สมัยเด็กๆ ผมจำได้ว่าเวลาสวดอธิษฐานก่อนนอนกับแม่ (ส่วนพ่อของผมที่เป็นโปรแตสแตนท์แกไม่อธิษฐานก่อนนอน) แม่ของผมซึ่งเป็นคาทอลิกจะมีข้ออธิษฐานขอพระเจ้าเรื่องหนึ่งเสมอคือ "ขอให้คริสตังและคริสเตียนได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน"
ผมเติบโตมาในโลกที่รู้ว่าศาสนาคริสต์มีนิกายมาตั้งแต่จำความได้ แล้วก็เฉยๆไม่เคยรู้สึกว่าเป็นศัตรูอะไรกันเลย จนมีญาติทางพ่อบางคนไปเข้าคริสตจักรสุดโต่งแล้วมาบังคับทั้งพ่อและแม่เราให้ย้ายไปเข้าตามเขา มาด่าว่าสอนผิดต่างๆ จึงได้รู้ว่ามีด้านมืดแบบนี้ในโลก แต่สมัยเด็กนั้น ผมก็เข้าใจไปว่า คาทอลิกเรียกคริสตัง โปรแตสแตนท์เรียกคริสเตียน จนโตมาได้ทราบภายหลังว่า ทั้งโลกนี้มีเมืองไทยที่เดียวที่เป็นแบบนี้ เพราะที่จริงทั้งสองคำคือคำเดียวกันแค่ออกเสียงคนละภาษา
เรื่องประหลาดนี้เกิดในไทยมาได้ ก็เพราะ คาทอลิก เข้ามาเผยแพร่ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยบาทหลวงชาวโปรตุเกส ซึ่งในภาษาโปรตุเกสคำว่า คริสตชน ออกเสียงว่า "คริสตัง" (cristão) ชาวไทยจึงติดปากเรียกผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกว่า "คริสตัง" ส่วนโปรแตสแตนท์เข้ามาสมัย รัชกาลที่5 โดยมิชชันนารีจากอเมริกา จึงใช้ภาษาอังกฤษเรียกพวกตนเองว่า "คริสเตียน" (christian)
ซึ่งในต่างประเทศมันจะตลกมากถ้าคิดว่า2คำนี้เป็นเรื่องการเรียกคนละนิกาย เพราะถ้าคุณเป็นโปรแตสแตนท์ไปโปรตุเกส แล้วกรอกช่องศาสนา เขาก็เรียกคุณว่าคริสตัง และถ้าคุณเป็นคาทอลิกไปอเมริกาเขาก็เรียกคุณว่าคริสเตียน จริงๆมันคือคำเดียวกันเลยแค่ออกเสียงคนละภาษา
ในต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ชาวคริสต์ทุกนิกายเรียกรวมว่า คริสเตียน แล้วเขาค่อยแยกว่า เป็นคริสเตียนนิกายคาทอลิก หรือคริสเตียนนิกายโปรแตสแตนท์ หรือถ้าเป้นชาวโปรตุเกส ก็เรียกคริสต์ทุกนิกายว่าคริสตัง แล้วค่อยแยกว่า เป็นคริสตังคาทอลิก หรือคริสตังโปรแตสแตนท์
ดังนั้น ทั้งคำว่า คริสเตียน หรือ คริสตัง ได้มีคำแปลภาษาไทยว่า "คริสตชน" หรือ "ชาวคริสต์" ซึ่งผมอยากเรียกร้องให้คริสตชนทุกนิกายใช้คำนี้ให้มากกว่าเดิม เพราะความจริง คำว่าคริสตังก็ไม่สามารถแปลได้ทันที ส่วนคำว่าคริสเตียนก็ยังทำให้ศาสนาคริสต์ถูกมองว่าเป็นศาสนาฝรั่ง เหมือนอยู่ใต้สังกัดฝรั่ง การใช้คำว่า "คริสตชน" หรือ "ชาวคริสต์" จะทำให้เราดูเป็นตัวตนของเราจริงๆคือ เป็นคนไทยที่นับถือศาสนาคริสต์ อย่างชัดเจนกว่า
