คือ ตำรา(พระไตรปิฎก) ? คือ ความจริงที่ประเสริฐตามธรรมชาติ? คือ ความจริงของชีวิต?
๑. การนั่งสมาธิโดยไม่หลับไม่นอน ไม่กินข้าวกินน้ำ ไม่ขี้ไม่เยี่ยว สองวันสองคืน มันผิดธรรมชาติ มันเป็นไปไม่ได้ ผิดทั้งวิทยาศาสตร์และการแพทย์ การนั่งเข่าคู้ พับขาขัดสมาธิ เกิน ๖ ชม. เลือดและลมไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ร่างกายจะเตือนก่อนใน ชม.แรก อาการปวดจะตามมา ฝืนได้ไม่เกิน ๓ ชม. ถ้าเกินจากนั้น เซลล์จะเริ่มเสื่อมและตายลง จะทำให้เดินไม่ได้อีกต่อไป จึงต้องมีอริยาบท ๔ การขับของเสียออกจากร่างกาย คือการฉี่ ถ้าเกิน ๔ ชม. ระบบกรวยไตจะอักเสบ จะฉี่ไม่ออก การนั่ง ๒ วัน ๔๘ ชม. มันเป็นไปไม่ได้ ขัดความเป็นจริงตามธรรมชาติ (พระสัจธรรม) ขัดต่อหลักการทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์
๒. การกินเห็ดพิษตอนเช้าเข้าร่างกาย ไม่เกิน ๑ ชม. ถ้าไม่รีบล้างท้อง ร่างกายจะทำหน้าที่อาเจียน และถ่ายท้อง เอาออกจนหมด ไม่เกิน ๖ ชม. จึงจะรอดตาย แต่ตำราบอก ท่านอยู่จนเกือบเช้า นั่นคือ ๒๐ ชม. นี่ก็ผิดธรรมชาติ ผิดหลักวิทยาศาสตร์และการแพทย์
๓. พระพุทธเจ้ากินเห็ดพิษตาย พระสารีบุตรถูกตีหัวตาย พระโมคคัลลานะถูกฆ่าตาย ไม่นึกสงสัยหรือมันไม่แปลกบ้างหรือไง ?
๔. ตำราจำมาผิด หรือ ผู้แปลแปลมาผิด หรือ ถูกแก้ไขเพื่อให้เข้ากับระบบการเมืองการปกครองในแต่ละยุคแต่ละสมัย ไม่ได้รึไง ? ปี ๒๕๐๓ แก้คำว่า สันโดษ กลัวคนเก่ง ฉลาดจะออกบวชกันหมด ประเทศจะไม่เจริญ เศรษฐกิจจะไม่มั่งคั่ง เพราะคนฉลาดหนีเข้าป่า สันโดษกันหมด ปี ๒๕๔๐ แก้จากบุญกิริยา ๓ วัตถุทาน อภัยทาน ธรรมทาน เหลือบุญกิริยา ๒ จากธรรมทานอันเป็นทานอันสูงสุด เป็นอภัยทาน เป็นทานอันสูงสุด ล่าสุด บัว ๔ เหล่า เหลือ บัว ๓ เหล่า แก้คำแก้ประโยคกันมากมาย มาตลอดในยุคเรานี่เอง พระไตรปิฎกมันแก้ได้หรือ ? ผู้แก้มีปัญญาทัดเทียมพระศาสดาจริงหรือ ?
๕. กาลามสูตรก็โดนแก้ เรียงหัวข้อและประโยคใหม่ ตัด กาลามชนท่านใดพึงอย่าเชื่อโดยสักแต่ว่าออก (โดยมักง่ายไร้เหตุผล) ตัดกาลามชนท่านใดพึงอย่าเชื่อโดยสักแต่ว่า แม้ผู้นั้นเป็นพ่อแม่ของเรา (ออก) เดิม ๑.ตำรา ๒.อาจารย์ ๓.พ่อแม่ ๔.ผู้น่าเชื่อ ๕.แม้เสียงหมู่มาก ฯลฯ ท่านสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆจนกว่าจะได้ทดสอบและพิสูจน์ ถ้าดีก็นำไปใช้ ไม่ดีก็โยนทิ้งไป จะได้เจอของจริง มิใช่จมปลักดักดานอยู่ในวัฒนธรรม จารีต ประเพณีเก่าๆ ที่สืบๆกันมา โดยขาดเหตผล
จะเอาพระไตรปิฎกเป็นหัวใจหลักว่าตรงและไม่ผิด โดยไม่รับฟังประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติจริง ว่ามีเหตุมีผลหรือไม่ จะไม่เปิดตาเปิดใจยอมรับว่าอะไรคือดวงตาเห็นธรรม? จะได้ไม่เสียโอกาส
ทำไมองค์พระปฏิมาจึงมองต่ำ แม้ปรินิพพานยังทิ้งปริศนาธรรมเอาไว้ให้ผู้มีปัญญา? เดินบิณบาตรท่านให้มองไปข้างหน้า ๗ ก้าว บริกรรมคาถา กิน เดิน นั่ง นอน ผูกจิตไว้กับกาย มิให้จิตห่างกาย กายเคลื่อนใจรู้ จิตเคลื่อนจิตเห็น จะได้มีปัญญารู้เท่าทันความคิด เห็นการทำงานของสมองที่ตอบสนองอารมณ์ต่างๆ ประกาศธรรม ทรงค้นพบ อริยสัจ ๔
จิตที่สงบตั้งมั่น ย่อมเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง และหยั่งให้เกิดความสงบสุข
พระสัจธรรม คืออะไร?
