคำร้องมาให้เขียน และให้แนบบัตรประชาชนมายื่นให้เขา..

ผมเขียนเอกสารเรียบร้อบร้อย และกำลังรอเจ้าหน้าที่คนเดิมว่าง... แต่การที่ผมเข้าไปคุยในห้องหนแรก คือ เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ยินได้ฟังเรื่องราวกันหมดไง... ผมโดนพี่ทนายที่ผมรู้จักเคยปรึกษาเตือนไว้ว่า คนข้างในคนของเขาหมด... พอผมเขียนเอกสารเสร็จ ก็ยืนรอหน้าห้อง.. ไม่นาน มีเจ้าหน้าที่อีกคน เดินออกมาจากห้อง แล้วเชิญผมไปอีกโต๊ะอีกห้องทันที

เขาขอดูเอกสาร แล้วขอเบอร์หัวหน้า hr ที่ผมโทรไปคุย พอผมเขียนเบอร์ให้แกก็โทรเดี๋ยวนั้นเลย แล้วถามว่า เคสของผมมีปัญหาอะไรกัน... ซึ่งผมเองคิดว่า เฮ้ย..มันคุยตอนนี้ผมว่ามันไม่น่าจะใช้ โดยแกพูดทำนองว่าผมเองมายื่นร้องขอเงินชดเชย เลยมาสอบถามว่าทำไมไล่ผมออก... ผมไม่ได้ยินหรอก ว่าเขาคุยอะไรกัน เห็นตอบแค่ว่า อืม...อ๋อ...อืม... แล้วก็พูดถึงเรื่องใบเตือนที่ผมโดนมา แล้วอ๋อๆ สักพัก แล้วก็วางไป

เจ้าหน้าที่คนนี้บอกว่า "คุณโดนใบเตือนมานี่นา...แต่ทางเอชอาร์หาเอกสารไม่เจอ ยังไม่ว่าง เขาว่าจะส่งมาให้ผมดู.." ในขณะที่เขาพูดๆ ผมก็กดโทรศัพท์เลื่อนๆ เพราะเอกสารใบเตือน ผมเซฟในดร๊อปบ็อคไว้ด้วย เลยยื่นให้เขาดู

เขาอ่านๆ ซึ่งผมก็บอกว่า ใบเตือน2ใบเขียนเหมือนกัน แบบนี้แหละครับ ใบแรก แกมายื่นให้ผมเซ็นแล้วแกก็เก็บไปใบที่ 2 ที่ได้มาแกส่งเมลมาให้ผม ผมเลยเก็บได้แค่ใบนี้... เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ในเนื้อหามันไม่ได้บอกว่าทำอะไรผิดแบบชัดเจน มันแค่บอกคลุมเครือเป็นวงกว้าง นั้นหมายความว่า คุณอาจจะทำความผิดเล็กน้อยๆ หรือความผิดร้ายแรงมากก็ได้ ถ้าอย่างไรสู้กันไป ศาลก็ดูตรงนี้ คุณก็แพ้ คุณบอกว่าความผิดมันนิดเดียว แต่คือที่คุณเล่ามาในใบเตือนมันไม่มีไง ผมรู้ว่าคุณเซ็นๆ ยอมรับความผิดไปก็แค่อยากให้เวลาตรงนั้นมันจบๆผ่านๆ ไปแต่เนี้ยแหละ คือเอกสารปิดตายการฟ้องร้องคุณ

ผมไปไม่ถูกเลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

แกบอกผมอีกว่า แกคุยกับหัวหน้าเอชอาร์แล้ว แล้วเขาก็แจ้งว่า เขายังไม่ได้ตัดเงินคุณ วันนี้คุณก็ยังได้เงินอยู่แต่คุณจะโดนในกรณีขาดงานเกิน 3 วัน คือพ้นพรุ่งนี้ 17.30 คุณก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆ อีกต่อไป มันไม่มีทางสู้ได้เลยครับ..เขาปิดประตูคุณหมดแล้ว...ทางเดียวที่พอทำได้คือกลับไปทำงานครับ ถ้าพรุ่งนี้คุณไม่ไปทำงาน คุณก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆ... 