ดังจะเห็นความน่าสนใจอีกอย่างคือ การออกเสียงชื่อพระเยซู ที่ภาษาอังกฤษเขียนว่า Jesus แม้หมอบลัดเลย์มาเผยแพร่ศาสนาแล้วใช้คำว่าคริสเตียนเรียกตนเอง แต่ก็ไม่เปลี่ยนการเรียกพระเยซูเป็นแบบอังกฤษว่า พระจีซัส แต่ยังคงใช้สำเนียงโปรตุเกส แบบคาทอลิกตั้งแต่สมัยอยุธยาแบบเดิม อาจด้วยความคุ้นเคยที่ชาวสยามรู้จักชื่อนี้กันดีมาเป็นร้อยปีแล้ว และอาจด้วยคำว่า เยซู นี้ ออกเสียงคล้าย อาราเมอิก หรือ ฮิบรู ซึ่งเป็นภาษาเดิมของพระเยซูมากกว่า จีซัสในภาษาอังกฤษ (ดังที่ในหนัง the Passion of Christ ออกเสียงว่า เยชัว) จึงคงเดิมไว้ไม่ จีซัส
นอกจากนี้ เรายังพบว่า ภาษาทางศาสนาที่ใช้ในคาทอลิกส่วนหนึ่ง เป็นภาษาตกทอดแบบเก่าของชาวอยุธยา เข้าใจว่าหลายๆคำได้ใช้วิธีเทียบภาษาเอา แบบที่ แม่การะเกด ถามพี่ผิน พี่แย้มว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ เรียกว่าอะไร แล้วก็เรียกตาม
ดังนั้นการใช้คำว่าวัด ก็คงมาจากการเทียบคำว่า "สถานประกอบพิธีศาสนาเรียกว่าอะไรหรึอพี่ผิน พี่แย้ม" "อ๋อ วัด เจ้าค่ะ"
ดังที่เราจะยังเห็นในคนสูงวัยรุ่นเก่า ยังนิยมเรียก วัดไทย วัดคริสต์ วัดแขก มิได้แบ่งแยกต้องใช้ทับศัพท์ให้งุนงง พูดฟังไม่รู้ความเสียเปล่าๆ
ยังมีอีกหลายคำที่น่าจะมีที่มาจากการเทียบศัพท์เช่นนี้ เช่น เรียกพระเจ้าว่า "พระ" เฉยๆ ในบทสวดเก่าๆ จะเรียกพระเจ้าหรือพระผู้เป็นเจ้าแค่ว่า "พระ" คาทอลิกจำนวนมากก็ติดคำแบบนี้มาจนทุกวันนี้เช่น "เราเป็นลูกพระ" หมายถึง เราเป็นลูกของพระเจ้า ซึ่งโดยส่วนตัว ผมก็อยากให้ปรับใช้ให้ชัดเจน เพราะ การเรียกพระเจ้าว่า "พระ" เฉยๆเป็นการสับสนคนรุ่นใหม่และนิกายอื่นๆได้ง่าย เพราะคำว่า พระ เฉยๆ มักสื่อถือพระภิกษุศาสนาพุทธมากกว่าอะไรทั้งหมด เช่นถ้าไปพูดกับโปรแตสแตนท์ว่า "พระไม่ทิ้งเรา" บางคนจะถามกลับมาว่า "พระไหน" ผมสนับสนุนให้ใช้ให้ชัดไปเลยว่า "พระเจ้า"
อย่างอีกคำเช่น คำว่า สังฆราช ซึ่งมีคนพุทธไทยบางคน หวีดร้องมากว่า ไปใช้คำของศาสนาเขาเพื่อกลืนหรือข่ม ผมอยากจะบอกว่า ของศาสนาพุทธไทยเนี่ย เรียกว่า "สมเด็จพระสังฆราช" นะออเจ้า แค่มีคำว่า"สมเด็จ"นำก็ราชาศัพท์สูงกว่าสังฆราชเฉยๆ หรือแม้แต่เติม อัคร เข้าไป ยังไม่เท่า สมเด็จ ดอกนะออเจ้า ไม่ต้องกลัวข่ม หรือกรณีกลัวคนพุทธเปลี่ยนศาสนาเพราะเรื่องนี้ อยากจะบอกว่า ถ้าสับสนเรื่องการสื่อสารบ้างนี่ไม่แปลกแต่ถ้าจะคิดว่ามีคนสับสนจนเปลี่ยนศาสนาเพราะคำซ้ำกัน ก็อยากจะบอกว่า ถ้าใครติ๊งต๊องขนาดเปลี่ยนศาสนาเพราะสับสนคำก็ปล่อยเขาไปเถอะ เพราะเกินคำว่าติงต๊อง แล้ว ต้องระดับ วิปลาสเพราะต้องมนต์กฤษณะกาลีเป็นแน่