๑. การนั่งสมาธิโดยไม่หลับไม่นอน ไม่กินข้าวกินน้ำ ไม่ขี้ไม่เยี่ยว สองวันสองคืน มันผิดธรรมชาติ มันเป็นไปไม่ได้ ผิดทั้งวิทยาศาสตร์และการแพทย์ การนั่งเข่าคู้ พับขาขัดสมาธิ เกิน ๖ ชม. เลือดและลมไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ร่างกายจะเตือนก่อนใน ชม.แรก อาการปวดจะตามมา ฝืนได้ไม่เกิน ๓ ชม. ถ้าเกินจากนั้น เซลล์จะเริ่มเสื่อมและตายลง จะทำให้เดินไม่ได้อีกต่อไป จึงต้องมีอริยาบท ๔ การขับของเสียออกจากร่างกาย คือการฉี่ ถ้าเกิน ๔ ชม. ระบบกรวยไตจะอักเสบ จะฉี่ไม่ออก การนั่ง ๒ วัน ๔๘ ชม. มันเป็นไปไม่ได้ ขัดความเป็นจริงตามธรรมชาติ (พระสัจธรรม) ขัดต่อหลักการทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์
๒. การกินเห็ดพิษตอนเช้าเข้าร่างกาย ไม่เกิน ๑ ชม. ถ้าไม่รีบล้างท้อง ร่างกายจะทำหน้าที่อาเจียน และถ่ายท้อง เอาออกจนหมด ไม่เกิน ๖ ชม. จึงจะรอดตาย แต่ตำราบอก ท่านอยู่จนเกือบเช้า นั่นคือ ๒๐ ชม. นี่ก็ผิดธรรมชาติ ผิดหลักวิทยาศาสตร์และการแพทย์
๓. พระพุทธเจ้ากินเห็ดพิษตาย พระสารีบุตรถูกตีหัวตาย พระโมคคัลลานะถูกฆ่าตาย ไม่นึกสงสัยหรือมันไม่แปลกบ้างหรือไง ?
๔. ตำราจำมาผิด หรือ ผู้แปลแปลมาผิด หรือ ถูกแก้ไขเพื่อให้เข้ากับระบบการเมืองการปกครองในแต่ละยุคแต่ละสมัย ไม่ได้รึไง ? ปี ๒๕๐๓ แก้คำว่า สันโดษ กลัวคนเก่ง ฉลาดจะออกบวชกันหมด ประเทศจะไม่เจริญ เศรษฐกิจจะไม่มั่งคั่ง เพราะคนฉลาดหนีเข้าป่า สันโดษกันหมด ปี ๒๕๔๐ แก้จากบุญกิริยา ๓ วัตถุทาน อภัยทาน ธรรมทาน เหลือบุญกิริยา ๒ จากธรรมทานอันเป็นทานอันสูงสุด เป็นอภัยทาน เป็นทานอันสูงสุด ล่าสุด บัว ๔ เหล่า เหลือ บัว ๓ เหล่า แก้คำแก้ประโยคกันมากมาย มาตลอดในยุคเรานี่เอง พระไตรปิฎกมันแก้ได้หรือ ? ผู้แก้มีปัญญาทัดเทียมพระศาสดาจริงหรือ ?
๕. กาลามสูตรก็โดนแก้ เรียงหัวข้อและประโยคใหม่ ตัด กาลามชนท่านใดพึงอย่าเชื่อโดยสักแต่ว่าออก (โดยมักง่ายไร้เหตุผล) ตัดกาลามชนท่านใดพึงอย่าเชื่อโดยสักแต่ว่า แม้ผู้นั้นเป็นพ่อแม่ของเรา (ออก) เดิม ๑.ตำรา ๒.อาจารย์ ๓.พ่อแม่ ๔.ผู้น่าเชื่อ ๕.แม้เสียงหมู่มาก ฯลฯ ท่านสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆจนกว่าจะได้ทดสอบและพิสูจน์ ถ้าดีก็นำไปใช้ ไม่ดีก็โยนทิ้งไป จะได้เจอของจริง มิใช่จมปลักดักดานอยู่ในวัฒนธรรม จารีต ประเพณีเก่าๆ ที่สืบๆกันมา โดยขาดเหตผล
จะเอาพระไตรปิฎกเป็นหัวใจหลักว่าตรงและไม่ผิด โดยไม่รับฟังประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติจริง ว่ามีเหตุมีผลหรือไม่ จะไม่เปิดตาเปิดใจยอมรับว่าอะไรคือดวงตาเห็นธรรม? จะได้ไม่เสียโอกาส
ทำไมองค์พระปฏิมาจึงมองต่ำ แม้ปรินิพพานยังทิ้งปริศนาธรรมเอาไว้ให้ผู้มีปัญญา? เดินบิณบาตรท่านให้มองไปข้างหน้า ๗ ก้าว บริกรรมคาถา กิน เดิน นั่ง นอน ผูกจิตไว้กับกาย มิให้จิตห่างกาย กายเคลื่อนใจรู้ จิตเคลื่อนจิตเห็น จะได้มีปัญญารู้เท่าทันความคิด เห็นการทำงานของสมองที่ตอบสนองอารมณ์ต่างๆ ประกาศธรรม ทรงค้นพบ อริยสัจ ๔
จิตที่สงบตั้งมั่น ย่อมเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง และหยั่งให้เกิดความสงบสุข