ผมเลยถามว่า ทั้งๆ ที่เขาก็เชิญผมออกจากพื้นที่ทำงานแล้วเนี้ยนะ อุปกรณ์ คอม การทำงานทุกอย่างก็คืนหมดแล้ว

เขาบอกว่านั้นแหละครับ ทำได้แค่คุณไปทำงานพรุ่งนี้ ไปแสกนนิ้ว แล้วไปนั่งที่โต๊ะทำงานคุณ แม้ไม่มีอุปกรณ์การทำงานใดๆคุณก็นั่งต่อไป... จนกว่าเขาจะเลิกจ่ายเงินเดือนคุณเดือนไหน ค่อยมาทำเรื่อง .... อย่าสู้เลยครับ สู้ไปก็เหนื่อย ดันไปก็เสียเวลา ...

ผมแบบ..พูดไรไม่ออก เลยขอกลับ แต่เอกสารเขาไม่คืน ผมก็ทำไมอ่ะครับ ไหนๆ ผมฟ้องไม่ได้ ผมขอคืนไม่ได้เหรอ เขาบอกว่าคืนให้ไม่ได้ เขาจะเก็บไว้ ... ผมเลยขอถ่ายรูปไว้ได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่ได้ครับ เอกสารราชการ.. (แต่ผมแอบถ่ายไว้ตอนเซ็นเสร็จหนแรกแล้ว)

เดินออกมาจากสำนักงานแรงงานแบบหมดแรง...มึน...โทรไปหาพี่ทนาย เขาก็บอกว่า "ไอ้คนคล้ำๆ สูงๆ ใส่แว่นป่ะ"ร้องไห้เหมือนตาเห็น) ผมก็บอกว่าใช่ครับ... เขาก็บอกว่า นั้นไง พี่บอกแล้วว่าคนข้างในคนของเขาหมด....ต่อให้ไปศาลแรงงานสุดท้ายเขาก็คงเตรียมหลักฐานและคงงัดเรื่อง ขาดงานเกิน 3 วันมาอ้าง

พี่ทนายแนะนำว่าหนทางเดียวที่จะพอทำได้ ถ้าไม่ไปทำงานคือโทรไปหลอกถาม เอชอาร์ ให้เขาพูดให้ได้ว่า ตกลงยังไม่ไล่ผมออกใช่ไหม ถึงยังมีเรื่องการจ่ายเงินอยู่ เพราะถ้าไม่ไล่ออก พรุ่งนี้จะได้เข้าไปทำงาน แต่ถ้าเขาหลุดปากออกมาแค่ว่า ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว จะมาทำไม, หรือ ก็เจ้านายเขาไม่ให้มาทำงานแล้ว ประมาณนี้...นั่นจะเป็นหลักฐานสุดท้ายที่ผมจะกำเอาไว้ต่อสู้ในชั้นศาล ปัญหาอยู่ที่ว่า คนๆ นั้น เขาคุยหรือแจ้งกับทางเอชอาร์ไว้แล้วหรือยัง ตอนนี้ผมยังไม่ได้โทรไปคุย เพราะการโทรไปคุยอีกครั้งที่จะเกิดขึ้น น่าจะเป็นการระวังคำพูดกันทุกฝ่าย ถ้าผมโทรไปหนนี้แล้วเขาไม่พูดอะไร... หรือบล็อคสายผม หรือแจ้งว่า พรุ่งนี้จะให้คำตอบ..แล้วมันเกิน 17.30 น. เท่ากับว่า การต่อสู้ของผม จะพ่ายแพ้ต่อกาลเวลา 

รู้สึกว่า บางที การฉลาดต่อคนหมดโอกาส มันก็ไม่แฟร์ คนหนึ่ง...กำลังดิ้นรน เพื่อให้ได้เงินชดเชยตามกฏหมาย เอาไว้เลี้ยงดูตัวเองหลังที่ต้องสู้มากว่า 9 ปี ที่แทบไม่มีอะไรติดตัว...แต่อีกคนกำลังต่อสู้เพื่อผลงานตัวเอง ประดุจว่า ไม่ให้บริษัทเสียเงินสักบาทกับเคสของผม...

จะโทรไปคุยยังไง ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงเลย...เหนื่อยจริง บารมีเยอะจัด หมดทางสู้จริงๆ เหรอ ???
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่