ที่สำคัญ ศาสนาพุทธเองเวลาแปลอังกฤษ หรือไปเผยแพร่ในต่างประเทศ ก็ยืมคำคริสต์ไปใช้แปลเป็น อึดตะปือนัง(เยอะ) ไม่เคยเห็นชาวคริสต์ฟะรังคี จะมาหวีดร้องว่าโดนขโมยคำไปใช้แต่อย่างใด เหตุใดเขาไม่ใจคับแคบงกตระหนี่กระทั่ง คำ แบบออเจ้า หรือเขามั่นใจว่า คนของเขาเฉลียวฉลาดไม่มีทางวิปลาสเปลี่ยนศาสนาเพราะสับสนคำก็มิรู้ได้
ยังมีอีกคำที่มาแล้วความหมายไม่ค่อยตรงคือคำว่า ศีล เข้าใจว่าคงถามว่า "สิ่งที่ต้องปฏิบัติทางศาสนา คืออะไรพี่ผิน พี่แย้ม" "อ้อ ศีล ไงเจ้าคะ" แต่คำว่าศีลจริงๆแปลว่า การปฏิบัติ ที่เทียบไปแล้วเหมือนบัญญัติ10ประการมากกว่า พอมาทางคริสต์ ศีล กลายมาเป็นความหมายเชิง พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ แทนข้อปฏิบัติทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีคำสำคัญที่ คาทอลิกและโปรแตสแตนท์ใช้ต่างกันจนปัจจุบัน คือ คำว่า Holy Spirit ซึ่ง คาทอลิกแปลว่า พระจิต ส่วนโปรแตสแตนท์แปลว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งคำว่า Spirit มักแปลได้ว่า จิตวิญญาณ อยู่แล้ว แต่ที่มาน่าจะมาจากภาษาอังกฤษเก่า คือ Holy Ghost ซึ่งถ้าเอาภาษาไทยตรงตัวจะแปลว่า ผี เป็น ผีบริสุทธิ์ ก็ฟังตลกจึงใช้คำว่า วิญญาณ หรือพระวิญญาณ เพื่อสื่อว่าคือพระเจ้า ไม่ใช่ผีสางนางตะเคียนโดยทั่วไป
เท่าที่ทราบมาทางผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งฝ่ายคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ ล้วนร่วมมือกันในการพยายามปรับคำแปลทางศาสนาเพื่อให้ใช้เหมือนๆกันมากที่สุดมานานแล้ว เพื่อเราชาวคริสต์ทุกนิกายจะสื่อสารกันได้ง่ายที่สุด แต่บางคำยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ ก็คงต้องให้แต่ละคนใช้ความพยายาม ที่จะเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันด้วยตนเอง พี่น้องพ่อเดียวกันแลเป็นคนชนชาติเดียวกัน ก็น่าเข้าใจกันได้ไม่ยากเกินความพยายามนะออเจ้าทั้งหลาย
#บุพเพสันนิวาส #คริสเตียน #คริสตัง #แม่มะลิ
CR. :
https://www.facebook.com/photo?fbid=2030074490353689&set=a.882612015099948
+ ทำไมคนไทยแยกคริสเตียนกับคริสตัง แต่พวกฟะรังคีหาแยกแบบนี้ไม่ +
สมัยเด็กๆ ผมจำได้ว่าเวลาสวดอธิษฐานก่อนนอนกับแม่ (ส่วนพ่อของผมที่เป็นโปรแตสแตนท์แกไม่อธิษฐานก่อนนอน) แม่ของผมซึ่งเป็นคาทอลิกจะมีข้ออธิษฐานขอพระเจ้าเรื่องหนึ่งเสมอคือ "ขอให้คริสตังและคริสเตียนได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน"
ผมเติบโตมาในโลกที่รู้ว่าศาสนาคริสต์มีนิกายมาตั้งแต่จำความได้ แล้วก็เฉยๆไม่เคยรู้สึกว่าเป็นศัตรูอะไรกันเลย จนมีญาติทางพ่อบางคนไปเข้าคริสตจักรสุดโต่งแล้วมาบังคับทั้งพ่อและแม่เราให้ย้ายไปเข้าตามเขา มาด่าว่าสอนผิดต่างๆ จึงได้รู้ว่ามีด้านมืดแบบนี้ในโลก แต่สมัยเด็กนั้น ผมก็เข้าใจไปว่า คาทอลิกเรียกคริสตัง โปรแตสแตนท์เรียกคริสเตียน จนโตมาได้ทราบภายหลังว่า ทั้งโลกนี้มีเมืองไทยที่เดียวที่เป็นแบบนี้ เพราะที่จริงทั้งสองคำคือคำเดียวกันแค่ออกเสียงคนละภาษา
เรื่องประหลาดนี้เกิดในไทยมาได้ ก็เพราะ คาทอลิก เข้ามาเผยแพร่ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยบาทหลวงชาวโปรตุเกส ซึ่งในภาษาโปรตุเกสคำว่า คริสตชน ออกเสียงว่า "คริสตัง" (cristão) ชาวไทยจึงติดปากเรียกผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกว่า "คริสตัง" ส่วนโปรแตสแตนท์เข้ามาสมัย รัชกาลที่5 โดยมิชชันนารีจากอเมริกา จึงใช้ภาษาอังกฤษเรียกพวกตนเองว่า "คริสเตียน" (christian)
ซึ่งในต่างประเทศมันจะตลกมากถ้าคิดว่า2คำนี้เป็นเรื่องการเรียกคนละนิกาย เพราะถ้าคุณเป็นโปรแตสแตนท์ไปโปรตุเกส แล้วกรอกช่องศาสนา เขาก็เรียกคุณว่าคริสตัง และถ้าคุณเป็นคาทอลิกไปอเมริกาเขาก็เรียกคุณว่าคริสเตียน จริงๆมันคือคำเดียวกันเลยแค่ออกเสียงคนละภาษา
ในต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ชาวคริสต์ทุกนิกายเรียกรวมว่า คริสเตียน แล้วเขาค่อยแยกว่า เป็นคริสเตียนนิกายคาทอลิก หรือคริสเตียนนิกายโปรแตสแตนท์ หรือถ้าเป้นชาวโปรตุเกส ก็เรียกคริสต์ทุกนิกายว่าคริสตัง แล้วค่อยแยกว่า เป็นคริสตังคาทอลิก หรือคริสตังโปรแตสแตนท์
ดังนั้น ทั้งคำว่า คริสเตียน หรือ คริสตัง ได้มีคำแปลภาษาไทยว่า "คริสตชน" หรือ "ชาวคริสต์" ซึ่งผมอยากเรียกร้องให้คริสตชนทุกนิกายใช้คำนี้ให้มากกว่าเดิม เพราะความจริง คำว่าคริสตังก็ไม่สามารถแปลได้ทันที ส่วนคำว่าคริสเตียนก็ยังทำให้ศาสนาคริสต์ถูกมองว่าเป็นศาสนาฝรั่ง เหมือนอยู่ใต้สังกัดฝรั่ง การใช้คำว่า "คริสตชน" หรือ "ชาวคริสต์" จะทำให้เราดูเป็นตัวตนของเราจริงๆคือ เป็นคนไทยที่นับถือศาสนาคริสต์ อย่างชัดเจนกว่า
ดังจะเห็นความน่าสนใจอีกอย่างคือ การออกเสียงชื่อพระเยซู ที่ภาษาอังกฤษเขียนว่า Jesus แม้หมอบลัดเลย์มาเผยแพร่ศาสนาแล้วใช้คำว่าคริสเตียนเรียกตนเอง แต่ก็ไม่เปลี่ยนการเรียกพระเยซูเป็นแบบอังกฤษว่า พระจีซัส แต่ยังคงใช้สำเนียงโปรตุเกส แบบคาทอลิกตั้งแต่สมัยอยุธยาแบบเดิม อาจด้วยความคุ้นเคยที่ชาวสยามรู้จักชื่อนี้กันดีมาเป็นร้อยปีแล้ว และอาจด้วยคำว่า เยซู นี้ ออกเสียงคล้าย อาราเมอิก หรือ ฮิบรู ซึ่งเป็นภาษาเดิมของพระเยซูมากกว่า จีซัสในภาษาอังกฤษ (ดังที่ในหนัง the Passion of Christ ออกเสียงว่า เยชัว) จึงคงเดิมไว้ไม่ จีซัส
นอกจากนี้ เรายังพบว่า ภาษาทางศาสนาที่ใช้ในคาทอลิกส่วนหนึ่ง เป็นภาษาตกทอดแบบเก่าของชาวอยุธยา เข้าใจว่าหลายๆคำได้ใช้วิธีเทียบภาษาเอา แบบที่ แม่การะเกด ถามพี่ผิน พี่แย้มว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ เรียกว่าอะไร แล้วก็เรียกตาม
ดังนั้นการใช้คำว่าวัด ก็คงมาจากการเทียบคำว่า "สถานประกอบพิธีศาสนาเรียกว่าอะไรหรึอพี่ผิน พี่แย้ม" "อ๋อ วัด เจ้าค่ะ"
ดังที่เราจะยังเห็นในคนสูงวัยรุ่นเก่า ยังนิยมเรียก วัดไทย วัดคริสต์ วัดแขก มิได้แบ่งแยกต้องใช้ทับศัพท์ให้งุนงง พูดฟังไม่รู้ความเสียเปล่าๆ
ยังมีอีกหลายคำที่น่าจะมีที่มาจากการเทียบศัพท์เช่นนี้ เช่น เรียกพระเจ้าว่า "พระ" เฉยๆ ในบทสวดเก่าๆ จะเรียกพระเจ้าหรือพระผู้เป็นเจ้าแค่ว่า "พระ" คาทอลิกจำนวนมากก็ติดคำแบบนี้มาจนทุกวันนี้เช่น "เราเป็นลูกพระ" หมายถึง เราเป็นลูกของพระเจ้า ซึ่งโดยส่วนตัว ผมก็อยากให้ปรับใช้ให้ชัดเจน เพราะ การเรียกพระเจ้าว่า "พระ" เฉยๆเป็นการสับสนคนรุ่นใหม่และนิกายอื่นๆได้ง่าย เพราะคำว่า พระ เฉยๆ มักสื่อถือพระภิกษุศาสนาพุทธมากกว่าอะไรทั้งหมด เช่นถ้าไปพูดกับโปรแตสแตนท์ว่า "พระไม่ทิ้งเรา" บางคนจะถามกลับมาว่า "พระไหน" ผมสนับสนุนให้ใช้ให้ชัดไปเลยว่า "พระเจ้า"
อย่างอีกคำเช่น คำว่า สังฆราช ซึ่งมีคนพุทธไทยบางคน หวีดร้องมากว่า ไปใช้คำของศาสนาเขาเพื่อกลืนหรือข่ม ผมอยากจะบอกว่า ของศาสนาพุทธไทยเนี่ย เรียกว่า "สมเด็จพระสังฆราช" นะออเจ้า แค่มีคำว่า"สมเด็จ"นำก็ราชาศัพท์สูงกว่าสังฆราชเฉยๆ หรือแม้แต่เติม อัคร เข้าไป ยังไม่เท่า สมเด็จ ดอกนะออเจ้า ไม่ต้องกลัวข่ม หรือกรณีกลัวคนพุทธเปลี่ยนศาสนาเพราะเรื่องนี้ อยากจะบอกว่า ถ้าสับสนเรื่องการสื่อสารบ้างนี่ไม่แปลกแต่ถ้าจะคิดว่ามีคนสับสนจนเปลี่ยนศาสนาเพราะคำซ้ำกัน ก็อยากจะบอกว่า ถ้าใครติ๊งต๊องขนาดเปลี่ยนศาสนาเพราะสับสนคำก็ปล่อยเขาไปเถอะ เพราะเกินคำว่าติงต๊อง แล้ว ต้องระดับ วิปลาสเพราะต้องมนต์กฤษณะกาลีเป็นแน่
ที่สำคัญ ศาสนาพุทธเองเวลาแปลอังกฤษ หรือไปเผยแพร่ในต่างประเทศ ก็ยืมคำคริสต์ไปใช้แปลเป็น อึดตะปือนัง(เยอะ) ไม่เคยเห็นชาวคริสต์ฟะรังคี จะมาหวีดร้องว่าโดนขโมยคำไปใช้แต่อย่างใด เหตุใดเขาไม่ใจคับแคบงกตระหนี่กระทั่ง คำ แบบออเจ้า หรือเขามั่นใจว่า คนของเขาเฉลียวฉลาดไม่มีทางวิปลาสเปลี่ยนศาสนาเพราะสับสนคำก็มิรู้ได้
ยังมีอีกคำที่มาแล้วความหมายไม่ค่อยตรงคือคำว่า ศีล เข้าใจว่าคงถามว่า "สิ่งที่ต้องปฏิบัติทางศาสนา คืออะไรพี่ผิน พี่แย้ม" "อ้อ ศีล ไงเจ้าคะ" แต่คำว่าศีลจริงๆแปลว่า การปฏิบัติ ที่เทียบไปแล้วเหมือนบัญญัติ10ประการมากกว่า พอมาทางคริสต์ ศีล กลายมาเป็นความหมายเชิง พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ แทนข้อปฏิบัติทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีคำสำคัญที่ คาทอลิกและโปรแตสแตนท์ใช้ต่างกันจนปัจจุบัน คือ คำว่า Holy Spirit ซึ่ง คาทอลิกแปลว่า พระจิต ส่วนโปรแตสแตนท์แปลว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งคำว่า Spirit มักแปลได้ว่า จิตวิญญาณ อยู่แล้ว แต่ที่มาน่าจะมาจากภาษาอังกฤษเก่า คือ Holy Ghost ซึ่งถ้าเอาภาษาไทยตรงตัวจะแปลว่า ผี เป็น ผีบริสุทธิ์ ก็ฟังตลกจึงใช้คำว่า วิญญาณ หรือพระวิญญาณ เพื่อสื่อว่าคือพระเจ้า ไม่ใช่ผีสางนางตะเคียนโดยทั่วไป
เท่าที่ทราบมาทางผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งฝ่ายคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ ล้วนร่วมมือกันในการพยายามปรับคำแปลทางศาสนาเพื่อให้ใช้เหมือนๆกันมากที่สุดมานานแล้ว เพื่อเราชาวคริสต์ทุกนิกายจะสื่อสารกันได้ง่ายที่สุด แต่บางคำยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ ก็คงต้องให้แต่ละคนใช้ความพยายาม ที่จะเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันด้วยตนเอง พี่น้องพ่อเดียวกันแลเป็นคนชนชาติเดียวกัน ก็น่าเข้าใจกันได้ไม่ยากเกินความพยายามนะออเจ้าทั้งหลาย
#บุพเพสันนิวาส #คริสเตียน #คริสตัง #แม่มะลิ
CR. : https://www.facebook.com/photo?fbid=2030074490353689&set=a.882612015099948